เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Storycjitkup
ความรักเมื่อยังเยาว์วัย
  • ใครหลายคนต่างเคยมีความรักกันทั้งนั้น มันเกิดจากสิ่งเล็กๆที่เริ่มก่อตัวกันเป็นก้อนและจุกอยู่ที่อก
    มันทำให้ฉันมีความสุขและความเศร้าปนกันไป ความรักในตอนนั้นของฉันมันไม่ได้สมหวังอะไรอย่างกับคนอื่นๆเขา

    ถ้าให้นึกถึงตัวเองในตอนนั้นก็คงงี่เง่าสิ้นดี การแอบชอบมันจะไปสมหวังได้อย่างไรหากไม่ได้เอ่ยออกจากปากไป ซึ่งฉันก็เป็นฝ่ายเลือกเองที่จะทำอย่างนั้น เรื่องราวของฉันมันคงไปซ้ำอย่างกับบทละครหรือนิยายที่ใครหลายๆคนเคยอ่าน แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ ฉันไม่ได้ขอให้คุณเชื่อสิ่งที่ฉันพิมพ์ออกมาทั้งหมด ฉันเพียงแค่อยากเล่า ให้พวกคุณรับรู้ก็พอ มันอาจจะยาวเสียหน่อย เพราะว่ามันเป็นเรื่องราวเกือบสามปีที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับคำว่า แอบชอบ

    ฉันไม่ได้เป็นคนสวยอะไรในสายตาคนอื่นๆ ฉันยอมรับว่าฉันไม่ใช่คนน่ารักอะไรเลย ฉันก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งที่มีแก้มกลมอย่างกับซาลาเปา แถมก็ยังถูกเพื่อนๆที่รู้จักเรียกว่า ชบาแก้ว อีกด้วยซ้ำ
    แต่ฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไรพวกเขาหรอกนะ อาจจะเป็นเพราะว่าในตอนนั้นฉันยังเด็กและไม่ได้คิดมากอะไร ฉันจึงผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาได้กระมัง

    เขาเป็นคนหล่อคนหนึ่งที่ฉันได้พบในชีวิตตอนนั้น มันอาจจะดูเว่อร์วังถ้าฉันจะบอกพวกคุณว่า ตลอดสามปีที่ฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ในสายตาของฉันเขาคือผู้ชายคนเดียวที่ฉันมองอยู่ในสายตา (ถ้าไม่รวมกลุ่มเพื่อนของเขาคนนั้นน่ะนะ)

    เขาอยู่ห้องหก เป็นห้องเด็กฉลาดห้องหนึ่งที่คุณครูส่วนใหญ่ชอบพูดถึง ส่วนฉันอยู่ห้องสามที่มีแต่คำกล่าวขานถึงความเกเรและไม่ตั้งใจเรียน เส้นทางของเรามันถูกตัดตั้งแต่เริ่มต้น สังคมของพวกเราห่างไกลกันเหลือเกิน

    ห้องโฮมรูมของเราอยู่ข้างกัน ฉันคิดว่ามันเป็นพรหมลิขิตอย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันได้เจอกับเขาในช่วงเย็นของวัน เขาชอบออกมาทำการบ้านกับพวกเพื่อนๆที่โต๊ะหน้าห้อง ส่วนฉันก็ชอบแอบหลบอยู่ในห้องของตัวเอง ฉันล่ะรักการทำเวรจริงๆ เพราะมันเป็นข้ออ้างอย่างดีที่ทำให้ฉันได้แอบมามองคุณอยู่ทุกๆวัน

    ฉันไม่ใช่คนเก่งอะไรเลยสักนิด แต่ก็ยังพยายามลงเรียนวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมตอนมอสอง เหตุผลเพียงเพราะว่าถ้าลงเรียนวิชานี้ ฉันก็จะได้ไปทัศนศึกษาที่มหาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งมันก็มีคุณเป็นผู้ร่วมเดินเฉกเช่นเดียวกันกับฉัน ในตอนนั้นที่ฉันลงเรียนวิชานี้ไปฉันแทบอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะอยู่ทุกวี่ทุกวัน มันไม่ใช่วิชาที่ง่ายเลยสำหรับฉัน แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังพยายามเรียนต่อไปจนฉันได้รู้จักกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอเรียนอยู่ห้องเดียวกันกับเขา

    ในตอนนั้นฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อไปขออีเมล์ของเขาจากเธอนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ให้ฉันมาแบบตรงๆหรอกนะฉันจำได้ดี 'อีเมล์ของเขาก็สะกดเป็นชื่อภาษาอังกฤษของเขานั่นแหละ'  ให้ตายเถอะพระเจ้า เด็กผู้หญิงที่ไม่เก่งภาษาอย่างฉันแทบจะกุมขมับ ฉันพยายามสะกดชื่อของเขาอยู่เป็นเกือบอาทิตย์ และในที่สุดสิ่งที่ฉันทำมันก็ไม่สูญเปล่า...ฉันได้คุยกับเขาในที่สุด

    เขาเป็นนักบาส เขาเป็นคนดัง เขาเป็นเดือน เป็นแทบทุกอย่างที่รวมกันแล้วคือความสมบูรณ์แบบ ส่วนฉันน่ะหรอ ไม่มีอะไรเลยสักนิด ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ มันอาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อเราได้ชอบใครสักคนมากๆ มันเลยทำให้เรากดตัวเองให้ต่ำลงและเทียบเท่าเขาไม่ได้ เรารู้สึกต่ำต้อยยิ่งกว่าอะไร

