เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
my writings.kurobakana
[SF] Messages in the Bottle.



  • Theme: Distance




    Pairing: Chwe Hansol x Boo Seungkwan


    Rating: PG13


    Warningเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน



    ◍ ◍ แนะนำให้ฟังเพลง Wait ของ M83 กับ Hoppípolla ของ Sigur Rós เพื่ออรรถรส





















    “สวัสดี... นี่ซึงกวานนะ....... 



    ถ้านายได้ยินข้อความนี้ ช่วยโทรกลับเบอร์นี้ หรือไม่ก็เบอร์ xxxxxxxxxxx ก็ได้... ขอโทษที่รบกวน...”


     

    ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะตัดสายไป เขามองหน้าจอโทรศัพท์เนิ่นนาน ไม่สนใจอุณหภูมิเย็นชื้นเฉียดติดลบรายล้อมกาย แม้จะยังไม่มีหิมะโปรยปรายก็ตาม



    ไม่นานหรอก...



    ท้องฟ้าสีเทาหม่นกับสายลมเย็นเยียบลึกไปถึงกระดูกบอกเขาว่าอีกไม่นาน ละอองสีขาวพิสุทธิ์ใกล้จะร่วงหล่นลงมาบนพื้น


     

    และแล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด


     

    หิมะละอองเล็กต้องบนใบหน้า ครั้งแล้วครั้งเล่าจนชายหนุ่มคล้ายจะทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาลุกขึ้นพลางกระชับกอดตนเองหมายจะกลับที่พักซึ่งห่างจากสวนสาธารณะแห่งนี้เพียงไม่กี่บล็อค



    โทรศัพท์รุ่นเก่าที่เขายืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนจนกว่าจะเสียจริง ๆ กลับมาในห้วงความคิดอีกครั้ง

     


    ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับกดหาเบอร์โทรที่เพิ่งโทรออกเมื่อครู่



    ฟังเสียงสัญญาณจังหวะสม่ำเสมอ รอจนกว่าเสียงนั้นตัดเข้าสู่ระบบฝากข้อความ

     


    “ซึงกวานนะ...”

     


    แต่ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกจากปากของเขาหลังจากนั้น ไม่แน่ใจเพราะความหนาวเหน็บหรือความเจ็บปวดที่ปรากฏชัดในแววตา 



    ชายหนุ่มกดวาง 



    นานเลยทีเดียวที่เขายืนนิ่งอยู่อย่างนี้ท่ามกลางเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่น ขณะเดียวกันมือก็กำโทรศัพท์แน่น 



    เขาต้องทนทำอะไรแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน?



    ข้อความเสียงที่ถูกส่งในทุก ๆ วันตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ความพยายามทื่อ ๆ ของไอ้โง่คนหนึ่งกลายเป็นกิจวัตรประจำวันแสนน่าเบื่อและไร้ซึ่งความหวัง บ่อยครั้งที่เขาหมดความอดทนและตั้งใจจะเลิกเสียเวลากับมันเสียที 



    แต่สุดท้าย ชายหนุ่มก็เลือกที่จะทำมันต่อไป

     


    แม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางที่ปลายสายจะตอบรับกลับมา



    สัมผัสเย็นของสร้อยเส้นหนาบนข้อมือไม่ต่างอะไรกับมือที่มองไม่เห็นกำลังบดขยี้หัวใจที่เต้นอยู่ของเขา ชายหนุ่มยกมือปาดคราบหิมะที่แปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำเย็นเมื่อต้องผิวหน้า ก่อนจะรู้สึกว่าหยดน้ำนั้นอุ่นเกินกว่าจะเป็นหิมะที่ละลายได้


     

    เขากดโทรออกอีกครั้ง

     


    “สวัสดี ฉันเองนะ... มีหลายเรื่องเลยที่บอกกับนาย เรื่องแรก... สุขสันต์วันเกิดนะ” เขายิ้มพลางเงยหน้ามองหิมะที่ร่วงหล่น “ฉันเคยพูดกับนายหลายครั้งแล้ว ไม่เชื่อลองเปิดข้อความเก่า ๆ ดูได้ ขอบคุณมากนะสำหรับสร้อยเส้นนี้ มันเป็นของขวัญวันเกิดที่วิเศษมาก...”



