14. Christmas“ถ้าได้ตัวผู้ต้องสงสัยก่อนคริสต์มาสก็ดีสิ” พีทพึมพำระหว่างที่เราขับรถเข้าเขตไบรตัน
เป็นธรรมเนียมปกติที่พีทจะต้องกลับบ้านที่เมโย เพื่อเจอกับครอบครัวใหญ่มหาศาลของเขา
ส่วนผมเลือกที่จะทำงานในช่วงวันหยุดคริสต์มาส และไปฉลองปีใหม่สองคนกับแม่ที่แมนเชสเตอร์
สไกป์คุยกับพ่อนิดหน่อย เพราะช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงที่ทุกคนรู้ว่า ผมจะลางานกลับไปเยี่ยมพ่อ
พ่อกับแม่ไม่ได้หย่ากันเพราะเกลียดกัน แต่เพราะมีอะไรหลายอย่างที่เข้ากันไม่ได้เมื่อต้องอยู่ด้วยกัน
พวกท่านตัดสินใจหย่าตอนที่ผมอายุ 12 พ่อแต่งงานใหม่กับภรรยาชาวญี่ปุ่น แต่เรายังคงติดต่อกันอยู่
เป็นเรื่องน่าทึ่งอยู่ไม่น้อยที่พ่อกับแม่ที่อยู่กันคนละทวีปต่างมีส่วนหล่อหลอมให้ผมเป็นอย่างทุกวันนี้
ไม่ใช่เรื่องที่ผมชอบคนเพศเดียวกัน แต่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานที่ผมทำ
“ฉันก็ว่าอย่างงั้น” ผมตอบ “แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะได้ตัวไอ้หมอนั่นมาเร็วแค่ไหน”
พีทที่เปิดขวดน้ำดื่มที่เสียบไว้กับช่องข้างประตูรถขึ้นมาดื่มตามกาแฟที่เพิ่งหมดหันขวับมามองผม
“นายบอกว่า ‘ไอ้หมอนั่น’ งั้นเหรอ” เขาทวนสิ่งที่ผมพูด “ตกลงว่า นายรู้แล้วว่า มันเป็นผู้ชาย”
“ยังไม่รู้หรอก แต่คิดว่ามันน่าจะเป็นผู้ชาย” ผมตอบ ชะลอรถลงให้คนข้ามตรงทางม้าลาย
“อาชญากรที่เป็นผู้ชาย ส่วนใหญ่ชอบเล่นบทพระเจ้า บทของคนที่มีอำนาจ และควบคุมคนอื่น”
พฤติกรรมของคนร้ายที่ควบคุมและจัดวางศพให้อยู่ในภาพที่ตนเองต้องการจะให้เป็น
มีแนวโน้มที่จะเป็นการเล่นบทของพระเจ้าหรือผู้ควบคุมเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของตัวเอง
ไม่ว่าความพึงพอใจทางเพศ ความพึงพอใจด้านอำนาจ หรืออะไรก็ตามแต่ ที่ทำให้มันลงมือฆ่าคน
“สิ่งที่มันทำกับศพของเหยื่อทั้งสองราย โดยเฉพาะรายของคอนสแตนติน่า คือ การบังคับให้ยิ้ม
จากนั้นก็จัดท่าให้สองคนนี้อยู่ในสภาพเหมือนนอนหลับทั้งที่สับร่างกายของพวกเขาเป็นสองท่อน”
พีทหมุนขวดน้ำในมือไปมาอย่างครุ่นคิด ก่อนพยักหน้าแสดงท่าทีว่า ตามสิ่งที่ผมคิดและพูดกับเขาทัน
“ฉันคิดว่าคนร้ายของเรา ทำเหมือนกันว่า ต้องการให้เหยื่อของตัวเองมีความสุขก่อนที่จะฆ่าพวกเขา
นั่นแสดงให้เห็นว่า มันมีความคิดว่า ตัวเองยิ่งใหญ่กว่าเหยื่อ สิ่งที่ทำเป็นการให้ความเมตตากับเหยื่อ”
“เหมือนทำให้นอนหลับฝันดี แล้วก็สับตัวให้ขาดเป็นสองท่อน ให้อยู่กับความฝันตลอดกาลงั้นเหรอ”
น้ำเสียงของคู่หูผมแสดงความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง “มันคิดว่ามันเป็นพระเจ้าหรือผู้นำทางหรือไง”
“นั่นละ สิ่งที่มันอาจกำลังคิดอยู่” ผมตอบ มือของผมกำพวงมาลัยรถแน่น เมื่อเราเริ่มเข้าเขตเมือง
