วิชาสารคดี (non-fiction) ครูกิ๊บ ปีสอง เทอมหนึ่ง
โจทย์: งานสารคดีที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของเรา :-)
หยิบทะเลใส่กระเป๋ากลับบ้าน
ผ้าเช็ดผมผืนเล็กยังพาดอยู่บนไหล่ฉัน เช่นเดียวกับเนื้อตัวที่ยังเย็นเพราะอาบน้ำใหม่หลังขึ้นจากทะเลมาหมาด ๆ
ฉันเดินทอดน่องกลับไปยังสถานีรถไฟตามหลังครอบครัวไป ยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับทะเล คลื่น และทรายในวันนี้อยู่ พอเดินพ้นทรายนุ่ม ๆ มาถึงฟุตบาท ก็อดไม่ได้จะหันกลับไปมองทะเลซึ่งยังส่งเสียงซู่ซ่าไล่หลังตามมาเหมือนพวกมันกำลังกล่าวคำอำลา
เราเดินผ่านโครงกระดูกปลาวาฬ ฉันโบกมืออำลามันและหวังว่าพวกเราจะมาพบกันใหม่
รถไฟจอดรอผู้โดยสารได้สักพักแล้ว ฉันและพี่น้องทยอยขึ้นไปอย่างเชื่องช้าไม่กระตือรือร้นเหมือนเมื่อตอนเช้าตรู่ เราต่างต้องการอยู่ที่นี่ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แม่และญาติ ๆ ขนสัมภาระมาวางแล้วไปนั่งประจำที่ ฉันกอดห่วงยางในอ้อมแขน เอียงคอมองท้องทะเลซึ่งโผล่มาให้เห็นอยู่ร่ำไรแต่ไกลเกินเอื้อม เสียงหวูดรถไฟดังสนั่นเป็นสัญญาณว่ารถไฟกำลังจะออกเดินทาง ตัวฉันในตอนนั้นรู้สึกเหมือนว่ายังคงได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งอยู่จนวินาทีสุดท้าย
รถไฟเคลื่อนตัวออก พวกเราสี่พี่น้องโบกมืออำลาท้องทะเลและหวังว่าจะได้กลับมาพบมันใหม่
ฉันเท้าแขนกับกรอบหน้าต่าง คราวนี้ทัศนียภาพเดิมดูจะต่างออกไปเหมือนพระอาทิตย์ค่อย ๆ ไต่ระดับลงลับขอบฟ้า ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มถูกแซมไปด้วยสีส้มและแดง เบื้องหน้าเป็นทุ่งนาเขียวที่ทอดตัวยาวไกลสุดลูกหูลูกตา โลกในกรอบหน้าต่างค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามหนทางที่เข้าใกล้กรุงเทพเข้าทุกขณะ
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว
แต่กลิ่นอายทะเลยังคงลอยล่องอยู่ในความทรงจำของฉัน เช่นเดียวกับหวูดรถไฟเสียงคลื่นที่ยังคงเปล่งเสียงดังก้องอยู่ในความรู้สึก
บางทีต่อให้เวลาผ่านไปมากกว่า 11 ปี ลมที่พัดผ่านตอนฉันวิ่งตัก ๆ ไปในขบวนรถไฟพร้อมห่วงยางที่เอวจะยังคงพัดอยู่เช่นนั้น อาหารในห่อกระดาษก็จะยังคงส่งกลิ่นหอมให้ฉันเข้าไปลิ้มลองสักคำ และพระอาทิตย์ในโลกที่ได้เห็นผ่านกรอบหน้าต่างทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะยังคงค้างเติ่งอยู่ที่เส้นขอบฟ้า ระบายให้ท้องฟ้าสีน้ำเงินแต่งแต้มด้วยสีแดงส้มอยู่เช่นนั้นตลอดไป
ทะเลที่หัวหินในวันนั้นไม่อาจยัดลงใส่กระเป๋าแล้วพามันเดินทางกลับบ้านกับฉันได้
แต่ขบวนรถไฟ เม็ดทราย และน้ำทะเลล้วนถูกฉันเก็บกลับมาในรูปแบบความทรงจำ ซึ่งย้ายมาประทับอยู่ในใจแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตาม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in