เกือบสิบปีก่อน จู่ๆ เราก็ได้ยินเพลงหนึ่ง จากวิทยุ หรือจากที่ไหนสักที่ แต่ไม่ใช่ช่องรายการเพลงฝรั่งทางเคเบิลแน่นอน (คือบ้านไม่ได้มีเงินจะติดได้) เขาว่ากันว่าเป็นเพลงฮิตในตอนนี้ มันแปลก มันเก่า แต่มันสด และแหวกกระแสเพลงฮิพฮอพ ตื๊ดๆ มาขึ้นชาร์ทบิลบอร์ดได้
เพลงอะไรวะ?
โอเค เราไม่ชอบเพลงฮิพฮอพ
ในช่วงยุคนั้นที่เพลงฮิพฮอพบีทตึ้บๆ มีเมโลดี้งุ้งงิ้งคลอ และเสียงนักร้องหญิงร้องร้องแบบเก๋ๆ แต่ไม่เสนาะแบบสายดิว่านั้น จัดว่าเป็นยุคมืดของการฟังเพลงสำหรับเรา เราเปิดวิทยุแล้วไม่เคยมีเพลงที่ต้องจริต มันไม่ใช่ความผิดของเพลงแนวนี้หรือคนที่นิยมมันเลย ผิดที่เราเองดันโตมากับเพลงทหารเรือ เพลงของวงสุนทราภรณ์ โตมาหน่อยก็ผลงานของบรรดา ขุ่นแม่ อย่างมารายห์ แครี่ , เซลีน ดิออน หรือ วิทนีย์ ฮูสตัน สุดแท้แต่ที่จะเจอในห้องพี่ชาย (เดี๋ยว ทำไมพี่ชายฟังเพลงขุ่นแม่)
เราจำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าช่วงที่เราฟังเพลงสมัยนิยมไม่เพราะนั้นเราไปฟังอะไรอยู่ หรือช่วงนั้นเราจะไม่ได้ฟังเพลงเลย หรือว่าจะไปกรี๊ดบอยแบนด์ต่างประเทศมันก็ไม่น่าจะเป็นช่วงนั้น
แต่โลกของการฟังเพลงสำหรับเราเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยิน
They tried to make me go to rehab
I said, no, no, no
เราไม่รู้จริงๆ ว่าเพลงนี้คือแนวอะไร แต่มันคือความสดชื่น คือสิ่งที่ได้ยินแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย นี่แหละเพลงที่เป็นแนวทางของเรา มันเคาะจังหวะแบบเพลง
That Thing You Do (
ตึก ตึกตึก..... ตึก ตึกตึก) แต่มันก็มีกลิ่นบางอย่างที่คล้ายเพลงโมทาวน์ แต่บางจุดมันก็แจ๊ซเว้ย เราสรุปไม่ได้จริงๆ ว่าเพลง Rehab มันคือแนวอะไร แต่การที่เพลงนี้ฝ่ากระแสเพลงฮิพฮอพขึ้นไปสู่ TOP10 ของ Billboard มันต้องไม่ธรรมดา แม่อันดับสูงสุดของ Rehab จะไปไม่ถึงอันดับที่ 1 (สูงสุดได้ลำดับที่ 9 อ้างอิงจาก
billboard.com )
แต่เพลง Rehab นั้น ฟาดกล่องเรียบจ้ะ 5 รางวัลแกรมมี่ (อ้างอิงจาก
GRAMMY.com ) โดยที่ Amy ได้ทำการแสดงสดจากอังกฤษ ยิงสัญญาณเข้าไปในงาน คือนางเข้าเข้าอเมริกาไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหายาเสพติด วินาทีที่ประกาศรางวัลว่าเป็นของนาง ตอนนั้นเราร้องออกมาด้วยความดีใจ เพราะเราเชียร์ ไม่เชียร์เพลงเข้าผับตื๊ดๆ โอ้โห bias สุด
เราไม่แน่ใจว่าตัวเองอุปาทานไปเองหรือสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นจริงตามที่เราคาด