    ชายหนุ่มมองสร้อยแพลตตินั่มบนข้อมือของตน มองตัวอักษร H’S ที่สลักอยู่ด้วยความรู้สึกหลายหลาก ไม่อาจรู้ได้ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเกิดขึ้นเพราะมีความสุขหรือเศร้าโศกอย่างสุดหัวใจ



    “ตลกดีเหมือนกัน ไม่รู้ว่านายคิดอะไรตอนซื้อมา ฉันจำได้ว่ามันคล้ายกับอันที่นายใส่อยู่”

     


    ดวงตาหม่นแสงจับจ้องละอองสีขาวที่แทบจะกลืนกับท้องฟ้าสีเทาซึ่งค่อย ๆ แปรเป็นสีเข้มของยามรัตติกาล

     


    ชายหนุ่มสูดลมหายใจที่ติดขัด พลางยกมือปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

     


    “นาย... สารภาพรักได้ห่วยแตกเป็นบ้า ใครใช้ให้พูดอะไรแบบนั้น... ”

     


    เหตุการณ์ในวันนั้นยังชัดเจนในความทรงจำของเขา แม้มันจะผ่านมาปีกว่าแล้วก็ตาม 



    เสียงระเบิดดังกึกก้อง แรงมหาศาลของมันพร้อมที่จะฉีกกระชากทุกสิ่งจนไม่เหลือดี ชายหนุ่มไม่มีโอกาสเห็นภาพนั้นกับตา แต่เขาได้ยินเสียง



    เท่านั้นก็มากพอที่จะทำให้เขากลายเป็นเขาอย่างทุกวันนี้



    “ใครใช้ให้นายตัดสายฉันทิ้งไป... สถานการณ์อย่างนั้นน่ะ ฮันซล ใครใช้ให้นาย... นายไม่มีสิทธิ์จะตัดสินว่าใครควรมีชีวิตรอดหรือใคร— เวรเอ้ย!” เขาสบถออกมาอย่างเหลืออด 



    และร้องไห้อย่างเงียบงัน



    นานทีเดียวกว่าชายหนุ่มจะควบคุมสติให้กับมาสงบเฉกเช่นเดิมได้ เขาสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนลมหายใจที่สั่นเทาออก “นาย... ทิ้งฉันแบบนี้ได้ยังไง...”



    ปลายสายยังคงเงียบเชียบ ไร้การตอบรับไม่ต่างจากเดิม



    “อยากเจอนายจริง ๆ อยากเจอเหลือเกิน”



    “อยากให้นายอยู่ตรงนี้...”




    ชายหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา




    “ฉันจะรอบอกมันกับนายนะ...”




    “ฉันจะรอ...”




    และตัดสายทิ้ง

     




    .



    .



    .

     





    [ฉันจะรอ...]

     



    ดวงตาคมไหววูบไปชั่วขณะที่ได้ยินประโยคนี้จากโทรศัพท์ เขามองมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาไปยังหิมะโปรยปรายภายนอกหน้าต่างบานกว้าง 



    เสียงเปิดประตูดังขึ้น ฝีเท้าเงียบเชียบเช่นนี้มีเพียงไม่กี่คน

     


    “เธอดูดีขึ้นนะ”



    ชายหนุ่มในสูททรงอังกฤษที่มาพร้อมถาดอาหาร เอ่ยทักทายเจ้าของสมญาราชสีห์นิทราซึ่งยังไม่ละความสนใจจากหิมะขาวโพลนเบื้องหน้า



    หลากถ้อยคำที่เพิ่งได้ยินจากโทรศัพท์เครื่องเก่ายังคงรบกวนห้วงความคิดยุ่งเหยิงของชายที่กำลังเหม่อลอย



    “เรียกหาเจมส์เพราะอย่างนี้สินะ” ดวงตาเรียวสวยจับจ้องบางสิ่งที่อยู่ในมือของอีกคน “ได้อะไรบ้างล่ะ?”



    ชายหนุ่มลูกครึ่งอเมริกันมองตามสายตาของคู่สนทนา 



    บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏภาพของชายคนหนึ่งที่แย้มยิ้มกว้าง



    “บู ซึงกวาน...” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยราวกับคนเพ้อ “เขาเป็นใคร?” 



