23. Attack
“แจ้งเตือนกลุ่ม LGBTQ และชาวต่างชาติ คนอังกฤษที่เป็นลูกครึ่ง หรือมีลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ
มีแนวโน้มว่า คนร้ายที่ฆ่าชายเชื้อสายอินเดีย และหญิงชาวไซปรัสเป็นคนเดียวกัน และอาจลงมืออีก
บุคคลในกลุ่มหรือมีลักษณะดังกล่าวเป็นเป้าหมายของคนร้าย ขอให้หลีกเลี่ยงการไปกับคนแปลกหน้า
โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่อาศัยอยู่หรือเดินทางไปมาระหว่างลอนดอน ไบรตันและโฮฟ”
นั่นคือสิ่งที่ผมขอให้พีทบอกกับหัวหน้าทีมสืบสวนของเรา เพราะในเวลานี้ ทุกคนในทีมรู้ว่า ผมลาป่วย
ผมจะไปที่สำนักงานในตำรวจนครบาลก็ได้ แต่ผมเลือกที่จะใช้สถานะลาป่วยให้เป็นประโยชน์มากกว่า
ผมเชื่อว่าคำเตือนนั้นจะถูกส่งต่อ เพราะความผิดพลาดที่ผ่านมาของทีมสืบสวนอีกทีมหนึ่งสอนไว้*
ในคดีนั้น ตำรวจถูกตำหนิเรื่องเลือกปฏิบัติ และเรื่องที่ได้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว ก็ยังปล่อยตัวเขาไปอีกครั้ง
เกย์หลายคนถูกฆ่า แต่ไม่มีการแจ้งเตือนให้กลุ่ม LGBT ทราบ ทำให้มีเหยื่อที่เป็นเกย์อีกหลายคนตามมา
คดีนั้น ฆาตกรฆ่าไปแล้วอย่างน้อยสี่คน ล่อลวงให้มาพบกัน ฉีดจีเอชบีให้เกินขนาด ล่วงละเมิดทางเพศ
เมื่อเหยื่อตายแล้ว ก็นำศพไปทิ้งไว้ตามที่ต่าง ๆ ไม่ได้ห่างไกลจากที่พักของตัวเองมากนักด้วยซ้ำไป
หัวหน้าทีมของผมเคยเป็นหนึ่งในทีมนั้น แต่เขาต่างจากหัวหน้าทีมสืบสวนทีมนั้นโดยสิ้นเชิง
เขาจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อให้แน่ใจว่า เรามาถูกทาง หรือไม่ได้พลาดอะไรที่ไม่ควรพลาดไป
ผมเชื่อว่า ความเห็นของผมเสียงดังพอที่เขาจะรับฟัง เพราะหลายปีที่ผ่านมา ผมแทบไม่เคยทำพลาด
ผมรู้ว่าเขาคาดหวังว่าจะแก้ไขข้อผิดพลาดที่ผ่านมา ถึงไม่ใช่ทีมเรา แต่ก็มีชื่อว่าตำรวจนครบาลด้วยกัน
อีกไม่นาน การแจ้งเตือนนั้นก็คงจะไปถึงกลุ่มคนที่คาดการณ์กันว่าจะเป็นเป้าหมายการโจมตีครั้งต่อไป
สิ่งที่ผมคาดหมายเอาไว้ ในกรณีที่ผมประเมินสติปัญญาของอีกฝ่ายหนึ่งสูงเกินไป มันก็จะทะนงตัวเองว่า
ตำรวจยังคลำทางมาหามันไม่ถูก และพุ่งเป้าเข้ามาหาผม ซึ่งผมรู้ว่า มันหมายตาผมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ผมเป็นเหยื่อที่คนรอบตัวผมมองข้าม แม้จะมีคุณสมบัติครบทุกข้อ แต่ความเป็นตำรวจทำให้ถูกหลงลืม
ถ้าผมไม่ได้ประเมินสติปัญญาของ ‘คนคนนั้น’ ต่ำจนเกินไป หมายความว่า เราต่างรู้และเล่นเกมกันอยู่
เหตุการณ์ที่เกิดกับผม มีจุดประสงค์ให้ผมตกอยู่ในภาวะต้องการที่พึ่ง จิตใจพังพินาศ ไม่เป็นตัวเอง
ถ้ามันต้องการให้ผมเป็นอย่างนั้น มันทำสำเร็จแล้ว แต่มันรู้จักผมน้อยไป
