Theme: (Kinky) One night stand
Pairing: Chwe Hansol x Boo Seungkwan
Rating: PG18 แด่คำหยาบและอ้างถึงเซ็กซ์
Warning: เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ค่ำคืนนั้น บู ซึงกวานถอดตัวตนแสนไร้สีสันพร้อมกับแว่นตาหนาเต๊อะ สวมหน้ากากปกปิดความจริง เพื่อลืมทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงใจร้ายคนนั้น เธอทำเหมือนเขาเป็นไอ้งั่งคนหนึ่ง กว่าจะรู้ตัวว่าถูกเธอสวมเขาก็เกือบจะทุบกระปุกหมูเอาเงินที่เก็บหอมไปซื้อแหวนเพชรราคาแพงให้เธอเสียแล้ว
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ชายหนุ่มย่างก้าวเข้ามาในสถานที่อโคจรแห่งนี้ ยอมตกปากรับคำของเพื่อนสนิทที่ชวนให้มา ‘สนุกสุดเหวี่ยง’ ณ คลับxxxทั้งน้ำตา ปล่อยให้ฤทธิ์แอลกอฮอล์หลากขนานดูดกลืนสติสัมปัชชัญญะเสียไม่เหลือหลอ
ยอมให้ใครก็ไม่รู้ซึ่งจำได้ลาง ๆ ว่ายิ้มสวยมากจูงมือพาไหนต่อไหน
ใครที่ว่านั้นเป็นผู้ชายเหมือนเขา
เป็นลูกครึ่ง
ผมสีแพลตตินั่มบลอนด์แสนโดดเด่น
และหล่อเป็นบ้า
บทรักในค่ำคืนนั้นยังตราตรึงในความทรงจำแสนจะพร่ามัว ซึงกวานจำทุกสัมผัสที่เจ้าของรอยยิ้มหวานมอบให้เขา เริ่มต้นด้วยความนุ่มนวลเนิบนาบคล้ายจะหยั่งเชิง ก่อนฝ่ายนั้นจะป้อนจูบเคล้าสุราราคาแพงสลับกับช็อคโกแลตบาร์รสเข้ม มอมเมาล่อลวงชายหนุ่มแสนซื่อให้ตกหลุมพรางจนแทบจะลืมรักเก่าเสียสิ้น
เวอร์น่อนคนนั้น (อีกฝ่ายกระซิบบอกให้เขาเรียกด้วยชื่อนี้) ละโมบตักตวงทุกอย่างจากเขาไม่หยุดหย่อน ขบกัดฝากรอยบนผิวกายของเขาตลอดทางที่ริมฝีปากของเจ้าตัวลากผ่าน พอ ๆ กับมือใหญ่ที่มอบสัมผัสร้อนผ่าวฟอนเฟ้นและโลมไล้ไปทั่วร่าง
สำหรับพนักงานกินเงินเดือนที่ชีวิตนี้พานพบแต่จูบนุ่มนวลอ่อนหวาน (ใช่สิ เขามันไอ้ไก่อ่อน) เซ็กซ์ร้อนแรงอย่างที่ประสบอยู่ ณ ตอนนั้นค่อนข้างแปลกใหม่และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เหมือนกับกำลังเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์ที่สูงชันจนเสียววาบไปทั้งตัว แต่เป็นเวอร์ชั่นมิสเตอร์เกรย์วิลซียูนาว...
ซึงกวานรู้สึกคล้ายจะขาดใจ เขาจำได้ว่าตัวเองร้องครวญครางแทบไม่เป็นภาษาขณะที่เวอร์น่อนคนนั้นกำลังเล่นสนุกกับร่างกายเขาอย่างบ้าคลั่ง
ก่อนที่ภาพจะตัดไป
และสะดุ้งตื่นในเช้ามืดของอีกวัน... เพื่อพบกับความจริงอันน่าอดสูว่า หนึ่ง เขาปวดหัวฉิบหาย สอง รุ่นพี่ที่ทำงานส่งข้อความมาช่วงห้าทุ่มของเมื่อวาน บอกข่าวดีมาก ๆ ว่าบอสสุดที่รักของทุกคนนัดประชุมด่วนเก้าโมงเช้าของวันนี้...