“มันคิดว่า มันกำลังช่วยคนต่างชาติที่น่าสงสารเหล่านี้ให้พ้นจากความทุกข์ และมีความสุขกับสิ่งที่มันทำ”
“เพราะฉะนั้น นายหมายความว่า คนร้ายที่เราต้องการตัวอาจเป็นผู้ชายผิวขาว อายุเกินสามสิบ” พีทว่า
“เนื่องจากมันมองว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่า หรือมีสามารถช่วยเหลือเหยื่อที่เป็นต่างชาติและเด็กกว่า”
“ใช่ ฉันคิดว่าอย่างนั้น” ผมตอบ “ผู้ชายผิวขาวที่มียานพาหนะเป็นของตัวเอง มีบ้านเป็นของตัวเอง
มีสถานะที่ทำให้เข้าถึงคนอื่นได้โดยที่คนนั้นไม่ระแวง มีความรู้ด้านการแพทย์ มีความรู้ด้านจิตวิทยา”
ผลการชันสูตรที่ลีโอส่งให้เรา ถึงจะมีเลือดจำนวนน้อยมาก แต่จากการส่งเนื้อเยื่อและเส้นผมไปตรวจ
พบร่องรอยของการใช้สาร GHB ซึ่งไม่แพร่หลายในอังกฤษ เป็นสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทในบัญชี 2
ซึ่งหมายความว่า แพทย์ต้องเป็นผู้สั่งจ่ายและควรจะต้องใช้ในปริมาณที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วย
นั่นทำให้เราคิดว่า คนร้ายอยู่ในกลุ่มที่เข้าถึงยาที่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว
จีเอชบี ซึ่งมีชื่อเล่นว่า ‘ยาเสียตัว’ ที่มักใช้กันในงานปาร์ตี้ในสหรัฐ อาจสั่งได้ทางอินเทอร์เน็ตด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้น ความเป็นไปได้ในการเข้าถึงยาพวกนี้ อาจไม่ยากเย็นเกินไป แต่ก็ต้องอาศัยความรู้อยู่ดี
มันให้เหยื่อเสพจีเอชบี ทำให้อยู่ในสภาพหมดสติ ทำให้เสียเลือดจนตาย และสับร่างเป็นสองท่อน
เห็นได้ชัดว่า มันไม่ต้องการให้เหยื่อได้รับความทุกข์ทรมานระหว่างที่มันฆ่า แต่การเปลื้องผ้าเหยื่อ
หั่นร่างออกเป็นสองท่อน เป็นการกระทำที่แสดงถึงความรุนแรง และอาจดูขัดแย้งกันกับสิ่งแรก
“แต่ฉันยังไม่เข้าใจเหตุผลว่า ทำไมมันต้องหั่นศพออกเป็นสองท่อนแล้วเอามาทิ้งไว้แบบนั้นด้วย”
ผมส่ายหน้าอย่างจนปัญญากับข้อสังเกตของคู่หู “ฉันก็ยังนึกไม่ออก แต่เป็นไปได้ว่า
การหั่นศพออกเป็นสองท่อนอย่างนั้นสนองความต้องการอะไรของมันสักอย่างหนึ่งก็ได้”
พีทมองผมแล้วถอนใจเฮือก “ถ้ายังไม่ได้ตัวมัน หวังว่าคริสต์มาสนี้ มันจะหันไปสับไก่งวงแทนคนสักพัก”
ผมยิ้มกับความพยายามที่จะยิงมุกของเขาเพื่อให้บรรยากาศและสถานการณ์ของเราตอนนี้ดีขึ้น
“ก่อนที่นายกับฉันจะได้กลับบ้านไปเฉือนไก่งวงเหมือนกับไอ้ฆาตกรนั่น นายลองค้นคดีเก่าดูซิ
ว่ามีคดีฆ่าหั่นศพ หรือมีการพบศพถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆ ย้อนหลังไปในช่วงยี่สิบหรือสามสิบปีนี้บ้าง”
15. มีดทำครัว“มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้บ้าง คุณตำรวจ”
วินเซนต์ แอปเปิลบี้ ถือกล่องใส่มีดทำครัวมาพบผมในห้องทำงาน
เขาเพิ่งสอนเสร็จ ผมได้กลิ่นหอมของอาหารจากตัวของเขา...
