พม่า... ประเทศที่ไม่เคยอยู่ในลิสท์ประเทศที่อยากไปให้ได้สักครั้งในชีวิต ไม่เคยอ่านรีวิว ไม่เคยสนใจ สิ่งที่นึกถึงเวลาได้ยินคำว่าพม่ามีอยู่ไม่กี่อย่าง ซึ่งก็คือวัดและอองซานซูจี แต่กลางดึกวันหนึ่งตอนกลางๆปีที่แล้ว เพื่อนโทรมาบอกว่า "มึงไปมพ่ากัน ตั๋วถูก" แล้วยังไง ในหัวไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดอะไรจริงๆจนตอบไปแบบไม่คิด "เออไป"
พอเราตอบตกลงไปแบบไม่ได้คิดอะไรเพื่อนก็กดจองตั๋วใส่ข้อมงข้อมูลกดจ่ายเงินเรียบร้อย (มันถามชื่อนามสกุลวันเกิดก็เป็นคนบอกไปเองนี่แหละ) รู้ตัวอีกทีก็ตอนจ่ายตัง ตั้งสติอีกนิดก็ถามตัวว่า มึงจะไปทำอะไรที่พม่าวะ จะเดินทางลำบากมั้ย จะพาตัวเองไปลำบากทำไม แต่พอคิดไปคิดมาก่อนจะไปเวียดนามก็เคยมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน จริงๆไม่ได้อะไรหรอก เพียงแต่ภาพจำที่เราเห็นประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ก็คือประเทศกำลังพัฒนาเหมือนบ้านเรา มันไม่ได้เจริญทุกพื้นที่ การเดินทางไปต่างเมืองไม่ได้สะดวกสบาย อย่างในประเทศไทยเองจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดไปด้วยขนส่งมวลชนก็ยอมรับเถอะว่ามันไม่ได้สะดวกสบายขนาดนั้น สถานที่สวยๆก็ออกจะลำบากด้วยซ้ำ เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯก็ว่ารถไฟฟ้าน้อยอยู่แล้ว แต่โฮจิมินห์ไม่มีรถไฟฟ้าด้วยซ้ำ แต่พอเราไปเจอไปเห็นด้วยตัวเองก็พบว่าเออมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นว่ะ อย่างในเมืองก็เดินเที่ยวได้ แถมการเดินเนี่ยบางทีก็พาเราไปเห็นอะไรที่มันแปลกตาสำหรับเราด้วยซ้ำ
กลับไปที่คำถามว่าจะพาตัวเองไปลำบากทำไม เอาเข้าจริงทุกครั้งที่ออกเดินทางนั้นก็รู้อยู่แล้วแหละว่ามันต้องเหนื่อย อย่างไปเกาหลีเดินทางสะดวกรถไฟฟ้ามีไม่รู้กี่สายไปได้ทั่วเมืองเราก็ยังรู้สึกเหนื่อย แต่เพราะมันไม่ได้มีแค่ความเหนื่อย แต่มันยังมีความสุข สุขที่ได้เที่ยวเล่น หยุดคิดเรื่องเรียนไว้สักพัก ความสนุก สนุกที่ได้เที่ยวกับเพื่อน เฮฮาเม้ามอยกินของอร่อยๆ (ไปกับเพื่อนมันดีตรงนี้แหละ ได้หารค่าอาหารกัน ฮาาาา แถมเพื่อนอิ่มเร็วและเราเป็นพวกกินจุก็ดีสองต่อ ฮาาาาา) ความบ้าบอ ที่พากันหลงทางแต่ไม่มีใครโทษใครเพราะถ้ามึงรู้มึงก็บอกกูแต่แรกแล้ว (ที่ผ่านมาไม่มีทริปไหนไม่หลงจริงๆ) คำถามที่ถามว่าพาตัวเองไปลำบากทำไมก็ตอบได้เลยว่าเพราะเราจะไม่ได้ลำบากโดยลำพัง และในความลำบากก็ยังมีความสุข สนุก และบ้าบอ
จึงกลายมาเป็นทริปอะวีคอินเมียนมาร์ กำหนดออกเดินทางตอนนั้นก็เลือกจากเวลาสอบเสร็จนั่นแหละ สอบเสร็จก็ไปเที่ยวปลดปล่อยกัน ครั้นจะไปทั้งทีไปไม่กี่วันก็ดูจะไม่คุ้มค่าตั๋วเครื่องบินสักเท่าไหร่ บวกกับที่ผ่านๆปล่อยให้อีคนชวนกำหนดวันเดินทางไปกลับเองนี่อยากจะเตะมันสักที แต่เอาจริงๆสัปดาห์เดียวสำหรับเราก็สั้นอยู่ดี แต่ให้เต็มแม็กซ์เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากไปกว่าเรื่องเงินนั่นแหละ
พอเริ่มแน่วแน่ว่าทริปนี้จะไม่ล่มแน่ๆ (เสียดายค่าตั๋ว) เราก็เริ่มหาตัวช่วยนั่นก็คือไกด์บุ๊กดีๆสักเล่ม และไกด์บุ๊กนั่นเองที่ตอกย้ำให้เราลืมภาพจำเดิมๆของพม่าไป อย่างตามเมืองท่องเที่ยวอย่างย่างกุ้งและ
มัณฑะเลย์เนี่ยก็มีความเป็นเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น มีต่างชาติมาเปิดคาเฟ่เยอะแยะ พอประเทศเริ่มเปิดนักท่องเที่ยวเริ่มเยอะ เมืองก็คงถูกปรับเปลี่ยนไปให้ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น (รวมถึงข้าวของจะแพงขึ้นด้วยป่ะวะ) หรือจริงๆแล้วอีกแง่ก็คือมันดีมาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ แต่เพราะมันไม่ได้อยู่ในความสนใจของเรา เราเลยไม่รู้ และก็เพิ่งรู้ด้วยว่าไม่มีเงิน KYAT ให้แลกไปจากไทย เราต้องแลกเงินดอลลาร์ไปแลกที่นู่น และเงินดอลลาร์ที่จะแลกได้ก็ต้องเป็นแบงค์นิวดอลล่าร์ และต้องเป็นแบงค์ที่ไม่มีรอยยับหรือรอยพับ! และอีกสารพัดสารเพข้อแนะนำของการไปพม่า ยิ่งอ่านก็ยิ่งเห็นความสนุก
เอาล่ะ อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะออกเดินทางแล้ว ไว้เจอกันนะพม่า!
ปล.จองตั๋วมาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้บอกพ่อแม่เลย ไว้ก่อนเดินทางสักสัปดาห์จะบอกนะฮะ ฮ่าๆๆ
2017.03.28
คาเฟ่ไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น
เมืองไม่ได้แย่แบบที่คิดไว้(ก่อนจะเจอไกด์บุ๊ก)
และไม่ได้ดีไปซะทุกที่(อย่างที่เห็นในไกด์บุ๊กเช่นกัน ฮ่าาา)
หนึ่งสัปดาห์อาจเร็วไปสำหรับญี่ปุ่นแต่นานขึ้นสำหรับพม่า
แต่ถามว่าสนุกมั้ย มันก็สนุกนะ
2017.06.26
เริ่มต้นที่เมืองหลวงเก่าอย่างย่างกุ้ง
ต่อด้วยการล่องเรือดูวิถีชีวิตที่ทะเลสาปอินเล
ไปเห็นทะเลเจดีย์ของจริงที่พุกาม
ส่งท้ายที่มัณฑะเลย์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in