และสาม เป็นครั้งแรกที่เข้าใจว่าถูกกินอย่างสมบูรณ์แบบแล้วเป็นเช่นไร ตอนแรกก็อุตส่าห์คิดในแง่ดีว่าเขาน่าจะถูกพ่อรูปหล่อข้างกายถีบตกเตียง แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ความทรงจำเริ่มย้อนกลับมาหาเขาทีละนิด ไม่เหลือพื้นที่ใด ๆ ให้เขาหลอกตัวเองได้เลย ไม่ว่าจะอาการเจ็บร้าวตรงช่วงบั้นท้ายกับ ‘อะไร อะไร’ ที่ยังคงค้างคาอยู่ ไหนจะเสียงกรนดังแผ่วมาจากชายหนุ่มข้างกาย อีกทั้งลมหายใจร้อนที่กลิ่นไม่ค่อยจะโสภานักเป่ารดหลังคอชวนให้จั๊กจี้เล่น
ซึงกวานอยากจะทึ้งหัวตัวเองมันซะเดี๋ยวนั้น
เขาไม่แม้จะหันไปมองให้เสียเวลา พยายามยกแขนหนักอึ้งของอีกฝ่ายออกจากเอวอย่างทุลักทุเล นึกขอบคุณฟ้าดินที่เพื่อนร่วมเตียงคนนี้หลับลึกระดับร้อยเต็มสิบ เจ้าของร่างสมส่วนจึงค่อย ๆ ย่องลงจากเตียงได้อย่างปลอดภัย ชะงักงันไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเสียงชื้นแฉะขณะขาทั้งสองเบียดเสียดตอนก้าวเดิน ชายหนุ่มสูดลมหายใจ พยายามข่มความอับอาย และหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปทั่วห้องขึ้นมาสวมใส่ลวก ๆ ก่อนจะเพ่นแนบออกจากห้องให้ไวและเงียบเชียบที่สุดเท่าที่สังขารแหลกร้าวนี้จะเอื้ออำนวย
ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีก เขาคิดเช่นนั้น
“ทุกคน นี่หลานของฉัน ชเว ฮันซล...”
แต่คำอธิษฐานของซึงกวานไม่สัมฤทธิ์ผล
เขามองคนที่ยืนข้างประธานบริษัทอย่างไม่เชื่อสายตา ว่ากันตามตรงก็คืออ้าปากค้างตั้งแต่เห็นเวอร์น่อนคนนั้นเดินหล่อเข้ามาในห้องประชุมแล้ว ความช็อคที่เจอวันไนท์สแตนด์ของตนเทียบไม่ได้เลยกับอาการตื่นตะลึงในรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายที่ยังคงหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ ทั้ง ๆ ที่ใต้ตาโหลลึกเพราะอดหลับอดนอน
ตัดภาพมาที่เขา ดูหน้าเขา ดูเนื้อตัวร่างกายของเขา สภาพอิดโรยเหมือนวิ่งไปให้รถสิบล้อชนเล่นสักห้ารอบ แถมยังถูกทักตอกย้ำตั้งแต่ยามหน้าบริษัท เพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ร่วมแผนก รุ่นน้องร่วมโปรเจค ป้าแม่บ้าน หรือแม้กระทั่งท่านประธาน ด้วยประโยคที่มีเนื้อหาประมาณว่า ‘วู้ เมื่อคืนหนักไปหน่อยล่ะสิ?’ ตามด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเลศนัย
ซึงกวานเลือกที่จะก้มหน้าก้มตา ถ้ามุดเข้าไปในใต้โต๊ะได้ก็คงทำไปแล้ว เขาพยายามไม่มองตัวต้นเหตุของปัญหาใหญ่ในชีวิตที่กำลังยืนยิ้ม (หล่อ) โง่ ๆ ไม่มีพิษไม่มีภัยอยู่หน้าห้อง
ต่างกับตอนที่อยู่บนเตี—
แม่ง
โมโหตัวเองไม่น้อยที่ไม่อาจปัดความทรงจำลางเลือนยามตนเอง ‘สนุกสุดเหวี่ยง’ กับรสรักเร่าร้อนที่อีกฝ่ายขยันป้อนให้ออกไปได้
สีหน้าและท่าทางเลิ่กลั่กของเขาคงชัดเจนมากจนซอกมินซึ่งเป็นรุ่นพี่แผนกเดียวกันหันมากระซิบถาม
“รู้จักกันเหรอ?”