ผมเดินออกมาจากบ้านของช่างอิเล็กทรอนิกส์พร้อมกับคำตอบที่ทำให้หายค้างคาใจเรื่องกล้องวงจรปิด
ผมรู้แล้วว่า ทำไมมันถึงรอดพ้นจากการจับภาพของกล้องวงจรปิดบริเวณสวนสาธารณะได้ถึงสองครั้ง
กล้องทำงานไม่ได้ด้วยสาเหตุเดียวกันกับที่โทรศัพท์ของผมขัดข้องชั่วคราวจนมีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย
ขณะที่เปิดประตูรถ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อโค้ตของผมสั่น หมายเลขโทรศัพท์หนึ่งขึ้นบนหน้าจอ
"สวัสดีครับ" ผมรับสายหลังจากปล่อยให้ดังอยู่พักใหญ่ "ผมอยากเจอคุณนะ... มีเรื่องไม่สบายใจน่ะครับ"
ถ้ามันต้องการให้ผมเล่นตามเกมของมัน ไปตามเส้นทางที่มันต้องการให้ผมเดิน ก็ย่อมได้
ถ้ามันต้องการต้องการเล่นบทพระเจ้ากับผม ต้องการให้ผมวิงวอนขอให้มันช่วย ก็ย่อมได้
ถ้ามันอยากให้ผมนอนหลับอย่างมีความสุขกับฝันดีของตัวเองตลอดกาล ก็ย่อมได้
ถ้ามันอยากให้ผมลงนรก ผมก็จะไป และผมจะลากมันลงนรกไปกับผมด้วย
24. ไฟถนน
ที่พักของเขาอยู่ในโฮฟ เมืองข้างเคียงของไบรตัน เงียบสงบและห่างไกลจากผู้คน
ถึงจะมีแสงสว่างจากไฟถนน และไฟที่ตั้งเวลาอัตโนมัติจากโรงรถ แต่เปลี่ยวอยู่ดีในความรู้สึกของผม
บ้านข้างเคียงดูเหมือนจะเป็นบ้านพักตากอากาศหรือบังกะโลที่เปิดให้คนเช่าที่ไม่มีใครพักอาศัยประจำ
บ้านของเขามีลักษณะเป็นบ้านแบบเก่าแต่ยังดูดีอยู่มาก น่าจะผ่านการปรับปรุงซ่อมแซมมาแล้วบ้าง
“ดร. เครตช์เมอร์” ผมเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก หลังลงจากรถที่เขาขับพาผมมาที่บ้าน “เป็นเขาแน่เหรอครับ”
“คุณยังไม่แน่ใจอยู่อีกเหรอ ฮัล” วินเซนต์ แอปเปิลบี้ถามยิ้ม ๆ ไม่มีทีท่าว่าไม่พอใจ “หรือไม่เชื่อใจผม”
“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้า แล้วยิ้มตอบคนที่ไปรับผมมาจากสถานีรถไฟ และรับฟังเรื่องที่ผมเล่าอย่างตั้งใจ
ก่อนที่จะพาผมมาที่บ้านของเขา ตามที่สัญญากับผมไว้ว่า ผมสามารถพักกับเขาได้จนกว่าจะสบายใจ
“ผมแค่รู้สึกว่า คนแบบเขาไม่น่าจะเป็นฆาตกรได้เลย บ้านของเขาเป็นบ้านแบบ Semi-detached
มีพื้นที่ที่อยู่ติดกับบ้านคนอื่น ผมเลยยังนึกไม่ค่อยออกว่า เขาสามารถขนศพออกจากบ้านได้ยังไง”
รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษาเดินไปปิดประตูรั้ว เดินกลับมา โอบไหล่ผมเอาไว้
แล้วบอกให้ผมส่งกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองให้เขาช่วยถือ “แต่คุณก็เคยสงสัย ดร. คิงสลีย์ไม่ใช่เหรอ
และคุณก็บอกผมเองว่า แฟลตของเขาอยู่ติดกับบ้านของคนอื่น จากสวนหน้าบ้านก็เป็นถนน
