“ถึงแล้ว ที่นี่คือหมู่บ้านของฉัน” คายาพาผมเดินมาถึงที่หมู่บ้าน
หมู่บ้านของเธอมีรั้วล้อมรอบทั้งหมดหมู่บ้าน และมีทหารยามคอยเดินลาดตระเวนอยู่ทั่วทั้งหมู่บ้าน สถานการณ์ในหมู่บ้านดูตึงเครียด ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรืออาจจะเป็นเพราะเป็นเวลากลางคืนที่หมู่บ้านถึงมีบรรยากาศแบบนี้ ประกอบกับหมอกหนาที่ปกคลุมทั้วทั้งเกาะจึงทำให้มีบรรยากาศหนักอึ้งแบบนี้ ในหมู่บ้านมีกระท่อมหลังเล็กๆ หลายหลังกระจายตัวไปตามเนินเขา ตัวกระท่อมสร้างจากดินเหนียวและหลังคาที่ทำจากใบจาก ผมไม่มั่นใจว่ามันแข็งแรงแค่ไหน แต่มองจากนิสัยของคายาแล้ว ผมว่ามันคงแข็งแรงน่าดู ถึงแม้บรรยากาศจะดูอึมครึมแต่คนในหมู่บ้านก็ยังดูคึกครื้นดี ร้อง เล่นร เต้น รำ และกินอาหารร่วมกันพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“มาทางนี้เร็ว ฉันจะแนะนำให้รู้จักกับคนคนหนึ่ง” คายาเรียกผมที่กำลังมองดูรอบๆ หมู่บ้าน
ผมเดินตามคายาไปจนเจอกับกระท่อมหลังใหญ่หลังหนึ่งที่อยู่ไกลจากกระท่อมหลังอื่น ๆ ประดับตกแต่งด้วยขนนกกับผ้าคลุมสีม่วงให้ความรู้สึกลึกลับเหมือนพวกหมอผีอะไรอย่างนั้น คายาเดินไปกระซิบอะไรบางอย่างอยู่หน้าประตู ไม่นานนักก็มีหญิงชราคนหนึ่งเดินถือไม้เท้าออกมา เธอใส่ชุดกระโปรงสีม่วงที่มีผ้าสีม่วงเข้มคาดเอวคล้ายเข็มขัด พร้อมกับผ้าคลุมไหล่สีน้ำตาล
“คุณย่า นี่เจค เขาช่วยหนูไว้ในป่า” คายาบอกหญิงชราคนนั้นและหันมาทางผม
“เจค นี่คุณย่าอัคนาเป็นคนที่สอนให้ฉันพูดภาษาของนายไงล่ะ” คายาบอกผม
“สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายพร้อมกับยืนมือออกไปข้างหน้าเตรียมจะจับมือ แต่ย่าอัคนาไม่ได้ยื่นมืออกมาจับมือผม เธอเพียงแต่กล่าวขอบคุณผมเท่านั้น “อืมม ขอบใจที่ช่วยคายาเอาไว้นะ”
“ฉันไม่เห็นคนจากภายนอกมาที่เกาะแห่งนี้นานแสนนาน” ย่าอัคนาพูดขึ้นขณะมองมาที่ผมโดนไม่ละสายตาไปไหน ก่อนจะหยุดไปเพียงชั่วครู่แต่เหมือนนานแสนนานสำหรับผมก่อนที่จะพูดต่อ
“แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่ล่ะหนุ่มน้อย” ย่าอัคนาถามผมโดยังไม่ละสายตาไปไหน
ผมเล่าเรื่องที่กำลังตามหาเกาะลึกลับแห่งหนึ่งให้เธอฟัง รวมถึงเรื่องที่สมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ในเกาะแห่งนี้ และเป้าหมายของผมที่อยากให้แม่มีความสุข แต่ในขณะที่พูดถึงเกาะลึกลับ คายาดูจะมีปฏิกิริยาบางอย่างเหมือนเธอจะรู้อะไรเกี่ยวกับเกาะลึกลับแห่งนั้น แต่ผมไม่กล้าถามเธอตอนนี้เพราะย่าอัคนายังคงมองมาที่ผมตั้งแต่ต้นจนจบ
“เกาะลึกลับที่คนภายนอกจะมองไม่เห็นงั้นเหรอ คุณย่าคะ..” คายาพึมพำออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะได้ยินกันทั้งหมด
“หลานเข้าใจถูกแล้วล่ะ หนุ่มน้อยเกาะที่เธอกำลังตามหาอยู่ก็คือที่นี่” ย่าอัคนาตอบคายาและหันมาทางผม
ช่างน่าตกใจจริงๆ ที่คลื่นซัดผมมาเกยตื้นอยู่บนเกาะที่กำลังตามหาแล้วยังเป้นเกาะที่ไม่ปรากฏบนแผนที่อีก อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ผมอยากถามเรื่อสมบัติต่อแต่ย่าอัคนาขัดขึ้นมาก่อน
“แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่ที่นี่ไม่มีสมบัติอะไรที่เธอตามหาอยู่หรอก” ย่าอัคนาหันมาพูดกับผม
“คุณย่า หรือสมบัติที่ว่านั้นจะเป็นหัวใจของเทพมาฮูต้า” คายาถามย่าอัคนา
“หัวใจของเทพมาฮาต้างั้นเหรอ” ผมถามด้วยความสงสัยสุดขีด
“ใช่ หัวใจของเทพมาฮูต้าเป็นอัญมณีที่เทพมาฮูต้าได้มอบให้บรรพบุรุษของเผ่าเรา” คายาช่วยคลายความสงสัยของผม
”คุณย่าช่วยเล่าให้เจคฟังหน่อยได้มั้ยคะ” คายาขอร้องคุณย่า
ย่าอัคย่าเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องเล่าเก่าแก่ของหมู่บ้านให้ผมกับคายาฟัง