เหมือนจะรู้ตัวว่าตนกำลังอยู่ในประเด็นสนทนา จู่ ๆ ชเว ฮันซลก็หันมายิ้มหวาน (ยิ้มเดียวกับที่ตกเขาได้เมื่อคืน) ให้เขา
“ใช่ไหมซึงกวาน?”
“ไม่รู้ฮยอง ผม—”
“บู ซึงกวาน!” เสียงของชายสูงวัยผู้ดำรงตำแหน่งบอสแสนรักแสนชังดังขึ้น “ในฐานะที่เธอเคยทำโปรเจคเอมาก่อน คงไม่ลำบากใช่ไหมถ้าฉันจะให้หลานของฉันศึกษางานจากเธอ”
เวร...
“ครับ?”
“เธอไม่ตั้งใจฟังอย่างนั้นเหรอ?”
เวรแล้วไง
“ฟังครับฟัง แต่... ท่านประธานครับ เรื่องที่คุณพูดเมื่อครู่ ผมเกรงว่าผมอาจไม่มีศักยภาพพอที่จะ—”
“ฮันซลสนใจต่อยอดโปรเจคเอที่เธอเคยทำนะซึงกวาน ดังนั้น ที่ฉันพูดเมื่อกี้จึงไม่ใช่ทางเลือก คำตอบมีเพียงอย่างเดียวคือครับ เข้าใจใช่ไหม?”
เออ เข้าใจก็ได้วะ
“.......ครับ”
เสียงตบโต๊ะดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดในห้องประชุม จะมาจากใครได้ถ้าไม่ใช่—
“ฉันไม่ค่อยได้ยินน่ะ” ประธานบริษัทเอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาดุจ้องหนึ่งในพนักงานคนโปรดของตนเขม็ง มือหมุนไปมาเหมือนกำลังปรับเสียงวิทยุสมัยคุณปู่ “ช่วยตอบให้เหมือนตอนขอโบนัสเพิ่มได้ไหม”
ซึงกวานกลอกตาในใจร้อยแปดรอบ พลางสูดลมหายใจจนเต็มปอด ถ้าตาไม่ฝาดเหมือนจะเห็นหลานชายของประธานบริษัทพยายามกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง
“ครับโว้ย! ท่านประธาน!”
นั่นแหละครับ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตของบู ซึงกวาน ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
End.
◍ ◍ talk with me free wifi :
- ที่จริงมันควรเป็นฟิคเรท nc แต่ตอนนี้เราแต่งฟิคโทนนั้นไม่ได้อีกแล้ว (ปิดตาเขิน) จึงออกมาในรูปแบบนี้ ซึ่งเราชอบมาก
- มันคือฟิครอมคอมที่ไม่มีแก่นสารใดๆทั้งสิ้น
- ยืมประโยคเด็ดของ fifty shades of grey มาใช้ ทั้งที่ยังไม่เคยดูจนจบเลย
- ท่านประธานนี่แอบยืมคาร์ของ michael scott จาก the office มานิดหน่อย เราชอบเขามาก ถ้าได้เขียนต่อ บทท่านประธานจะมีสีสันระดับหนึ่งในฐานะมือชงแบบไม่รู้ตัว
- มีอะไรติชมกันได้ที่ #kurofics ในทวิตภพหรือจะคอมเมนต์ตรงนี้ก็ได้นะคะ น้อมรับฟังเสมอ
- enjoy reading ♡
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in