1. สีดำ
สีดำ คือ สีของเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ในวันที่เราเจอกันครั้งแรก
เสื้อผ้าสีดำพวกนั้นอยู่บนตัวเขาต่อไปอีกไม่นานนัก เมื่อเราอยู่ด้วยกันสองคนในห้อง
ไม่มีข้อผูกมัดอะไรระหว่างเรา นอกจากผมต้องจ่ายเงินให้เขา เมื่อเรื่องบนเตียงจบลง
ใช่... เราไม่รู้จักชื่อจริงของกันและกัน เราไม่มีข้อผูกมัด ดังนั้น เราจึงไม่ควรมีความผูกพัน
แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น มีอะไรบางอย่างในตัวเขาที่ทำให้ผมสนใจเป็นพิเศษ
ไม่หรอก... ไม่ใช่แค่ดวงตาสีดำลึกล้ำคู่นั้นที่สะท้อนภาพของผมยามอยู่เหนือร่างของเขา
และทำให้ผมอดนึกถึงดวงตาของหญิงสาวในความฝันคืนแรกในฝันสิบราตรีของนัตซึเมะ โซเซกิ
แต่เป็นอะไรบางอย่างในตัวเขาที่ดูลึกลับ ดึงดูด และชวนพิศวงไปในเวลาเดียวกัน
เขาไม่เคย... ผมรู้ได้ในทันทีตั้งแต่ริมฝีปากของเขาสัมผัสกันแล้วว่า เขาไม่เคย
แม้ว่าจะไม่เคย และผมถามว่า เขาแน่ใจแล้วหรือ รอยยิ้มหนึ่งก็เกิดขึ้นบนริมฝีปาก
เป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะเยาะหยันและเต็มไปด้วยความสาแก่ใจ แต่ไม่ใช่สำหรับผม
ถึงจะรับเงิน แต่เขาไม่ได้ทำเพื่อเงิน นั่นเป็นสิ่งที่ผมแน่ใจ แต่เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ถาม
ก่อนผมจะตื่นขึ้น เขาจากไปในตอนเช้าโดยไร้คำลา เสื้อผ้าของผมถูกวางพาดไว้บนพนักเก้าอี้
สิ่งที่หลงเหลือและทำให้ผมแน่ใจว่าไม่ได้ฝัน มีเพียงรอยยับของผ้าปูที่นอนกับคราบรอยของคืนวาน
ชายหนุ่มชุดดำคนนั้นหายตัวไปจากผมราวกับเป็นเมฆหมอกหรือความฝัน...
ก่อนที่ผมจะได้รับรู้ว่า ความจริงกึ่งฝันที่มีเขาอยู่ข้างกายเมือคืนนั้น จะกลายเป็นฝันร้ายยามตื่น
สองวันถัดมา ผมลอดแถบเทปสีเหลืองที่ทอดกั้นที่เกิดเหตุในสวนสาธารณะ
อากาศหนาวของเดือนพฤศจิกายน หนาวจับใจ แต่ไม่เท่ากับภาพที่ทำให้เลือดผมแทบกลายเป็นน้ำแข็ง
“เหมือนฆาตกรรมแบล็คดาห์เลียเลยจริงไหม”
เพื่อนร่วมงานของผมเอ่ย ถึงคดีฆาตกรรมหญิงสาวรายหนึ่ง
และศพสองท่อนที่ทอดร่างอยู่บนพื้นหญ้าฉ่ำน้ำค้างนั้นก็อยู่ในสภาพเดียวกัน ต่างเพียงเป็นศพของผู้ชาย
ใบหน้าของเขาไม่ได้ถูกทำลาย แต่เหมือนกำลังเผยอยิ้มอย่างพึงพอใจที่ผลออกมาเป็นเช่นนี้
ผมจำรอยยิ้มนั้นได้ดี... เช่นเดียวกับดวงตาสีดำสนิทคู่ที่ผมไม่เคยลืมได้เลยคู่นั้น....
