เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SALMON FEEDSALMONBOOKS
เรียนจบแล้วไปไหน?
  • “เรียนจบแล้วไปไหน?” “จบแล้วทำอะไรต่อ?” 

    คำถามที่เด็กจบใหม่ทั้งหลายเจอแล้วต้องนิ่งคิด ส่วนใหญ่จะตอบแบบเลี่ยงๆ ว่า “ยังไม่รู้ค่ะ” “ยังไม่ได้คิดเลยครับ” ซึ่งถ้าให้ย้อนกลับไปตอนที่เราเพิ่งพ้นรั้วมหา’ลัยมาได้สามสี่วัน มันก็ชวนให้รู้สึกเคว้งคว้างอยู่เหมือนกัน ต้องให้ผ่านเวลาไปสักพักแล้วนั่นแหละ ถึงจะพอตอบคำถามได้ เราเลยอยากเป็นตัวแทนของเด็กจบใหม่ เข้าไปขอคำแนะนำจากพี่ๆ ที่เรียนจบมานานแล้ว ดูสิว่าพวกเขามีอะไรอยากบอกน้องๆ ที่เพิ่งเรียนจบบ้างหรือเปล่า


    — TUNA Dunn นักวาดสาววัยยี่สิบต้นเจ้าของหนังสือ I LIKE LIKE YOU, MISSED และ BEST BEFORE เจอคำถามนี้แล้วหายไปพักใหญ่ก่อนจะส่งภาพที่มีข้อความว่า ‘DON’T THINK TOO MUCH’ กลับมาให้เรา ส่วนนักเขียนคนอื่นๆ ก็พิมพ์ข้อความแนะนำกันมาเต็มที่

    วิชัย: “ชีวิตมหา’ลัยคือสระว่ายน้ำ คุณอยู่ในสระน้ำ สนุกกับการเล่นน้ำกับเพื่อนๆ มีห่วงยางให้ใช้ มีขอบสระให้เกาะ แต่ทันทีที่คุณเรียนจบ คุณจะถูกเทลงกลางมหาสมุทร ไม่มีขอบสระให้คุณเกาะ ไม่มีพื้นให้คุณยืน มีแต่คลื่นที่จะซัดคุณให้จม เรียกร้องอะไรไม่ได้ ขอพักก่อนไม่ได้ คุณต่อรองกับธรรมชาติไม่ได้ มันจะมีคนจมน้ำตาย สิ่งเดียวที่คุณทำได้คือ ตีขา เหวี่ยงแขน เคลื่อนไหวไปข้างหน้า ถ้าเหนื่อย ไม่อยากว่ายน้ำต่อ ก็ต้องตีขาเลี้ยงตัวไม่ให้จมน้ำ ทำอะไรก็ได้ครับ ให้ตัวเองเคลื่อนไปข้างหน้า มันอาจจะเจ็บปวดสักหน่อย แต่ชีวิตก็แบบนี้แหละ มันไม่ได้อย่างที่หวังหรอก สู้ๆ ครับ เจอกันกลางทะเล ทักเราด้วยนะ”

    — SAHRED TOY: “ตอนที่เรียนจบก็บอกตัวเองว่าอีกสิบปีจากนี้จะไม่เก็บเงิน จะใช้ชีวิต จะมีฝัน จะเป็นคนเท่ๆ จะอินทูเดอะไวลด์ นี่ก็ผ่านมาร่วมสิบปีแล้ว ก็ภูมิใจนะที่ตัวเองคิดแบบนั้น แค่ไม่มีแดก นั่งรถเมล์ฟรี มีเงินใช้เดือนละสี่พันจากประกันสังคม เกาะที่บ้านไปวันๆ ชีวิตแบบนี้จะไปสอนใครเดี๋ยวก็มีดราม่าอีก เอาเป็นว่าแต่ละคนมีภาระหน้าที่ มีสิ่งที่ต้องไปให้ถึงไม่เหมือนกัน ก็ขอให้บุญกุศลและพรจากทวยเทพส่งให้ทางที่เลือกเดินมันโอเคแล้วกันเนอะ”