    ฝ่ายที่ถูกถามเลิกคิ้ว มองเขาอยู่เนิ่นนานกว่าจะตอบคำถาม 



    “คนของฝ่ายนั้น อดีตเป้าหมายของเธอ” 



    “อดีต?” 



    “ใช่ อดีต เป็นภารกิจที่น่าผิดหวังของเธอ... จำเขาได้อย่างงั้นรึ?” 

     


    “ไม่เลย...” เจ้าของร่างสูงมองโทรศัพท์ในมือของตน “ผมแค่สงสัยบางอย่าง”



    ภาพถ่ายของชายเจ้าของรอยยิ้มสดใสท่ามกลางทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเวนิส เป็นภาพถ่ายเพียงไม่กี่ภาพที่อยู่ในโทรศัพท์เครื่องนี้ ว่ากันตามความจริง รูปทั้งหมดที่มีก็คือภาพของชายผู้นี้ทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นรูปยามเผลอ แต่มีรูปนี้เพียงรูปเดียวที่อีกฝ่ายยิ้มให้กล้อง



    หากนี่เป็นโทรศัพท์ของเขาก่อนประสบอุบัติเหตุจริง เขาจะถ่ายรูปเป้าหมายในอิริยาบถที่ผ่อนคลายเช่นนี้ไปเพื่ออะไร



    ตัวเขาเองก็ไม่ใช่ผู้ล่าประเภทหยอกเล่นกับเหยื่อก่อนดับลมหายใจเสียด้วยสิ



    คน ๆ นี้เป็นใครกันแน่



    “เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?”



    “อืม แค่ตอนนี้น่ะ” ชายหนุ่มอายุมากกว่าหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจ้าของร่างสูง “เธอดูดีใจนะ” 



    “คุณกำลังจับผิดผม?”



    “เธอก็ทำอย่างเดียวกันกับฉันไม่ใช่รึไง เวิร์น” 



    เวิร์นหรือเวอร์น่อนละความสนใจจากโทรศัพท์ในมือ แววตาเย็นเยียบมองเจ้าของวาจายอกย้อน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อีกคนพูดกับเขาเช่นนี้



    เห็นถึงความพยายามของคุณแล้ว น่านับถือนะครับที่กล้าเก็บคนที่เป็นทั้งนกปีกหักและงูพิษไว้ใกล้ตัวขนาดนี้” ชายหนุ่มลูกครึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดวงตาคมจ้องลึกไปในดวงตาของคนตรงหน้า “จนผมอดคิดไม่ได้ว่าเพราะอะไร...”



    บรรยากาศเงียบสงบแต่กดดันกำลังแผ่ออกมาจากชายที่ยืนอยู่ข้างเขา เป็นสัญญาณเตือนว่าแบล็คแมมบ้ากำลังไม่พอใจ ใช่ว่าราชสีห์หนุ่มจะขลาดกลัว เขาเองก็ไม่ชอบเท่าไรนักที่อีกฝ่ายพยายามปกปิดหลาย ๆ อย่างกับเขา



    “ว้าว ถ้าเก่งได้สักครึ่งของตอนนี้ เธอคงไม่อยู่ในสภาพน่าหัวร่อแบบนี้กระมัง ฮันซล” อีกฝ่ายเลือกที่จะชื่อจริงของเขาในบทสนทนา แววตากร้าวฉายชัด “ราชสีห์แข้งขาหักอย่างเธอควรจะสำนึกให้มากกว่านี้ว่าคนที่เธอควรจะระแวงไม่ใช่ฉัน...” 



    “งั้นก็ตอบผมมาสิว่าใคร?”



    นัยน์ตาคล้ายกวางป่ามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง 



    ก่อนอีกฝ่ายจะหัวเราะออกมา 



    “อย่าขมวดคิ้วอย่างนั้นสิ เด็กน้อย” ดวงตาเรียวสวยเป็นประกายบางอย่างที่เขาไม่อาจเข้าใจ งดงามและอันตราย “แต่เอาเถอะ ไว้เธอหายดีเมื่อไหร่ ฉันจะให้เธอหาคำตอบที่สงสัยด้วยตัวของเธอเอง”




    มือเรียวแตะใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา แต่เขาจะผ่อนคลายกว่านี้หากชายหนุ่มเบื้องหน้าไม่ใช่เจ้าของสมญางูพิษที่อันตราย




    “ฉันจะรอ... วันที่เธอได้รู้ในสิ่งที่เธออยากรู้ก็แล้วกัน...”

