เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
and I’ll wipe my shirtsleeves under your eyesTippuri~ii*
chapter 3+4
  • chapter 3+4

     

     

     

     

     

     

     

    คำพูดที่มินโฮได้ฟังทางโทรศัพท์ทำให้ระบบความคิดของชายหนุ่มนิ่งงัน…หัวใจโบยบินไปถึงใครอีกคนทันทีอย่างห่วงหากังวล

     

     

     

     

    //

     

     

     

     

    โลกทั้งใบของนิวท์แตกสลายลงเป็นความเงียบงันเมื่อประโยคนี้ดังผ่านมาตามสายโทรศัพท์

     

     

     

     

     

    “นิวท์…ฉันพูดไปแล้วล่ะ ฉันขอโทพาซแต่งงานแล้ว”

     

     

     

     

    //

     

     

     

    มินโฮจำไม่ได้ว่าตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร

     

     

     

     

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนภาพเบลอ ทุกวินาทีดูจะเดินช้าลง ทุกเหตุการณ์เหมือนกับการร่วงหล่นอันเชื่องช้า

     

     

     

     

     

    ลมหายใจที่ค่อยๆ คืนสู่จังหวะปกตินำพาให้ความคิดของชายหนุ่มเริ่มคงที่…ทุกอย่างค่อยๆ เล่นซ้ำใหม่ในหัว มินโฮนึกออกถึงเสียงของอัลบี บทสนทนาแสดงความยินดีที่ตัวเขาพูดออกไปอย่างอัตโนมัติ…หากในความคิดนั้นมีแค่ชื่อชื่อเดียว บุคคลที่ชายหนุ่มรู้ว่าจะได้ฟังข่าวเป็นคนต่อไปเมื่ออัลบีวางสายจากตน

     

     

     

     

     

    คนที่มินโฮทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าห้องเจ้าตัวได้…แม้ว่าจะสายเกินไปแล้วก็ตาม

     

     

     

     

     

    อพาร์ตเมนต์อันเป็นสัดส่วนนี้มืดสลัวทุกห้อง แสงไฟมากมายจากด้านนอกผสมผสานรวมกับท้องฟ้ายามย่ำค่ำสีน้ำเงินเข้มแล้วทอดตัวลอดม่านเข้ามา ความเรื่อเรืองที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าสีขาวสะอาดเหมือนผืนหมอก

     

     

     

     

     

    มินโฮปิดประตูห้องตามหลังเบาๆ แล้ววางกุญแจสำรองที่นิวท์ให้เขาไว้ตรงโต๊ะเล็กข้างโซฟา ก่อนจะค่อยๆ เดินต่อไปยังส่วนของห้องนอน…แล้วก็จริงอย่างที่คาดไว้ ชายหนุ่มผมทองนอนขดตัวอยู่บนเตียงนอน โทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กสีดำสนิทยิ่งดูเด่นชัดยามที่โดนวางบนผ้าปูที่นอนสีสะอาดแบบนี้

     

     

     

     

     

    และนั่นก็บอกชัดเจน อัลบีโทรมาหานิวท์แล้ว

     

     

     

     

     

    ร่างบางนั่นลุกขึ้นมานั่งเมื่อได้ยินเสียงเคาะเบาๆ ตรงกรอบประตูที่เปิดอ้าค้างไว้…มินโฮสบสายตากับอีกฝ่าย หัวใจบีบรัดเมื่อเห็นว่าดวงตาโตสีเข้มนั้นว่างเปล่าและทอแววร้าวสลายเพียงใด

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มขยับเข้าไป นั่งลงข้างๆ อีกฝ่ายอย่างเงียบงัน นิวท์มองมือของเขาที่วางบนพื้นเตียงชั่วครู่…ปลายนิ้วเอื้อมมาแตะลงบนแขนเสื้อที่โดนพับถึงข้อศอก สัมผัสที่แผ่วเบา ไล้เรื่อยราวเจ้าตัวกำลังคิดถึงความทรงจำมากมายอยู่

     

     

     

     

     

    “ฉัน…” เสียงแหบโหยนั่นทำลายความเงียบลงในที่สุด “ฉันควรจะดีใจใช่ไหม…ฉันควรจะดีใจกับอัลบี…”

     

     

     

     

     