‘มันเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่ของชนเผ่าเรา ว่าเทพมาฮูต้าได้สร้างเกาะแห่งนี้ขึ้นมา และปั้นมนุษย์ชายหญิงคู่แรก ชื่อ ทันกาตาและวาฮินิ และมอบอัญมณีสีน้ำเงินเข้มดูจดั่งมหาสมุทรให้กับทั้งสอง เมื่อเวลาผ่านไป ลูกของทันกาตาและวาฮินิได้ลืมตาดูโลก มานานา น้องคนสุดท้องที่เต็มไปด้วยความโลภอยากขึ้นเป็นผู้นำของเกาะแห่งนี้ จึงกำจัดพ่อแม่และพี่ๆของตนทิ้ง ทันทีที่เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นสัมผัสถูกอัญมณี ย้อมอัญมณีสีน้ำเงินแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานดูจโลหิต ทันใดนั้นหมอกและความมืดมิดเข้ามาปกคลุมทั่วทั้งเกาะ เหมือนเป็นการลงทัณฑ์จากเทพเจ้า และอัญมณีก็ได้สูญหายไปนับตั้งแต่นั้นมา’
“แล้วมานานาหละ หลังจากนั้นหมอนั่นหายไปไหน” ผมถามหลังจากย่าอัคนาเล่าเรื่องจบ
“ว่ากันว่าเขาหายไปพร้อมกับหัวใจของเทพนั่นแหละ ไม่มีใครเคยเห็นเขาอีกเลย” คายาตอบผม
น่าสนใจจริงๆ ทั้งเทพมาฮูต้า แล้วก็ยังอัญมณีที่เปลี่ยนสีได้อีก ถ้าผมหามันเจอคงทำเงินได้มหาศาล ไหนจะยังชื่อเสียงที่ค้นพบเกาะลึกลับนี่อีก ผมจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยและมีชื่อเสียงที่สุดในเมือง แม่ก้จะไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป
“อย่าเสียเวลาเลยหนุ่มน้อย มีคนเคยพยายามออกตามหามันมานานแสนนาน แต่ก็ไม่เคยมีใครพบ” ผมคงจะเผลอแสดงสีหน้าตื่นเต้นมากจนเกินไปทำให้ย่าอัคนาคาดเดาความคิดของผมออกแล้วพูดแบบนั้นออกมา
“บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อไล่ตามมัน จนหลงลืมที่จะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ฉันไม่แนะนำให้เธอทำแบบนั้นหรอกนะ” ย่าอัคนายังคงเตือนผมต่อไป เธอหันไปคุยอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนนักรบ เธอคนนั้นผูกผมด้วยเชือกเป็นหางม้าและมัดมันเป็นข้อๆ พร้อมกับถือหอกเอาไว้ในมือ เมื่อคุยกันเสร็จย่าอัคน่าก็หันมาทางผมอีกครั้ง
“ฉันจะให้ไอเนียเตรียมเรือไว้ให้เธอเดินทางกลับไปยังที่ที่เธอจากมา ระหว่างนั้นเธอก็อยู่ที่นี่ไปก่อน ดูแลแขกของเราด้วยล่ะ” ย่าอัคยาบอกกับผมก่อนจะกันไปพูดประโยคสุดท้ายกับคายาและเดินจากไปพร้อมกับไอเนีย
“นายคิดว่าไง อัญมณีเม็ดนั้นคิดว่ามันมีจริงรึเปล่า” คายาถามลองเชิงผม
“มีควันก็ย่อมมีไฟ” ผมตอบกลับไป แต่เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของคายา ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคงไม่เข้าใจพวกสำนวนของแผ่นดินใหญ่เป็นแน่ ผมจึงอธิบายต่อ “หมายถึงมีเรื่องก็ต้องมีต้นเหตุ ถ้ามีตำนานแสดงว่าต้องมีเค้ามาจากเรื่องจริงบ้างแหละน่า” ผมบอกเธอไปแบบนั้น
“แสดงว่านายจะไปตามหาหัวใจของเทพงั้นสินะ”
“แน่นอน เรื่องน่าตื่นเต้นขนาดนี้ฉันจะพลาดได้ไงกัน” ผมตอบคายาด้วยรอยยิ้มกว้าง “ยังไงก็ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ”
“เดี๋ยวก่อน ฉันจะไปด้วย” คายาบอกกับผม ซึ่งน่าตกใจอยู่เหมือนกันแต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปจนคายาเริ่มพูดต่อ
“ที่จริงมัน… นายก็เห็นใช่ไหมล่ะว่าเกาะแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ว่ากันว่าหากหาหัวใจของเทพมาฮูต้าเจอก็จะสามารถแก้คำสาปนี้ได้” คายาบอกเป้าหมายของเธอให้ผมรับรู้
“แล้วก็นะ อัญมณีเม็ดนั้นเป็นสมบัติของเกาะฉันจะให้นายเอาไปได้ยังไงกัน” คายาโวยวายเล็กน้อย
“เฮ้ ฉันไม่พูดสักหน่อยว่าจะเอามันไปน่ะ แค่ แค่ แค่อยากจะเห็นมันเฉยๆ เอง แค่หามันเจอก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว” ผมตอบคายาด้วยความร้อนรน
สุดท้ายผมก็ตกลงกับคายาว่าคืนพรุ่งนี้เราจะออกไปตามหาอัญมณีเม็ดนั้นกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in