     





    .



    .



    .

     





    ซึงกวานเดินเข้าบ้านพักอย่างอ่อนล้า สำหรับคนที่ไม่ได้กลับบ้านมาเกือบอาทิตย์แล้วไม่มีคำไหนจะเหมาะเท่ากับคำนี้อีกแล้ว เขาปลดผ้าพันคอออก พลางถอดโอเวอร์โค้ทด้วยความเกียจคร้าน 



    ดวงตาสะดุดกับไฟสีแดงบนโทรศัพท์บ้าน ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะเขาปิดโทรศัพท์มือถือตลอดระยะเวลาเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา

     


    21 ข้อความ

     


    ชายหนุ่มผิวปากกับจำนวนข้อความ มือยกม้วนบุหรี่จรดริมฝีปาก 


     

    [มิสเตอร์บู เปิดโทรศัพท์ด้วย ผมมีเรื่องที่จะคุยกับคุณ อัลเบิร์ต เลสเตรด]

     


    [มิสเตอร์บู คุณอยู่ไหน ไม่ใช่ว่าถูกฝังกลบไปแล้วนะ]

     


    [อย่าให้ผมถึงกับต้องติดต่อหัวหน้าของคุณที่โซลนะ!]

     


    [ได้โปรดเถอะ มิสเตอร์บู ผมไม่ยอมให้พวกเราเสี่ยงกับเรื่องนี้แน่!]

     


    ชายหนุ่มกลอกตาอย่างหน่ายใจ กว่าสิบข้อความที่เปิดฟังมีแต่น้ำเสียงน่ารำคาญของสารวัตรเลสเตรดเท่านั้น มือหยิบโทรศัพท์ที่หน้าจอดำสนิทขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ พลางหัวเราะหึ ไม่ใส่ใจที่จะเปิดตามคำร้องขอของหัวหน้าคนใหม่แม้แต่นิด

     


    เขาเลื่อนไปที่ข้อความต่อไปทันที คาดหวังว่าจะพบเจออะไรที่แปลกใหม่กว่าข้อความ ‘Finding Boo’ ของอัลเบิร์ต เลสเตรด เพราะหากเป็นตาแก่เรื่องเยอะคนนั้นอีก เขาคงจะดึงสายโทรศัพท์ออกและยอมตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์




    [ซึงกวาน...]




    ชายหนุ่มแทบหยุดหายใจ 



    ดวงตากลมรีบมองบนหน้าจอ ก่อนจะพบว่าหมายเลขที่ปรากฏคือเบอร์โทรศัพท์ของคนที่เขาพยายามติดต่อมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา




    [ฉัน ฮันซลนะ]

     











    End.












    ◍ ◍ talk with me free wifi :


    - ในที่สุด...


    - เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่แต่งไว้นานมาก แต่แต่งไม่จบซักที จนรื้อมาปัดฝุ่นในช่วงชิปวก.


    - ดูเหมือนเป็นแนวรักโรแมนติก เราใส่โทนเรื่องที่เราชอบมากอย่างพวก secret agent ไปด้วย เรื่องนี้เหมือนตอนหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนอื่นๆไม่รู้จะเข็นออกมาได้รึเปล่า 


    - เราชอบคาร์แบล็คแมมบ้ามาก ถ้าจะเอางูที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกจริงๆคือ inland taipan แต่ชื่อแบล็คแมมบ้ามันเท่กว่า ลองเดากันมั้ยว่าเราจับใครเป็นแบล็กแมมบ้า ใน svt ด้วยกันเนี่ยแหละ


    - มีอะไรติชมกันได้ที่ #kurofics ในทวิตภพหรือจะคอมเมนต์ตรงนี้ก็ได้นะคะ น้อมรับฟังเสมอ



    - enjoy reading ♡







    • แก้ไขเพิ่มเติ่ม ครั้งที่ 1 (01.12.19)



    PAGE
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in