เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
To all the movies I've watched beforeilysm
Movie Review “Beauty And The Beast"

  • Movie Review

    “Beauty And The Beast

    โฉมงามกับเจ้าชายอสูร”

     





    ตั้งแต่ได้ยินข่าวว่าโฉมงามกับเจ้าชายอสูรจะกลายเป็นภาพยนตร์ แฟนคลับเรื่องนี้อย่างเราก็ตื่นเต้นตัวสั่น แงงงงงงงง ติ่งดิสนีย์คงจะเข้าใจว่าความอยากดูมันทะลักล้นขนาดไหน ดูไปจะหวีดไปในใจขนาดไหน แต่ให้รีวิวก็จะรีวิวอย่างเป็นกลาง(หรอ) เพราะถ้าถามเรา มันก็ไม่ได้ว้าวขนาดนั้น แค่รู้สึก คิดถึง โหยหา ได้กลับบ้าน ตลอดเรื่องจนจบ อย่างแรกเลยคือยึดบทออริจินัลมากกกกกกกกกกกกก มีแค่ดัดแปลงตัวละครให้ร่วมสมัยและเพิ่มฉากเข้ามาอีกเล็กน้อย โฉมงามกับเจ้าชายอสูรเรื่องเดิม เพิ่มเติมคือดูแล้วติ่งเอ็มม่าอย่างเต็มตัว วี้ดดดดด

     

    เรื่องย่อ

    Belle สาวน้อยหนอนหนังสือผู้แตกต่างจากทุกคนในหมู่บ้าน ออกตามหาพ่อที่เดินทางไกลแล้วไม่กลับมาบ้าน จนกระทั่งพบว่าพ่อถูกจับขังในปราสาทแห่งหนึ่ง เธอปล่อยให้พ่อหนีไป แล้วยอมอยู่ในปราสาทกับอสูรอารมณ์ร้าย ใจคับแคบ แทนพ่อของเธอเอง ทว่าเวลาผ่านไป เธอพบว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นเจ้าชายที่ต้องคำสาป และทางเดียวที่จะแก้คำสาปนั้นได้คือ หญิงสาวที่อสูรรักจะต้องรักเขาตอบ

     


    ตัวละคร

    ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Emma Watson ที่พกเสน่ห์มาเต็มล้าน ดูแล้วเรานึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีใครเป็น Belle ได้ดีเท่า Emmaไหม ดูไปดูมาก็เหมือนเป็นคนๆเดียวกัน เหมือน Emma กำลังแสดงเป็นตัวเอง แต่ไม่ใช่ข้อเสีย เพราะ Emma ถ่ายทอดความเป็นผู้หญิงฉลาด กล้าหาญ Independent ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี และที่เรารู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ คือ Emma ร้องเพลงเพราะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเคลิ้ม/ปาดน้ำตา

    จะว่าไปแล้วการแคสติ้งของ Beauty and the beast ก็เป๊ะจริงๆ ตัวเจ้าชายอสูรเอง ก็มีความน่ารักน่าหยิก เห็นแล้วนึกถึงเวอร์ชั่นการ์ตูน คือไม่ได้ดูน่ากลัวน่าเกรงขามอย่างเดียว ดูมีมุมประหม่า ใจดี ซึน ปรับตัวได้ อะไรก็ว่าไป แต่สำหรับเรายังน่ารักน่าเอาใจช่วยได้ไม่เท่าเวอร์ชั่นการ์ตูน เพราะเจ้าชายคีพลุคเจ้าชายมากกกกกกกกกกก จะไม่ค่อยปล่อยมุมเด๋อๆออกมาให้เห็น ฮือ๕๕๕

    ที่น่าสนใจและเป็นประเด็นคือบทบาทของ LGBT ในเรื่องนี้ Lefou เพื่อนสนิทมีท่าทีคล้ายจะรู้สึกดีๆกับ Gaston และยังจบด้วยฉากเต้นรำกับผู้ชาย ซึ่งในเรื่องเน้นทำให้ดูขบขันมากกว่าการใส่เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ เสียดายที่สุดท้ายแล้วกลายเป็นเพียงฉากประกอบหากไม่สังเกตก็แทบไม่เห็นเลย

    อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกว่าเรื่องนี้จงใจเลือกตัวละครมาเสียดสีสังคม จงใจตีแผ่บุคลิกออกมาสุดโต่งจะสังเกตได้ว่า Beauty and the beast เก็บทุกประเด็น ทั้งการพยายามใช้นักแสดงสีผิวที่ตัดกับฟีลลิ่งฝรั่งเศสจ๋าๆในยุคนั้น (ความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดและการปฏิบัติที่ยังมีข้อกังขา) เรื่องของเพศทางเลือก (เพศทางเลือกยังต้องปกปิดเพศสภาพ ดูเป็นตัวตลกและแตกแยก แต่ก็กล้าที่จะตัดสินใจหรือเลือกทางที่ขัดกับสิ่งที่สังคมเห็นว่าดีงามเช่น ฉากที่ Lefou ย้ายไปอยู่ข้างเครื่องเรือนปราสาทแทน) เรื่องของสิทธิสตรีและ Feminism (Belle เป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ยังไม่ได้รับการยอมรับในความสามารถ การตัดสินใจ และโอกาสในการศึกษา นอกจากนี้ยังมีค่านิยมผู้ชายเป็นใหญ่และปกครองผู้หญิง) รวมถึงการเมือง (การแบ่งพรรคพวก ถูกล่อหลอกด้วยวาทศิลป์ ความเสียเปรียบของชนชั้นล่าง การปลุกระดมเพื่อต่อต้านที่ถูกชี้นำโดยผู้ปกครอง) ข้อดีคือ มันให้ภาพที่ชัดเจนกว่าการ์ตูนมาก และเข้ากับบริบทยุคสมัย ข้อเสียคือ ได้แค่แตะๆประเด็นอย่างตื้นเขิน ไปไม่สุดสักทาง แต่เราก็ยังอยากให้มีมากกว่าไม่มีอยู่ดี

    ส่วนถ้วยโถโอชามมีความน่ารักน่าเอ็นดูอย่างรุนแรงงงงงงงงงงงงงงง โดยเฉพาะเจ้าชิป คือเป็นตัวละครโปรดเสมอ ;-; ขนาดเครื่องเรือนยังช่วยสะท้อนความหลากหลายของคนในสังคมเลย เป็นการดู Beauty and the beast ที่เข้ากับปัจจุบันแปลกๆ ไม่ได้ดูเก่าแก่โบราณกาล Tale as old as time สักนิด

     


    พล็อต

    นี่อาจจะเป็นข้อเสียของหนังในสายตาใครหลายคนเพราะว่าตัวบทแทบจะลอกมาจากของเดิมทั้งดุ้น มีเปลี่ยนแปลงแค่เพิ่มปมครอบครัว Belle กับแก้ไขฉากต่างๆนานาให้ smooth ขึ้น (ซึ่งถ้าเป็นเรื่องความตราตรึงใจ การเชื่อมโยงฉาก ยอมรับว่าฉบับการ์ตูนดีกว่า) แต่สำหรับเรา ผู้มาดูหนังโดยหวังให้เหมือนการ์ตูนไม่มีผิดเพี้ยน เฮ้ยยยยยยยยยยยย คือนี่มันใช่มาก ทำออกมาดีมาก และด้วยตัวบทที่ซับซ้อนและการใช้คนแสดง ทุกอย่างมันสมจริง ถ่ายทอดความรู้สึกที่สัมผัสได้จริง น้ำตารื้นเลยอะ เกือบร้องไห้ตั้งหลายฉาก ส่วนคนข้างๆร้องไปแล้วเด้ออออออออออ

    ตัวพล็อตที่คลาสสิคอยู่แล้วคือสิ่งที่ดีที่สุด เราไม่ได้คาดหวังอยากจะเห็นการตีความเรื่องนี้แบบใหม่ การเปลี่ยนแปลงตัวเรื่องจนมีจุดพีคมากมายนับไม่ถ้วน หรือปรับให้สมจริง ความแฟนซีน้อยลง ฯลฯ เราคาดหวังให้ Everything stays the same และหนังเรื่องนี้ก็ให้เราได้ในคุณภาพแน่นๆ โปรดักชั่นเลิศๆ ตัวบทมีที่มาที่ไป เดินเรื่องง่ายเหมือนการ์ตูน แต่ก็รู้จักจังหวะจะโคนของหนัง ไม่อย่างนั้นฉากเต้นรำที่เป็นเดอะเบสตลอดกาลจะไม่อลัง ไม่ยิ่งใหญ่ ไม่ประทับใจเลย

