จากสายสีแดงซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ดิน เราก็โผล่ขึ้นมาข้างบนเพื่อขึ้นสายสีน้ำตาล รถไฟสายนี้จะดูเล็กกว่าสายสีอื่น หน้าตาดูคล้าย ๆ พวกโมโนเรล ประตูบานจะกว้าง วิ่งช้า ๆ หน่อย และเท่าที่สังเกตเอาเองเหมือนเขาจะฟิกซ์ตู้ว่าสถานีนี้จะเปิดตู้ไหน ไม่ได้เปิดทุกตู้ ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมมันดูน้อย ๆ สั้น ๆ
ทางข้ามไปขึ้นชานชาลาอีกฝั่งจะมองเห็นรางรถไฟ มุมนี้ทำให้เรานึกถึงฉากนึงใน Spider Man เวอร์ชั่นโทบี้เลย 55555
พอมาถึงสถานี Taipei Zoo จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศชานเมือง ตึกไม่ค่อยมี ดูโล่ง ๆ มีแท็กซี่จอดต่อกันเป็นรถไฟ
พอเดินออกจากสถานี เราก็หันไปเห็น Photo Booth ตู้ถ่ายรูปที่มุมิคล้าย ๆ พุริคุระ 55555 และเนื่องจากเรากับอันด้อยความสามารถในการเซลฟี่ทั้งคู่แต่อยากจะมีรูปด้วยกันเลยลากกันเข้าไปในตู้ รูปใบละ 100 NTD ถ้าเป็นเมืองไทยก็คงไม่แลหรอก แต่ในฐานะนักท่องเที่ยว อะไรกูก็เอาไว้ก่อน ตู้นี้ถ่ายได้ 3 ช็อต เลือกได้ว่าจะเอาเลย์เอาท์แบบไหน เราเลยเอาแบบ 2 รูปจะได้เอามาตัดแบ่งกัน
พอเดินลงมาด้านล่างของสถานี ถ้าเลี้ยวขวาจะไปสวนสัตว์ เลี้ยวซ้ายจะไปสถานีกระเช้า เราเลยเลี้ยวซ้าย รางรถไฟจะอยู่ขวามือ
เดินนิดเดียวก็ถึงสถานีแล้ว หน้าตาเหมือนตึก 4 ชั้นทั่ว ๆ ไป
สำหรับคนที่มี Easy Card ไม่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ด้านล่าง เชื่อเรา เราเด๋อมาแล้ว ขึ้นไปชั้นบนได้เลย จำไม่ได้ว่าชั้น 3 หรือ 4 นี่แหละ ขึ้นไปแปะ Easy Card ตรงทางขึ้นกระเช้าได้เลย และต้องสังเกตแถวดี ๆ นะ ป้ายที่แยกแถวระหว่างกระเช้าธรรมดากับกระเช้าคริสตัล(พื้นใส)นั้นแม้จะคนละสีก็จริง แต่ป้ายบอกแถวกระเช้าคริสตัลมันจะอยู่ใกล้กับป้าย Citizen ซึ่งทำให้เราสับสน ไปต่อผิดแถว ต่อแถวกระเช้าธรรมดาและแปะบัตรผิดด้วย 55555 พอเปลี่ยนมาต่อแถวกระเช้าคริสตัล จะแปะบัตรอีกทีเครื่องมันก็ร้อง พนักงานก็งง ๆ ตอนแรกให้เราไปติดต่อ information (ซึ่งกูไปมาแล้วรอบนึง เขาบอกให้มาต่อแถวกระเช้าคริสตัลเลย) สักพักพนักงานก็เหมือนจะระลึกได้ว่า ก็ไม่ต้องแปะบัตรให้ ให้เดินผ่านเข้าไปได้ พนักงานก็บอกอันว่า "call her back" คือให้เรียกเราที่กำลังจะเดินไปหา information อีกรอบ 55555555
นี่ถ่ายมาได้แค่ภาพเดียว เพราะมัวแต่งงกับแถว ความจริงจำง่ายมาก ถ้าจะนั่งกระเช้าพื้นใส (คริสตัล) ให้ต่อแถวยาว ๆ จบ
อิแก๊งที่อยู่บนกระเช้าแลดูคล้ายกับแก๊งพืชสวนโลกมาก
เออ ใสดีนะ
