เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Abysspiyarak_s
Day 7-8: Key chain and Jacket
  • 7. พวงกุญแจ

    “กลับแล้วเหรอ ฮัล ยังไม่ดึกเลย” บาร์เทนเดอร์ของผับที่ผมเป็นขาประจำทัก ท่าทางเธอประหลาดใจ
    “วันนี้ ตั้งใจมาหาอะไรกิน แล้วกลับบ้านเลยน่ะ” ผมโบกพวงกุญแจรถยนต์ในมือ ย้ำกับเธอว่าต้องไปแล้ว


    เจมม่าหรี่ตามองผม แล้วหันไปทางพีท โดเฮอร์ตี้ที่ยังมีขวดเบียร์สิงห์อยู่ในมือ ก่อนหันมามองผมอีกรอบ
    “คบกับใครเป็นตัวเป็นตนแล้วสิท่า” ตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาทันที “หนุ่ม ๆ แถวนี้คงอกหักเพียบ”
    “เฮ้ รู้ได้ไงน่ะ” เพื่อนร่วมงานของผมทำตาโต “ผมทำงานกับหมอนี่ทุกวัน ไม่เห็นว่าจะได้ไปไหนเลย”
    คำพูดของเขาทำให้เจมม่าถอนใจเฮือกอย่างเหนื่อยหน่าย “เพราะไม่รู้จักสังเกตแบบนี้ไง เมียถึงทิ้งคุณ”
    เรื่องนี้ ไม่ใช่เธอที่เป็นคนเริ่ม แต่เป็นตัวของพีทนั่นเองละ ที่ป่าวประกาศไปทั่วถึงสาเหตุที่ตัวเองเป็นโสด
    ผมยิ้มให้ทั้งสองคน “คราวนี้ พีทพูดไม่ผิดหรอก เจมม่า ถ้าผมเดทกับใครจริงจัง จะพามาแนะนำนะ”
    ผมตัดบท กล่าวลาทั้งเจมม่าและพีท พ่อม่ายเมียทิ้ง ซึ่งคงจะยังอยู่ดื่มเบียร์ของเขาต่อไปอีกนาน


    ออกมาจากผับ ลับสายตาทุกคนแล้ว ผมก็อดถอนใจกับข้อสังเกตของเจมม่ากับสิ่งที่ตัวเองพูดไม่ได้
    บาร์เทนเดอร์ที่ทำงานมานานนับสิบปีอย่างเธอ ฟังเรื่องราวของลูกค้ามามากจนจับอารมณ์พวกเขาได้
    เจมม่าไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างลีโอกับผม เธอไม่เคยพบลีโอ เพราะผมไม่เคยพาเขามาที่นี่
    สีหน้าของผมหรือท่าทีบางอย่างของผมคงเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกผิดสังเกตจนต้องทักออกมา


    ให้ตายเถอะ... ผมครางอยู่ในใจ... เปิดรถเข้าไปประจำที่นั่งคนขับแล้ว แต่ก็ยังนั่งเหม่ออยู่ที่เดิม
    ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริง ๆ ... ผมไม่น่ายอมให้ตัวเองถลำลึก ปล่อยให้ลีโอ คิงสลีย์ข้ามเส้นนั้นมาเลย


    ผมสตาร์ทเครื่องรถยนต์ และกดปุ่มปิดวิทยุแทบจะทันทีที่เสียงเพลงของเอลวิส เพรสลีย์ดังขึ้น


    ‘Wise man says only fools rush in. But I can’t help falling in love with you.”


    ผมรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าที่พาตัวเองไปอยู่ในจุดที่กลับตัวไม่ได้ มั่นใจอย่างโง่ ๆ ว่า ผมควบคุมมันได้
    ข้อเท็จจริงในคดีของนีล ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับตัวฆาตกรที่อาจเป็นคนฆ่าเขา ทำให้ผมไว้ใจใครไม่ได้
    โดยเฉพาะข้อสันนิษฐานว่า ฆาตกรมีความรู้ทางการแพทย์ เข้าถึงยาและอุปกรณ์สำหรับชำแหละศพได้


    ลีโอ คิงส์ลีย์อยู่ที่ไบรตันในวันที่คาดการณ์กันว่านีลหายตัวไป และอยู่ลอนดอนในวันที่พบศพของนีล