    บ้านของฉันไม่มีคอมพิวเตอร์ เพราะพ่อแม่ไม่ค่อยสนับสนุนอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่นัก มันเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้ฉันต้องเจอ ทุกๆเย็นฉันมักอ้างว่าคุณครูมีงานให้ทำ ฉันต้องไปร้านคอมเพื่อไปทำงาน แต่อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้ทำงานหรอก ฉันมารอเขาคนนั้นออนเอ็มเอสเอ็นต่างหากล่ะ

    เพียงแค่จุดสีเขียวที่โผล่ขึ้นมาบนชื่อของเขา มันก็ทำให้ฉันยิ้มได้แล้วล่ะ ฉันจำไม่ได้หรอกนะวันบทสนทนาเริ่มแรกของเรามันเริ่มต้นจากอะไร อาจจะเป็นเพราะกาลเวลามันเปลี่ยนผ่านจนกลายเป็นความทรงจำสีจางๆไปเสียแล้ว

    ในตอนนั้นฉันเรียนอยู่ปีสุดท้ายของชั้นมัธยมต้น มันก็เลยทำให้ฉันมีโอกาสได้คุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องเรียนต่อมัธยมปลาย โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดที่จะต้องสอบเข้าต่ออีกครั้งในช่วงชั้น ม.ปลาย ฉันถามเขาว่า เขาจะยังเรียนต่อที่นี่อยู่อีกไหม ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอย่างชัดเจน

    ฉันให้เขาเป็นแรงบันดาลใจในการอ่านหนังสือสอบเพื่อเรียนต่อในช่วงม.ปลาย มันคงเป็นอะไรที่ตลกดีถ้าให้นึกย้อนกลับไป ฉันพยายามทำให้ตัวเองต้องเรียนต่อที่นี่ให้ได้ เพียงเพราะว่าฉันอยากเรียนโรงเรียนนี้ต่อก็เพราะเขา ฉันขอยอมรับจากใจจริงเลยว่าตลอดสามปีที่เรียนอยู่ที่นี่ เขาเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ฉันอยากเรียนที่นี่ต่อ การแข่งขันภายในโรงเรียนนี้มันสูงอยู่พอตัวสำหรับเด็กหัวทื่อๆอย่างฉันเอง

    แต่แล้วในที่สุดฉันก็ได้รู้จักกับการอกหักครั้งแรกในชีวิต เขาได้บอกกับฉันว่าเขาจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนอื่น ถึงมันจะไม่ได้ไกลจากโรงเรียนที่อยู่ตอนนั้นก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกห่างกับเขาอย่างกับเรียนกันอยู่คนละอำเภออย่างไงอย่างงั้น ตลกดีนะ ที่ฉันพยายามอยู่ต่อที่นั่น แต่เขากลับทิ้งฉันไป

    หลังจากที่ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้เรียนต่อที่นี่ ฉันก็พยายามทำใจอยู่หลายอาทิตย์ พวกเราได้แค่คุยกันผ่านแชทแค่นั้นแหละ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขารู้ไหมว่าฉันคือคนไหน แต่ที่แน่ๆฉันน่ะ แอบมองเขาอยู่แทบทุกวัน มันอาจจะดูโรคจิต แต่ฉันก็ขอยอมรับเลยว่ามันคงต้องเรียกแบบนั้นจริงๆ

    ชุดกีฬาสีของโรงเรียนเราถูกบังคับใส่อยู่ทุกๆวันจันทร์ ห้องของคุณเป็นสีเหลือง ส่วนห้องของฉันเป็นสีชมพู ฉันน่ะ ชอบสีชมพูมากๆเลยนะ แต่ไปๆมาๆฉันกลับชอบสีเหลืองมากกว่าซะงั้น เขาช่างดูเปล่งประกายกับเสื้อสีเหลืองที่คอยส่องสว่างอยู่ในหัวใจของฉัน จะว่าฉันชื่นชมเขาเกินไปก็ว่าได้

    ม.สามเทอมสอง เป็นช่วงที่ใครหลายๆคนเริ่มแจกสมุดเฟรนชิพให้กับคนที่รู้จักเขียน ฉันก็เลยฮึดบอกเขาไปว่า ฉันน่ะ จะเอาสมุดฝากให้เพื่อนของเขาไป ช่วยเขียนให้ฉันด้วยนะ แล้วเขาก็ตอบตกลง ในตอนนั้นฉันรู้สึกดีใจมากเลยล่ะที่เขาใจดีกับฉัน มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้รับรู้ได้ว่าตลอดสามปีที่ผ่านมามันไม่ได้สูญเปล่าเลย...


    แต่ในที่สุดแฉันก็ไม่ได้เอาสมุดเล่มนั้นฝากเพื่อนเขาไปหรอกนะ ฉันคงขี้ขลาดเกินไปจริงๆ


    สุดท้ายนี้ถ้าเขาคนนั้นได้มีโอกาสเข้ามาอ่านบทความที่ฉันเขียนไว้ 
    ฉันก็คงอยากจะขอบคุณ คุณผู้เป็นแรงบันดาลใจของฉันเสมอมา 
    ขอบคุณนะ ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำในวัยเยาว์ของฉัน


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in