     พี่เพลีย: “ความรู้สึกโล่งหลังสอบเสร็จเป็นเพียงมายาเท่านั้น! เรามักคิดว่า เรียนจบแล้วทำงาน จากนี้ไปจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง มีเวลาทำอะไรที่อยากทำ แต่ผิด! เพราะสุดท้ายแล้ว การทำงานนี่แหละที่กินเวลาแทบทั้งชีวิต ทำให้เราแทบไม่มีเวลาจะทำอะไรอย่างอื่นเลย พลังชีวิตถูกดูดไปหมดแล้ว แถมยังมีความกดดันและความคาดหวังจากคนรอบข้าง และที่สำคัญ เงินจ้ะ เงิน เรากลายเป็นมนุษย์ที่ต้องเลี้ยงชีพตัวเองแล้วนะเธอ จะหวังพึ่งเงินพ่อแม่ไม่ได้แล้วนะจ๊ะ พอมีเรื่องค่าใช้จ่ายเข้ามาเท่านั้นแหละ เราจะปวดหัวกับรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนอีก เอาเป็นว่า อยากให้น้องๆ ทุกคนสู้และเข้าใจคอนเซ็ปต์ชีวิตมนุษย์ว่า มันยากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ นั่นแหละ” 

    — ณัฐชนน มหาอิทธิดล: “อย่าอายที่จะต้องพูดว่าทำงานเพื่อหาเงิน มันเป็นเรื่องปกติ เราจำเป็นที่จะต้องอยู่ในวัฏจักรอะไรสักอย่างเพื่อหารายได้มาเลี้ยงตัวเอง และไม่นานนักหากไม่โชคร้ายจนเกินไป ทุกคนก็จะเข้าไปอยู่ตรงนั้นหลังจากเรียนจบ แต่หลังจากนั้นเราคิดว่าทุกคนควรจะ ‘หาตัวเองให้เจอ’ เปล่านะ ไม่ใช่ความหมายเท่ๆ อย่างความฝันหรืออะไรหรอก มันเป็นแค่เรื่องการหามาตรฐานในการทำงานของตัวเอง สำหรับเราแนะนำสามอย่างนี้

    หนึ่ง—มาตรฐานสำหรับเอาตัวรอด คือองค์กรที่อยู่นั้นต้องการแค่ไหนเป็นระดับ default ทำงานประมาณไหนถึงจะผ่านเกณฑ์และแฟร์กับบริษัท อย่ามัวแต่คิดว่าบริษัทไม่แฟร์กับเรา เอาแค่ตอบตรงนี้ให้ได้ก่อนว่าเราทำได้อย่างที่พื้นฐานของงานต้องการแล้วหรือยัง

    สอง—มาตรฐานสำหรับการสร้างตัวตน คือเรามี ‘สกิล’ แบบไหนที่ทำให้ผ่านมาตรฐานแรกมาได้ ลองตรวจสอบดูว่าเรามีสกิลที่ว่าในเลเวลอะไร และถ้าอยากจะสร้างตัวตนระดับที่พึ่งตัวเองได้ หรือเป็นที่ต้องการของหลายที่ (อนึ่งคือบริษัทอื่นหรือสามารถออกไปสร้างทีมของตัวเอง) จะต้องทำยังไง

    และสุดท้าย—มาตรฐานสำหรับความมั่นคง ต่อเนื่องจากสกิลที่ว่า เราจะพัฒนามันไปสู่ระดับที่ทำให้สามารถสร้างงานที่ดีออกมาด้วยความไม่ทุลักทุเลนักได้ยังไง ไม่ได้หมายความว่าให้ทำงานชุ่ยๆ แต่เราเชื่อว่าสมองที่คิดเรื่องอะไรมาเป็นเวลานาน เมื่อต้องทำงานอย่างหนักเกี่ยวกับมันอีกครั้งและอีกครั้งมันจะไม่ต้องฝืนทำ แต่จะทำงานหนักด้วยความสนุกแถมยังเชื่อได้ว่ามันจะได้รับผลตอบแทนที่ดี และมันก็จะกลายเป็นความสุขในการทำงานในที่สุด

    ตอบไม่สนุกเลยอะ จริงจัง ว้า”


    ขอให้น้องๆ ทุกท่าน โชคดีกับการเรียนจบนะจ๊ะ :->
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in