    ผมไม่ควรสงสัยเขา แต่ในคืนนั้น ทั้งที่ผมเพิ่งนอนกับเขา มีเขาอยู่ในอ้อมกอด แต่ผมก็ถามมันออกไป
    อย่างที่คิดเอาไว้ ลีโอตอบคำถามของผมได้ทุกอย่าง มีธุระ มีชื่อที่พัก มีตั๋วรถไฟที่ใช้เดินทางทุกอย่าง
    ผมเชื่อว่า เขาเข้าใจและไม่ถือสาเรื่องที่ผมถามเขาเหมือนกับคนที่ไม่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน
    แต่เป็นผมนี่เอง ที่รู้สึกไม่ค่อยดีกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เพราะผมทำตัวเหมือนหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของนีล
    กระทั่งตอนที่เราควรจะพูดคุยเรื่องของเราสองคนว่า แทนที่จะเป็นเรื่องของคนอื่นที่ผมเคยมีอะไรด้วย


    ในเช้าวันรุ่งขึ้น ผมยังคงทำงานอยู่ในลอนดอน ส่วนลีโอไปรับลูกสาวและใช้เวลาสุดสัปดาห์กับเธอ
    ผมไม่ได้ติดต่อกับเขา และเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับมา ทุกอย่างระหว่างเราเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    อย่างไรก็ตาม ผมรู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากที่เรามีความสัมพันธ์กันอย่างจริงจังกันครั้งแรก


    ก่อนหน้านี้ ผมเคยนั่งละเลียดดื่มลำพังในผับ และอาจจบด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืนกับใครสักคน
    แต่หลังจากคืนนั้นเป็นต้นมา ผมไม่มีความรู้สึกอยากที่จะทำสิ่งที่เคยทำอยู่เป็นปกติก่อนหน้านั้นอีก
    ผมคิดถึงแต่เขา ผมไม่อยากนอนกับคนอื่น เพราะรู้สึกว่า ตัวเองกำลังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องกับเขา
    ทั้งที่ผมไม่เคยบอกรักเขาตอบเลยแม้แต่คำเดียว และไม่เคยสัญญาว่า ผมจะคบกับเขาคนเดียวเท่านั้น


    เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น ชื่อของปลายสายที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ผมรับกดรับ
    “ไง ฮัล” เสียงของลีโอแว่วมาตามคลื่นโทรศัพท์ “ฉันกลับถึงลอนดอนแล้ว นายเป็นไงบ้าง โอเคนะ”
    “ผมโอเค ขอบคุณนะ” ผมตอบเขากลับไป “ผมเพิ่งกินอาหารค่ำเสร็จ กำลังจะกลับพอดี คุณอยู่ไหน”
    “ฉันนั่งแท็กซี่ไปส่งคริสที่บ้านแครอล เสร็จแล้วจะกลับบ้านเลย” มีเสียงของคริสทีนทักทายแทรกมาด้วย
    “ผมไปรับคุณที่บ้านของแครอลนะ” ผมเสนอ และเสียงตอบรับของเขาเต็มไปด้วยความยินดีเหลือเกิน


    ผมไปถึงบ้านของแครอลหลังลีโอกับคริสทีนไปถึงบ้านของเธอเล็กน้อย ลูกสาวของลีโอโตขึ้นมาก
    และเธอก็ยังตื่นเต้นกับการได้พบผมเหมือนทุกครั้ง ผมทักทายแครอลพอเป็นพิธีตามประสาคนรู้จัก
    รอให้แครอล ซึ่งตอนนี้แต่งงานใหม่แล้ว พาคริสทีนเข้าบ้าน ลีโอกับผมจึงขับรถกลับไปที่บ้านของเขา


    ท่าทางของลีโอตอนที่เห็นรถของแครอลกับสามีของเธอ ก่อนที่จะขึ้นรถกับผม ดูสลดลงเล็กน้อย
    ผมรู้ว่าเขาเสียใจที่ให้ความสะดวกกับครีสทีนได้ไม่มากเท่ากับแม่ของเธอหรืออดีตภรรยาของเขา
    เพราะแม้จะเก่งรอบด้าน แต่สิ่งเดียวที่เขาทำไม่ได้ คือ การขับรถยนต์ เขาจึงไม่มีรถยนต์ไว้ขับ
    ยิ่งไปกว่่านั้น ก่อนหน้านี้ ลีโอพยายามหลีกเลี่ยงการนั่งรถยนต์รวมถึงแท็กซี่มาตลอด
    เนื่องจากเขาเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ความกลัวนั้นยังคงฝังลึก แต่ก็ดีขึ้นโดยลำดับ
    เพราะความจำเป็นเรื่องงาน เขาจึงสามารถนั่งรถที่ผมหรือคนอื่นขับให้ รวมถึงแท็กซี่ด้วยได้แล้ว