ถ้าจำไม่ผิดกระเช้าคริสตัลจะนั่งได้ไม่เกิน 5 คน ส่วนกระเช้าธรรดาจะ 6-8 คน เรากับอันได้นั่งกับคู่รักชาวอินโด (เดาเอา) ช่วงก่อนจะถึงปลายทางกระเช้าจะมีลักษณะเป็นเคิฟ นางเลยพูดขึ้นมาว่า Banana คือจะบอกว่ามันโค้งเหมือนกล้วยน่ะ เราเลยถามนางว่าหิวเหรอ นางก็หัวเราะแล้วบอกว่าใช่ เออ ตลกดี (อาเซียนร่วมใจหัวเราะให้กับมุกกล้วยของนาง)
มองจากกระเช้าลงมาก็เห็นแบบนี้ หมอกเยอะจัง
พอถึงปลายทางที่ Maokong Station แล้ว เดินออกมาเราก็จะเจอป้ายโฆษณาร้านซอฟต์ครีมอันเบ้อเริ่ม เออ เราขึ้นมาเพื่อกินอันนี้แหละ (เดี๋ยวนะ)
เดินออกมาก็มองซ้ายมองขวา อ้าว เป็น 3 แยก ไปทางไหนก่อนดีล่ะ
ข้อมูลในหัวคือที่นี่มีไร่ชาและร้านซอฟต์ครีม ในเมื่อเรามองเห็นร้านซอฟต์ครีมก่อนงั้นเราก็ไปหาร้านซอฟต์ครีมก่อนก็แล้วกัน ตัดสินใจง่ายเหลือเกิน มันมี 2 ร้านติดกันล่ะ หน้าตาไอติมก็เหมือนกัน เราไม่รู้จะกินร้านไหนดี แต่มองไปร้านที่เล็กกว่านั้นมีตู้ปั๊มเหรียญและมีคนกำลังซื้อ เราเลยไปร้านเล็ก 555555 ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อ Maokong Tea House
ก่อนกินก็จัดการปั๊มเหรียญ มุมานะมาก ๆ
พอปั๊มเหรียญเสร็จก็เจอกลุ่มคนไทย มีป้าคนนึงเดินมาถามเราว่ามันคืออะไร เราก็อธิบาย ป้าก็ถามว่าแล้วมันทำยังไง เราก็อธิบายต่อ แล้วป้าก็หันไปเรียกกลุ่มที่มากับป้าว่ามีใครสนใจจะทำอันนี้ไหม แต่ป้าโดนเมิน สงป้ามาก คงไม่ค่อยมีใครชอบอะไรไร้สาระแบบนี้สินะ (แต่เราชอบนะ)
และในส่วนของซอฟต์ครีมนั้น อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ราคา 80 NTD คือไม่ถึง 100 บาทไทย ถ้าเป็นที่ไทยความอร่อยระดับนี้(หรือน้อยกว่านี้) ก็ 140-150 บาท ละ ล้องห้ายยยยย
ในร้านก็จะมีที่นั่ง มีหลายโต๊ะ เมนูอื่นก็มี พวกชาร้อนอะไรพวกนี้ เห็นหน้าร้านมีชูครีมด้วย แต่ไม่ได้ลอง ภายในร้านก็จะมีชาขาย มีคุกกี้แมวขายด้วย หน้าร้านก็จะมีไข่ต้มอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้ลองเช่นกัน
เมื่อสาแก่ใจกับซอฟต์ครีมแล้ว ก็เลยเดินตรงไปเรื่อย ๆ สำรวจดูว่ามีอะไร ดูเหมือนจะมีร้านอาหารที่มีไว้กินบรรยากาศ
แอบมองลอดช่องก็จะเห็นพี่ 101 แต่เนื่องจากเราใส่เลนส์ฟิกมา ซูมไม่ได้ เลยถ่ายแบบมองไกล ๆ (เท่าระยะสายตา)
เดินมาอีกหน่อยก็เจอมุมกว้าง เมฆเยอะเหลือเกิน ท้องฟ้าไทเปคงจะขี้อาย
แล้วก็เดินมาเจออันนี้ คืออะไรวะ เหมือนแมลงปอ แล้วเอาไว้ทำอะไร มีความสงสัยมาก จะถามใครได้ 555555555
พยายามจะถ่ายรูปตัวเอง
เอาล่ะ เริ่มหิวอีกแล้ว ถึงเวลาต้องหาอาหารกลางวันกินแล้วสินะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in