----------------------------------------
2. แรคคูน
“เรียกมันว่า ‘แรคคูนกระหายเลือด’ ดีมั้ย”
เขาใช้คำว่า ‘Bloody Raccoon’ และผมรู้ว่า เขาจงใจเล่นคำ
ผมคิดว่าตัวเองกำลังยิ้มขันกับมุกตลกหน้าตายนั้นของลีโอ คิงส์ลีย์ แต่ก็ไม่
เสียงที่เปล่งจากปากของผม ไม่ใช่เสียงหัวเราะ แต่เป็นเสียงของความว่างเปล่า
“นายโอเคนะ ฮัล” เขาวางมือบนไหล่ของผม เอียงศีรษะมองด้วยท่าทางที่เขาชอบทำ
ผมพยักหน้า คิดว่าสีหน้าของตัวเองคงจะย่ำแย่เสียจนเขาต้องออกปากเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
แรงบีบจากมือที่ใช้แสวงหาความจริงจากคนตายแล้วส่งต่อให้ผม ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองยังมีชีวิต
“ผมโอเค... ลีโอ...” ผมเอ่ยตอบ แต่เสียงของผมตรงข้ามกับที่พูด “คุณว่างไปดื่มกับผมหรือเปล่า”
ผมรอจนเขาเลิกงาน เขานั่งรถไปกับผม เราแวะซื้ออาหารจีนกับเบียร์ไปกินที่บ้านของเขา
ทุกอย่างเป็นความคิดของลีโอ และผมก็ปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในการตัดสินใจของเขาทั้งหมด
ในช่วงเวลาอย่างนี้ การมีใครสักคนที่ไว้ใจได้และพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจ คือ สิ่งที่ผมต้องการที่สุด
“ทำไมคุณถึงบอกให้ผมเรียกไอ้ฆาตกรที่ฆ่า ‘เขา’ ว่า ‘แรคคูนกระหายเลือด’ ล่ะ”
ผมถามขึ้นในที่สุด หลังจากอาหารค่ำจบลง และเราย้ายมาดื่มเบียร์ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์
ลีโอเลิกคิ้วนิดหนึ่ง ทำท่าเหมือนนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อบ่ายนี้ แล้วหัวเราะออกมา
เขาไม่ได้ตอบผมทันที ยกกระป๋องฟอสเตอร์ขึ้นดื่ม พาดแขนตามความยาวของพนักโซฟา
“เพราะตำรวจอย่างพวกคุณไม่ชอบตั้งฉายาให้อาชญากร แต่สื่อต้องการมันไงล่ะ”
ผมมองหน้าเขา และทำเสียงหือในลำคอ ในขณะที่เขาหัวเราะกับท่าทางของผม
“ถ้าตำรวจไม่ตั้งฉายาให้ พวกสื่อก็จะเอาไปตั้งกันเอง และยิ่งฟังดูดีเท่าไหร่
คนร้ายที่หวังให้ตัวเองเป็นที่รู้จักด้วยผลงานที่มีลายเซ็นเป็นของตัวเอง หรือ
เป็นการฆาตกรรมเลียนแบบผลงานของคนอื่นที่เป็นที่รู้จัด มันก็จะยิ่งภาคภูมิใจ”
เขาบอก “เพราะฉะนั้น ตำรวจอย่างนายก็ควรจะตั้งฉายาที่ฟังดูน่ารักน่าเอ็นดูให้แทน
เพื่อที่สื่อจะได้เอาไปลง แล้วมันก็จะรู้สึกว่าตัวเองถูกหยามน้ำหน้าแทนที่จะภูมิใจไง”
“ฉายาที่คุณตั้งให้จะทำให้พวกผมต้องทำงานเพิ่มขึ้นอีกละ ไม่ว่า” ผมกลั้นยิ้ม
“ถ้าเกิดมันโมโหขึ้นมาเพราะคิดว่า ตำรวจมองมันเป็นตัวตลกแล้วฆ่าเพิ่มอีกรายล่ะ”
“ฉันก็มีงานที่ต้องทำเพิ่มไงล่ะ จะอะไรซะอีก” เขาไหวไหล่ ก่อนฉีกยิ้มกว้างให้ผม
“นายเข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าทำไมฉันไม่ควรทำอาชีพเป็นนักจิตวิทยาอาชญากรรม”