    การขนศพของนีล แมคเคนซีจำเป็นต้องใช้ยานพาหนะ แต่ลีโอขับรถไม่เป็น และไม่มีรถ
    หากสันนิษฐานว่า การฆาตกรรมครั้งนี้เป็นฝีมือของอาชญากรคนเดียว ผมสามารถตัดเขาออกได้ทันที


    ระหว่างกลับบ้าน เราควรจะมีอะไรพูดคุยกันมากมาย แต่เอาเข้าจริง เรากลับไม่ได้พูดกันจนถึงที่หมาย
    ผมช่วยเขาถือกระเป๋าเสื้อผ้า ระหว่างที่เขาไขกุญแจเปิดรั้วบ้าน และเข้าไปในตัวบ้าน
    เขาถามว่า ผมจะค้างกับเขาคืนนี้ไหม ผมไม่ปฏิเสธ เพราะสิ่งที่เขาเอ่ย เป็นคำขอร้องมากกว่าคำถาม


    ความจริง เราควรจะมีอะไรพูดคุยกันมากมาย แต่เอาเข้าจริงแล้ว เรากลับไม่ได้พูดกันจนถึงที่หมาย
    ผมช่วยเขาถือกระเป๋าเสื้อผ้า ระหว่างที่เขาไขกุญแจเปิดรั้วบ้าน และเข้าไปในตัวบ้าน
    เขาถามว่า ผมจะค้างกับเขาคืนนี้ไหม ผมไม่ปฏิเสธ เพราะสิ่งที่เขาเอ่ย เป็นคำขอร้องมากกว่าคำถาม


    “คริสฝากพวงกุญแจมาให้นายด้วยแน่ะ” ลีโอหยิบ ‘ของฝาก’ จากกระเป๋าแจ็คเก็ต หย่อนใส่มือผม
    พวกเขาไปงาน ‘Goth Weekend’ ที่วิทบี้ เพราะสาวน้อยของเขาดูจะชอบแฟชั่นแนวสตีมพังค์
    ของฝากที่เธอเลือกมาให้ผม ไม่ใช่พวงกุญแจโหลเมดอินไชน่าแบบที่ขายตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป
    แต่เป็นพวงกุญแจทำจากเงินและเจ็ท หินสีดำสนิท ที่พบมากในพื้นที่แถบนั้น
    นอกจากพวงกุญแจแล้ว ยังมีลูกกุญแจอีกหลายดอกอยู่ด้วย “นั่นเป็นของฝากจากฉัน”


    ผมมองสิ่งที่อยู่ในมือ ขมวดคิ้ว แล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังยืนยิ้มกว้างอยู่ตรงหน้า
    “กุญแจสำรองของบ้านฉัน เผื่อวันไหนนายอยากมา แล้วฉันติดงานยังไม่กลับ จะได้เข้าไปได้”


    ผมมองหน้าเขา พูดอะไรไม่ออก นี่เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยในชีวิต
    “ลีโอ...” ผมอยากจะพูดอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่สมองของผมตื้อตัน จนนึกอะไรไม่ออกนอกจากชื่อเขา
    “ฉันไม่ได้หมายความว่า จะให้นายมาอยู่กับฉันวันนี้ หรือพรุ่งนี้ หรือนายจะไม่มาอยู่ด้วยกันก็ได้”


    “ฉันอยากให้นายรู้เอาไว้ว่า ฉันไม่มีอะไรปิดบังนาย ทุกอย่างในบ้านนี้ ไม่มีความลับสำหรับนาย”


    เขาโอบแขนรอบเอวของผมหลวม ๆ ดึงตัวเข้าไปหาเขา ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ใจผมอ่อนยวบ
    ก่อนที่ผมจะโอบกอดเขาตอบ และตอบรับสัมผัสจากริมฝีปากของเขาที่แนบลงบนริมฝีปากของผม
    ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาหลายชั่วโมงดูจะไม่มีผลอะไรกับลีโอเลยสักนิด สำหรับเรื่องนี้