    ประโยคอันแผ่วค่อยนี้ทำให้อะไรบางอย่างในใจมินโฮขาดสะบั้นลง แล้วในวินาทีถัดมา…สองแขนของเขาก็เอื้อมออกไป โอบรั้งให้ร่างของคนตรงหน้าเข้ามาชิด…รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รินรดลงบนผิวของตน ลมหายใจที่ติดขัดในทีแรก…ก่อนจะเริ่มสั่นระริกราวกับจุดสิ้นสุดของความอดทนได้มาถึงพร้อมๆ กับอ้อมกอดนี้

     

     

     

     

     

    มินโฮส่ายหน้า สัมผัสที่เขารู้ว่านิวท์จะรับรู้ได้ กระซิบเสียงเบา…ด้วยน้ำหนักของความปวดร้าวในใจเขาก็ไม่น้อยไปกว่ากันเลย

     

     

     

     

     

    “ไม่เป็นไร…” มันเป็นการปลอบประโลมที่เห็นแก่ตัว มินโฮจึงรู้ดีว่ามีแค่ตนคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะเอ่ยกับนิวท์ได้ “นายไม่ต้องดีใจกับเขาก็ได้…ฉันไม่ว่าอะไรนายอยู่แล้ว…”

     

     

     

     

     

    ราวกับรอที่จะได้ฟังคำยืนยันนี้มาตลอด…หยดน้ำตาค่อยๆ พร่างพรูลงบนเสื้อของเขาในที่สุด มินโฮทำได้เพียงกอดร่างที่สั่นระริกของนิวท์เอาไว้…มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้โอบอีกฝ่ายเข้ามาชิดขนาดนี้ ระยะห่างอันน้อยนิดที่ชวนให้มินโฮอยากหัวเราะขื่นๆ นักเมื่อคิดถึงหัวใจที่ไกลแสนไกลกันของตนกับเพื่อนสนิท

     

     

     

     

     

    ในอ้อมกอดนี้…ระหว่างเขากับนิวท์คือท้องทะเลอันกว้างใหญ่ของหยดน้ำตาและความรักที่อีกฝ่ายไม่ได้มีให้เขา…

     

     

     

     

     

    และมินโฮก็ได้ตระหนักในนาทีนั้นว่าตนมีชีวิตอยู่เหมือนคนจมน้ำมานานแสนนานแล้วเหลือเกิน

     

     

     

     

     

     

    //

     

     

     

    ยามเช้าที่มาเยือนนั้นเชื่องช้าและขาวสะอาด

     

     

     

     

     

    นิวท์จำไม่ได้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน คำถามที่เขาคิดว่ามินโฮเองก็คงไม่รู้คำตอบ…เพราะตอนนี้พวกเขาต่างก็นอนฟุบกันอยู่ตรงกลางเตียง หมอนหนุนไร้ร่องรอยการสัมผัสใดโดยสิ้นเชิง สิ่งที่บอกให้รู้ว่าทั้งคู่คงค่อยๆ ผล็อยหลับไปเองเมื่อเวลาของเมื่อคืนก่อนล่วงเลย

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มผมทองยังคงไม่ลุกขึ้น…เขายังคงนอนตะแคงอยู่แบบนั้น ค่อยๆ จ้องมองรายละเอียดของวงหน้าเพื่อนสนิทที่หลับอยู่ข้างๆ อย่างอ้อยอิ่ง…ความอิดโรยระบายจางๆ อยู่ชัดเจนแม้ว่าเจ้าตัวจะกำลังหลับสนิท ท่อนแขนที่โอบนิวท์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนคงทำให้มินโฮไม่สบายตัวน่าดู…แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ละจากไป คนตัวใหญ่ยังคงกอดเขาไว้จนถึงตอนนี้ กักนิวท์ไว้ในความอบอุ่นของผิวเนื้อและลมหายใจ

     

     

     

     

     

    คนที่ตื่นแล้วแตะปลายนิ้วลงบนเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่าย สัมผัสชื้นๆ ของรอยน้ำตาของเขาแห้งสนิทไปแล้ว

     

     

     

     

     

    นิวท์ขยับศีรษะเล็กน้อยบนฟูก หลุบตามองแขนเสื้อที่ถูกพับไว้แต่ก็เริ่มคลายตัวลงมาแล้วของอีกฝ่าย ก่อนจะตระหนักขึ้นมาได้

     

     

     

     

     

    นี่เป็นครั้งแรกที่มินโฮไม่ได้ซับน้ำตาของเขาด้วยแขนเสื้อของเจ้าตัว

     

     

     

     

     

    และอีกข้อหนึ่ง

     

     

     

     

     

    กี่ครั้งกันแล้ว…ที่น้ำตาของเขาถูกซับให้แห้งไปด้วยมือของคนตรงหน้า?