หลังจากเพลง Rehab ของ Amy ขึ้นไปติดชาร์ทอันดับสูงๆ ของ Billboard และยังได้รางวัลการันตีอีกมากมาย ภาพจำของเพลงในยุคหลังจากนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพลงฮิพฮอพเน้นจังหวะตื๊ดดูผับมากอะไรมากเริ่มหายไป เพลงที่เข้าชาร์ทกลายเป็นเพลงฟังมากขึ้นเรื่อยๆ ศิลปินจากอังกฤษก็พากันดาหน้าเข้ามาติด Billboard เต็มไปหมด (Adele ก็ใช่ Jessi J, Ed Sheeran และอื่นๆ อีกมาก) กระทั่งศิลปินฝั่งอเมริกาเองก็ยังพาเพลงที่เป็นเพลงฟัง(ในสายตา/หู)เรา เข้าชาร์ทอย่างต่อเนื่อง เราได้ยินเพลงของ Bruno Mars หรือ Cee Lo Green ที่มีความเป็น Motown สูงขึ้นอันดับหนึ่ง เราได้เห็นศิลปินรุ่นใหม่อย่าง Megan Traitnor ที่ทำเพลงกลิ่นเก่าๆ ออกมา
นี่คิดเองเออเอง ว่า Rehab ของ Amy Winehouse ในวันนั้นคือ Turning Point หนึ่งของวงการเพลง
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมันสั้นกว่าที่คิด
Amy จากไปในปี 2011 อย่างกะทันหัน และเข้าร่วมคลับ forever 27 ตลอดไป (ซึ่งไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอก) ในวันนั้นเรานั่งร้องไห้อย่างจริงจัง แค่ได้ยินเพลงของเธอก็น้ำตาไหลแล้ว Amy อาจจะไม่ได้เป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ แต่นางเป็นคนสำคัญที่ทำให้โฉมหน้าของเพลงยุคหลังเปลี่ยนไป และทำให้ของที่ oldschool กลายเป็นแฟชั่น และของทันสมัยได้
คนที่ชอบของเก่าๆ อย่างเราเลยทันสมัยเลย
หลังจากนางจากไป ได้มีอัลบั้มออกมาหนึ่งอัลบั้ม Lioness : Hidden Treasures (ไม่นับที่ไป feat. Tony Bennett เพลง Body and Soul) เราเดินไปซื้อแผ่นที่ร้าน บรรเลง rip เป็นไฟล์ใส่ไอพอดและเก็บกล่อง CD นั้นไว้บนตู้อย่างทะนุถนอม
ทั้งที่มีเพลงสดใส อ่อนหวานอย่าง
Our Day Will Come ซึ่งทำมาในรูปแบบเรกเก้เบาๆ ก็ยังทำเราร้องไห้อยู่ หรือเพลงที่ร่าเริงมากๆ อย่าง Valerie ที่ได้ Mark Ronson มาโปรดิวซ์และรีมิกซ์จนกลายเป็นเพลงฮิตอีกเพลง ในเวอร์ชื่อ
Valerie ('68 Version) มันมีความเก่าเคล้าความเศร้าอย่างที่เพลงมันควรจะเป็น กระทั่ง
Tears Dry on Their Own ที่
เวอร์ชั่นปกติ มิกซ์เสียสดใส สดชื่น โมทาวน์มากสมกับที่เอาทางคอร์ดของเพลง Ain't No Mountain High Enough มาแต่ง แต่เมื่อฟังเวอร์ชั่นต้นฉบับ....เรากลับรู้สึกว่าการที่น้ำตามันแห้งไปเองอาจจะไม่ใช่ความเข้มแข็งที่เกิดขึ้น แต่กลายเป็นความเสียใจที่หมดจนเหลือเพียงความว่างเปล่าก็เท่านั้นเอง
การใช้ชีวิตของเธออาจจะไม่ได้เป็นแบบอย่างที่ดีนัก แต่หัวใจที่เธอรักและรังสรรค์ผลงานย่อมมีคนจำได้ รักใคร่ และเสียน้ำตาให้ไปอีกนาน
อย่างน้อยก็เราคนนึงล่ะ ;'--]
ป.ล. จะพยายามวาดรูป cover ให้ได้ทุกคนนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in