สิ่งที่เขาพูดทำให้ผมหัวเราะออกมาได้ในที่สุด เป็นครั้งแรกในช่วงเวลาตลอดวันที่ผ่านมา
ในขณะที่ลีโอแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มองผมยิ้ม ๆ และดื่มเบียร์ที่เหลืออยู่จนหมดกระป๋อง
“แล้วทำไมต้องเป็นแรคคูน” ผมถาม เท่าที่รู้จักกันมา ผมคิดว่าเขามีเหตุผลบางอย่าง
“แรคคูนเป็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมเอาอาหารไปล้างน้ำก่อนกิน” เขาอธิบาย
“ศพของเหยื่อสะอาดหมดจด ไม่มีรอยคราบเลือดเลยแม้แต่นิดเดียว
เหมือนเลือดถูกดูดออกจนหมด ก่อนที่อาชญากรจะลงมือหั่นเขาเป็นสองท่อน”
คำอธิบายของเขาทำให้ผมคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก เมื่อนึกภาพตามไปด้วย
ถ้าหากชายหนุ่มคนนั้น ไม่ใช่คนที่ผมนอนด้วยเมื่อสองวันก่อน ใจผมคงสงบได้มากกว่านี้
ดวงตาที่เคยสะท้อนภาพของผมในคืนวันนั้นดับแสงและขุ่นมัว
แต่ดวงตาไร้ชีวิตคู่เดียวกันที่มาพร้อมกับรอยยิ้มปริศนาบนใบหน้าของเขา
ทำให้ผมรู้สึกว่า ตนเองกำลังจ้องมองเข้าไปในความมืดลึกล้ำที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้
“ฮัล...” เสียงเรียกของลีโอ และปลายนิ้วหยาบด้านเพราะสารเคมีและผงแป้งจากถุงมือผ่าตัด
ที่เกลี่ยอยู่ข้างแก้มของผม เรียกให้ผมตื่นขึ้นจากภวังค์ความคิด “เราหยุดคุยเรื่องนี้กันดีไหม”
ผมสบตากับดวงตาสีฟ้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผมสีเทาที่ตกลงมาระเหนือหน้าผากของเขา
ฝืนยิ้มให้เขา ก่อนส่ายหน้าแทนคำตอบ “ผมไม่เป็นไร แค่กำลังคิดถึงคำว่า ล้างก่อนกินของคุณ”
แพทย์นิติเวชทำเสียงเหมือนหัวเราะอยู่ในลำคอ มือของเขาย้ายจากพนักโซฟามาโอบบ่าผมเอาไว้
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นเสียทีเดียวหรอก... เรายังพอมีเวลา และนายควรจะพักได้แล้ว”
“แต่...” ผมขยับตัวจะลุกขึ้น แต่มือข้างนั้นของเขา กดผมให้นั่งลงข้างเขาตามเดิม
ดึงตัวผมให้เอนลงไปอิงกับบ่าของเขา แววตาของเขาที่ก้มหน้าลงมามองทำให้ใจผมสะท้านวูบ
“นายชอบผู้ชายคนที่ตายไปคนนั้นใช่ไหม ฮารุ”
ชื่อจริงของผมที่เขาใช้เรียกหมายความว่าคำถามนั้นจริงจังอย่างที่สุด
ผมไม่ได้ปิดบังลีโอเรื่องที่ผมเคยพบผู้ตาย
แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบคนที่นอนด้วยกันแค่หนเดียวได้
ในขณะที่ลีโอถือเอาความเงียบของผมเป็นคำตอบของคำถาม
และดึงตัวผมไปกอดเอาไว้เหมือนปลอบเด็ก
ผมตอบคำถามของเขาอยู่ในใจ... ผมชอบชายหนุ่มคนนั้นหรือเปล่า...
คำตอบของผมมีทั้งใช่ และไม่ใช่...
To be continued >>> Day 3-4: Cotton Candy and Vending Machine
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in