อาจเป็นไก่อบกับแครนเบอร์รี่ซอส และโรสแมรี่
ระหว่างที่นั่งรอเขา ซึ่งผมรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า เขามีชั่วโมงสอนในเวลาดังกล่าว แต่ตั้งใจมารอก่อนเวลา
ผมถือมองโอกาสสำรวจสิ่งแวดล้อมภายในห้องทำงานของเขา หนังสือที่เขาอ่าน รูปภาพ และสิ่งอื่น
เขาจบด้านอุตสาหกรรมอาหาร มีประกาศนียบัตรจากสถาบันอาหารและการโรงแรมชั้นนำหลายแห่ง
ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น เขามีปริญญาบัตรด้านจิตวิทยาการศึกษา และหนังสือเกี่ยวกับการบริหารหลายเล่ม
น้ำเสียงของเลขานุการเวลาพูดถึงเขา บ่งบอกว่านับถือและชื่นชมเขา เมื่อได้พบตัว ผมก็เข้าใจเธอทันที
น่าประทับใจ คือ ความรู้สึกแรกของผมที่มีต่อแอปเปิลบี้
เขามีภาพของผู้บริหาร เพื่อนร่วมงาน และอาจารย์ที่ดี
เขาเป็นผู้ชายแบบที่ผมชอบ
รูปร่างสูงโปร่งแต่แข็งแรง หน้าตาเกลี้ยงเกลา ผมสีน้ำตาลตัดสั้น แต่งตัวมีรสนิยม
เมื่อผมสัมผัสมือกับเขา แนะนำตัว และวัตถุประสงค์ที่ต้องการพบ มือของเขาเย็น แห้งสะอาด และนุ่ม
ถึงจะมีรอยแผลเป็นจากของมีคมบาดและรอยไฟลวกอยู่ตามมือและแขนบ้าง แต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร
เล็บเขาตัดสั้นและรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี บนนิ้วนางข้างซ้ายไม่มีแหวนแต่งงาน และไม่เคยสวม
ผมไม่รู้ว่า งานฝั่งพีทที่ไปหาข้อมูลของคอนสแตนติน่าที่แฟลตของเธอกับตำรวจท้องที่ราบรื่นแค่ไหน
แต่ในส่วนของผม วินเซนต์ แอปเปิลบี้ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา ให้ความร่วมมือดีเยี่ยม
เขาดูทุกข์ร้อนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้รู้ว่า เหยื่อรายใหม่ก็เป็นศิษย์เก่าของวิทยาลัยนี้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นกังวลยิ่งกว่า คือ ประวัติการขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวของเหยื่อทั้งสอง
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยินดีให้ความร่วมมือ และนำผมไปพบกับฝ่ายสวัสดิภาพนักศึกษาของวิทยาลัย
ผมใช้เวลาอยู่กับทีมให้คำปรึกษาอยู่นานหลายชั่วโมง แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับคดีมากนัก
ทีมให้คำปรึกษา โดยเฉพาะด้านสุขภาพจิต ทุกคนทำงานในแผนกนี้มาตั้งแต่ปีที่คอนสแตนติน่าเรียน
ไม่มีชื่อของเธออยู่ในระบบหรือแฟ้มข้อมูลการให้คำปรึกษา แต่มีเจ้าหน้าที่ในแผนกคนหนึ่งจำเธอได้
เพราะเขาเคยพบเธอในสำนักงานของฝ่ายดูแลนักศึกษาต่างชาติ ที่เธอไปสอบถามเรื่องการต่อวีซ่า
สำหรับนีล เขามีประวัติการติดต่อกับฝ่ายกิจการนักศึกษา เพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องการเงินแค่ครั้งเดียว
ในฐานข้อมูลที่นักศึกษาที่ต้องการคำปรึกษาผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ไม่มีข้อมูลการล็อกอินของคนทั้งสอง
คว้าน้ำเหลวจนได้...