ถ้าเทียบกับบ้านของ ดร. เครตช์เมอร์แล้ว ผมคิดว่า บ้านของ ดร. เครตช์เมอร์ยังดูมิดชิดมากกว่า”
“นั่นสินะครับ” ผมรับ “คุณรู้จัก ดร. เครตช์เมอร์ดีกว่าผม เพราะเคยเจอกัน ทำงานด้วยกันบ้างนี่นะ”
วินเซนต์ไขกุญแจ และเลื่อนมือที่โอบบ่าของผมเอาไว้ ลงมาแตะที่เอว บอกให้ผมเข้าไปในบ้าน
เขาเปิดไฟในห้องนั่งเล่น วางกระเป๋าของผมลงบนโซฟาตัวหนึ่ง ผละไปชั่วคราวเพื่อล็อกประตูบ้าน
และเดินกลับมาหาผม แล้วแสร้งถอนใจหนัก ๆ แต่ริมฝีปากของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณมาถึงบ้านผมแล้ว หมดเวลาทำงานแล้วนะ ไหนว่าจะพักไง” เขาแนบมือลงข้างแก้มของผม
กิริยาของเขานุ่มนวล สายตาที่เขามองมายังผมคล้ายเห็นใจ แต่ก็มีแววยั่วเย้าไปในเวลาเดียวกัน
ผมไม่ได้หลบหรือเบือนหน้าไปจากวินเซนต์ เมื่อเขาก้มลงมาหา กระทั่งใบหน้าของเราใกล้กัน
“เครตช์เมอร์บอกว่า คุณมีคู่รักอยู่แล้ว คือ ดร. คิงส์ลีย์” วินเซนต์ถาม ก่อนแนบริมฝีปากกับผม
“ลีโอเป็นสเตรท” ผมกระซิบ เมื่อริมฝีปากของเราผละจากกัน “ดร. เครตช์เมอร์คงไม่ชอบที่เราสนิทกัน”
“น่าสงสาร ถ้าอีกฝ่ายเป็นสเตรท เครตช์เมอร์คงหลงรักเขาข้างเดียว ไม่โชคดีเหมือนผม” เขาหัวเราะ
วินเซนต์จูบผมอีกครั้งหนึ่ง ยาวนานกว่าคราวแรก เขาทำเสียงอืมในลำคอเมื่อสอดมือเข้าใต้เสื้อของผม
“มีใครเคยบอกคุณหรือเปล่า ฮารุ” จมูกของเขาเคลียที่ข้างหูของผม “ผิวของคุณละเอียดดีเหลือเกิน...”
-----------------------------------------------------
To be continued >>> Day 25-26 : Brick and Mask
** คดีที่อ้างถึง คือ คดีของ Stephen Port ฆาตกรต่อเนื่องที่ล่อลวงเหยื่อที่เป็นชายรักชายผ่าน application หาคู่เดทของเกย์ พาไปที่อพาร์ทเม้นต์ของตัวเอง แล้วฉีด GHB แบบเกินขนาดจนเหยื่อหมดสติ และล่วงละเมิดทางเพศ แล้วปล่อยให้เหยื่อเสียชีวิตจากการรับยาเกินขนาด ก่อนที่จะนำศพใส่รถเอาไปทิ้ง ในช่วงปี 2012-2014 มีเหยื่อเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 4 ราย แต่คาดว่าจะมีอีก คดีอยู่ในการพิจารณาของศาล แต่ก่อนหน้านั้นตำรวจนครบาลลอนดอน (The Metropolitan Police) ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เรื่องละเลยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคนในกลุ่ม LGBT ไม่สนใจพยานที่เป็นเพื่อนของผู้ตาย ปล่อยพอร์ตไปทั้งที่เป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งในภายหลังพบภาพในกล้องวงจรปิดว่าไปกับผู้ตายรายหนึ่ง และการปล่อยตัวน้อย มีผู้ตายเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาถัดมาด้วย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in