    8. เสื้อกันหนาว


    เสียงโทรศัพท์ที่ปลุกแต่เช้ามืดในวันที่อากาศหนาวขึ้น เรียกผมให้ผมตะกายลงจากเตียงไปรับสาย
    ผมคว้าเสื้อกันหนาวของลีโอที่อยู่ใกล้มือมาสวม เพราะกางเกงที่มีมือถือผมอยู่ในกระเป๋ากองอยู่ที่ประตู
    เสียงพีท โดเฮอร์ตี้ดังมาจากอีกฝั่งหนึ่ง เสียงของเขาแหบแห้งแบบคนนอนไม่พอ แต่มีสิ่งทำให้ตื่นเต็มตา
    “ฮัล รีบมาด่วนเลย” เพื่อนร่วมงานของผมบอกพิกัดสถานที่เกิดเหตุ “เจอ ‘แบล็คดาห์เลีย’ อีกรายแล้ว”


    “เกิดอะไรขึ้น” ลีโอถาม ผมคิดว่าเขาคงจะรู้สึกตัวตั้งแต่ตอนที่ผมเอาตัวเองออกจากแขนของเขา
    ผมยังไม่ทันตอบคำถามของเขา เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังตามมา หลังจากผมวางสายของตัวเอง
    โทรศัพท์จากสำนักงานโคโรเนอร์ หรือสำนักงานผู้ชันสูตรพลิกศพ ตามเขาให้ไปในสถานที่เดียวกัน


    เราสองคนเผ่นเข้าห้องน้ำของเขาแทบพร้อมกัน โชคดีที่พื้นที่ใต้ฝักบัวมีพอสำหรับคนสองคนใช้ด้วยกัน
    นิสัยชอบซื้อของเหมาโหลตามประสาผู้ชายตัวคนเดียวที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง บางทีก็เป็นเรื่องดี
    เพราะผมได้อาศัยแปรงสีฟันกับมีดโกนหนวดราคาถูกที่ลีโอซื้อมา และยังเหลือพอให้ผมใช้ในคราวนี้ด้วย
    ผมล้างหน้า แปรงฟัน และโกนหนวดที่อ่างล้างหน้า ส่วนลีโอจัดการทุกอย่างใต้ฝักบัว


    ผมใส่ชุดเดิมที่ใส่เมื่อวานนี้ แต่ยืมเสื้อกั๊กของเขามาสวมทับเสื้อเชิ้ต และยืมแจ็คเก็ตมีฮู้ดมาใส่แทนสูท
    ใหญ่ไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าต้องตากน้ำค้างตลอดเวลาที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นมุมอับของสวนสาธารณะ
    ขณะที่ลีโอแต่งตัว ผมเดินลงไปชั้นล่าง ถือวิสาสะกดกาต้มน้ำไฟฟ้า ชงกาแฟใส่กระติกเก็บความร้อน
    โชคดีที่เขามีบิสกิตไดเจสทิฟติดบ้านอยู่ ผมจึงหยิบมันติดมือมาด้วย ผมชินกับการกินอาหารไม่เป็นเวลา
    แต่ลีโอขาดอาหารเช้าไม่ได้ ถึงจะไม่มากมายนัก คงจะดีถ้าเขาได้กินอะไรไปบ้างระหว่างนั่งรถไปด้วยกัน


    ความคิดที่เกิดขึ้น และสิ่งที่กำลังทำอยู่ระหว่างรอลีโอลงมาสมทบกับผมข้างล่างพร้อมอุปกรณ์ที่จำเป็น
    ทำให้ผมชะงักไปชั่วขณะ... นานมากแล้ว ที่ผมไม่ได้คิดเรื่องประจำวันจิปาถะอย่างที่คิดอยู่เมื่อกี้นี้ 

    เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดกับการตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตตอนเช้าและออกไปทำงานพร้อมกันใครสักคน
    ใช่ว่าผมอยากอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครไปตลอดชีวิต แต่ผมไม่เคยจินตนาการการใช้ชีวิตกับใครมาก่อน
    ไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่ แต่ผมยอมรับว่ายังกังวล ยังทำตัวไม่ถูก และนึกภาพการใช้ชีวิตคู่กับคนอื่นไม่ออก\


    ความจริงแล้ว การมีใครสักคนถูกฆ่าโดยฆาตกรที่ตำรวจยังจับไม่ได้เป็นรายที่สอง ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด
    ผมรู้สึกผิด แต่ต้องบอกอย่างจริงใจว่า ‘เธอ’ ทำให้ผมโล่งใจ และทำให้ผมลืมปัญหาส่วนตัวไปได้วันหนึ่ง


    ใช่... คราวนี้ ผู้เคราะห์ร้ายเป็นผู้หญิง... 



    To be continued >>> Day 9-10: Letter and Crimson
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in