    หากจะติก็คงเป็นพัฒนาการความรักระหว่าง Belle และเจ้าชาย เราเห็นเคมีของคู่นี้แล้ว เขินด้วยแต่คิดว่าเพราะเน้นเรื่องช่วงความรักผลิบานน้อยไปหน่อย พอเป็นคนแสดงจริงแล้วทุกอย่างมันดูปุบปับ รักกันง่าย ไม่เห็นพัฒนาการชัดเจนเท่าแบบการ์ตูน จนมีคนไม่เชื่อว่า Belle รักเจ้าชาย ซึ่งก็ไม่แปลก เราเองยังคิดว่าน่าจะตัดฉากร้องเพลงไม่ค่อยสำคัญออก เพื่อมาเน้นที่ตัว Dialogue และฉากผูกความสัมพันธ์ของคู่พระนางมากกว่า

     


    ฉาก

    ไม่มีคำว่าผิดหวัง มัน! สวย! มาก! ทุกๆฉาก, Visual effects, แสงสี, มุมกล้อง ถูกจัดวางได้หรูหราอลังการ เลือกการพรีเซ้นถูกสมเป็นดิสนีย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภาพรวมจะออกมาตระการตาขนาดไหน แต่เราบอกตามตรงว่ารำคาญฉากร้องเพลง ฉากที่สำคัญๆก็ยังพอทำเนา แต่ฉากร้องเพลงของ Guston หรือเพลง Be our guest ยาวไปไหมอะ ง่วงเลย มันไม่ได้มีนัยสำคัญกับเรื่องขนาดนั้น ทำให้หนังเยิ่นเย้อโดยใช่เหตุ และเสียจังหวะเอาไปเพิ่มนู่นเพิ่มนี่ได้อีกมากมาย By the way เพลงเพราะดี ยอมๆความ musical เขาไป

    เห็นมีคนเอาประเด็นหนังเพลงไปเทียบกับ La la land ซึ่งเราคิดว่าคนละเรื่องเลย มันเทียบกันไม่ได้ แค่จุดเน้นก็ต่างกันมากแล้ว เพลงที่เสริมในเรื่องนี้เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ดิสนีย์ดีกว่า ไม่ใช่เพลงเพื่อการดำเนินเรื่องอะไรขนาดนั้น ถ้าฟังเพลินๆ ไม่คิดอะไรมาก เราว่าก็มองข้ามความยาวยืดของหนังได้นะ ส่วนตัวชอบเพลง Belle, Something there, Beauty and the beast มากๆ ถึงขั้นน้ำตาปริ่มเพราะมันมีนัยสำคัญไง ถ้าขาดไปเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องนี้

     


    ภาพรวม

    ชอบเลยแหละ เพราะว่ารอคอยมานานแล้วก็ไม่ได้ผิดหวัง ถ้าเอาจุดที่ไม่โอเคจริงๆคือเพลงเยอะไป เมา เราไม่ใช่สายฟังเพลงดูหนังเพลงอยู่แล้วด้วย แต่พอให้อภัยได้เพราะเป็นหนังดิสนีย์ บทยึดต้นฉบับมาก ประทับใจ อย่าพลิกแพลงแหละดีแล้ว เดี๋ยวทำออกมาล่ม พูดตรงๆ เพราะในเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ไม่ได้มีประเด็นให้ขยี้มากขนาดนั้น ส่วนแก่นแท้เรื่องความรักเกิดจากภายใน เราว่าเรื่องนี้ก็รักษามาตรฐานในการทำให้เรารู้สึกถึงความรักของทั้งคู่โดยมองข้ามเปลือกไป (บ้าง) สุดท้ายนี้ เอ็มม่าได้ใจเราไปตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอเข้าฉาก ไม่ใช่ความสวยอย่างเดียว ความเป็น Belle ความเป็น Emma ที่อบอวลในเรื่องนี้นี่แหละที่ดึงสายตาเราไว้ บอกได้ว่าอิ่มเอมมากกกกกกกกกกกกก ใครที่ชอบโฉมงามกับเจ้าชายอสูรแบบคลาสสิคมาก่อนแล้ว คิดว่าไม่ผิดหวัง

    8.5/10คะแนน อยู่ในเกณฑ์ดีต่อใจ ให้ดูรอบสองก็ได้ อะไรแบบนี้

    - ilysm.









     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in