ถ้าคิดในแง่ร้าย แต่ถ้ามองในแง่ดี ก็หมายความว่า นักศึกษาที่มาใช้บริการนี้ของวิทยาลัย
ไม่ต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรต่อเนื่องที่แฝงมาในคราบของผู้ให้คำปรึกษาแสนดีที่พร้อมให้บริการ
ไม่มีใครที่มีลักษณะตรงกับคนร้ายที่เราคาดการณ์กันเอาไว้แต่ต้น เรื่องนี้จึงยากขึ้นไปอีก
เพราะอาชญากรที่เราต้องค้นหาต่อไปในเวลานี้ อาจอยู่นอกรั้ววิทยาลัย แต่เรายังไม่รู้ว่า มันอยู่ที่ไหน
“คุณ... เอ้อ... คุณตำรวจ... ” แอปเปิลบี้เอ่ยทัก เมื่อเขาเห็นผมเดินกลับออกมาจากแผนกให้คำปรึกษา
เขายิ้มเก้อ ๆ เมื่อต้องเรียกผมว่า ‘คุณตำรวจ’ แทนชื่อของผม ที่เขาแสดงท่าทีว่ากลัวจะออกเสียงผิด
“ชิมาดะครับ” ผมบอก และยิ้มให้รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา นามสกุลของผมไม่ยาวมาก
แต่สำหรับคนอังกฤษหลายคน มันก็คล้าย ๆ กันไปหมด อย่างทานากะ อิชิดะ ยามาดะ อะไรแบบนั้น
“เรียกผมว่า ฮัล แบบที่เพื่อนร่วมงานของผมเรียกก็ได้ครับ น่าจะออกเสียงง่ายกว่า”
คำอนุญาตนั้นทำให้เขายิ้มกว้างอย่างโล่งออก และตอบรับอย่างยินดี “งั้นเรียกผมว่า วินเซนต์ก็แล้วกัน”
ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์เหลือเฟือจริง ๆ ... ผมนึกในใจ และอดนึกถึงลีโอขึ้นมาแวบหนึ่งไม่ได้
ลีโอต้องการชีวิตคู่ที่มั่นคง ในขณะที่ผมไม่มั่นใจตัวเองเสียเลย ว่าสามารถทำอย่างที่เขาต้องการได้ไหม
“มีอะไรคืบหน้าที่พอจะบอกผมได้บ้างไหม” วินเซนต์ถาม ท่าทางของเขาดูกังวลแต่ก็กระตือรือร้นอยากรู้
น่าเสียดาย ที่ผมคงจะให้คำตอบที่เขาอยากได้ยินไม่ได้ ผมมองเขา และส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่มากครับ” ผมบอก สัมผัสมือกับเขา “ขอบคุณมากนะครับ สำหรับความช่วยเหลือและความร่วมมือ”
“ด้วยความยินดีเลย ฮัล คดีที่เกิดขึ้นน่ากลัวจริง ๆ ถ้าต้องการรู้อะไรเพิ่มเติม ติดต่อผมได้ตลอดเลยนะ”
เขาเสนอตัวอย่างมีน้ำใจ มือของเขาที่จับมือของผมอยู่บีบแน่นขึ้น และไม่ได้ปล่อยหลังจากประโยคนั้น
ปลายนิ้วโป้งของเขาไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา อยู่บนหลังมือของผม “เสร็จจากที่นี่แล้ว ไปไหนต่อหรือเปล่า”
“ว่าจะเรียกแท็กซี่กลับไปที่โรงแรมน่ะครับ เพื่อนผมที่ทำงานอยู่อีกที่ เขาเอารถผมไป ยังไม่เสร็จงาน”
“ผมไปส่งดีไหม มีเรื่องที่อยากคุยด้วย เกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น เท่าที่คุณสามารถบอกผมได้” วินเซนต์บอก
ผมสบตาเขา ก้มลองมองมือของเขาที่จับมือของผมอยู่ แล้วค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออกมาอย่างช้า ๆ
สิ่งที่ผมทำ ดูเหมือนจะทำให้เขาผิดหวังอยู่เล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ถ้าหากผมไม่สะดวก
“ขอผมส่งข้อความไปบอกเพื่อนก่อนนะครับว่า ไปเจอกันที่โรงแรมเลย ไม่ต้องกลับมารับผมที่นี่”
คำตอบของผมทำให้ใบหน้าของเขาดูแจ่มใสขึ้นมาทันตาด้วยรอยยิ้มกว้างที่ปรากฏบนริมฝีปาก
“ถ้าอย่างงั้น ขอเวลาผมเก็บของที่ห้องทำงานแป๊บนึงนะ ฮัล... เยี่ยมไปเลย”
วินเซนต์ แอปเปิลบี้หันหลังกลับ เดินตรงไปยังห้องทำงานของเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว
แต่ก็หันหน้ากลับมาหาผมที่เดินตามเขามาห่าง ๆ อีกครั้งอย่างกะทันหันเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
“คุณชอบดื่มพวกคราฟต์เบียร์ หรือไซเดอร์ไหม ฮัล ผมรู้จักผับที่ขายของพวกนี้อร่อย ๆ ด้วยละ”
To be continued >>> Day 15 : Spirit
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in