     

     

     

     

     

    และนั่นก็ทำให้ใจของนิวท์เต็มตื้นขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้…มันเป็นส่วนผสมของรสชาติอ่อนหวานและใความรู้สึกโหยหาที่ทำให้อยากร้องไห้ มันไม่เหมือนความรู้สึกแบบที่เขามีให้อัลบี…สิ่งที่นิวท์มีให้มินโฮคือความยินดีในการมีอีกฝ่ายอยู่ในชีวิต ความรู้สึกที่เขารู้ดีว่าพิเศษเหนือการชี้ชัดถึงขอบเขตตำแหน่งใดๆ ทั้งปวง

     

     

     

     

     

    เขาบอกได้ว่าตัวเองรักอัลบีในฐานะอะไร แต่เขาบอกไม่ได้ว่าตัวเองรักมินโฮในฐานะอะไรหากก็ยังคงจะรักต่อไปอยู่ดี

     

     

     

     

     

    เพราะมินโฮเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อนสนิท…คือคนคนเดียวที่นิวท์รู้ตัวดีว่าเสียไปไม่ได้

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไป ไล้ปลายนิ้วตามกรอบหน้าของคนข้างตัว สัมผัสที่คิดว่าเบาหวิว…หากอีกฝ่ายกลับขยับนิดๆ เข้าหามันทั้งๆ ที่ยังหลับสนิท

     

     

     

     

     

    มันเป็นกิริยาง่ายดายหากกลับทำให้ใจปวดร้าวอย่างนุ่มนวลที่สุด และในวินาทีถัดมา…นิวท์ก็พบว่าตัวเองเผลอขยับเข้าไปใกล้เสียจนมีเพียงหนึ่งลมหายใจเท่านั้นที่กั้นกลางระหว่างเขาและเพื่อนสนิท

     

     

     

     

     

    สัญชาตญาณคงเป็นสิ่งที่ทำให้มินโฮลืมตา…และทันทีที่ชายหนุ่มผมดำรับรู้ถึงความใกล้ชิดของพวกเขา ท่อนแขนแข็งแรงนั่นก็ผละจากเพื่อจะดันตัวนิวท์ให้ห่างออกไป นุ่มนวลหากก็เด็ดขาดเหมือนน้ำเสียง

     

     

     

     

     

    “ไม่…นิวท์”

     

     

     

     

     

    อะไรก็ตามที่เป็นตัวจุดประกายให้นิวท์เกือบทำอะไรบ้าๆ ลงไปนั้นมอดไหม้จนหายไปหมดตั้งแต่วินาทีที่มินโฮลืมตาแล้ว…ชายหนุ่มผมทองตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไร

     

     

     

     

     

    อาจจะเป็นความว้าเหว่

     

     

     

     

     

    อาจจะเป็นความหวังที่แตกสลาย

     

     

     

     

     

    อาจจะเป็นความลับที่เขาล่วงรู้มานานแสนนาน

     

     

     

     

     

    “ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ…” นิวท์กระซิบ ดวงตามองสบกับคนที่นอนตะแคงอยู่เคียงกัน ถ้อยคำที่ให้รสชาติเหมือนการสารภาพยิ่งนัก “…ฉันรู้อยู่แล้วว่านายชอบฉัน”

     

     

     

     

     

    ถ้ามินโฮสนิทกับนิวท์มากพอที่จะสังเกตได้เองว่าเขาชอบอัลบี นิวท์เองก็สนิทกับมินโฮมากพอที่จะมั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดกับตนแค่เพื่อน ความลับที่เขาล่วงรู้ได้เอง…เพียงแต่ต่างจากมินโฮ ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่พูดอะไรกับอีกฝ่ายอย่างที่เจ้าตัวทำกับเขา

     

     

     

     

     

    การมาสารภาพเอาป่านนี้ควรทำให้เจ้าของความลับโกรธเกรี้ยว…แต่คนตรงหน้านิวท์กลับไม่มีแม้แต่แววประหลาดใจในดวงตา มินโฮแค่ค่อยๆ ระบายหายใจออกมา หนักหน่วงและเนิ่นนาน…ก่อนจะตอบเขาด้วยเสียงเรียบนิ่ง

     

     

     

     

     

    “ฉันก็คิดอยู่แล้วล่ะ…ว่านายต้องมองออก”

     

     

     

     

     

    ดวงตาสีดำคู่นั้นหลับลงชั่วครู่ ก่อนจะเปิดลืมขึ้นใหม่ ถ้อยคำที่ตามมาแผ่วเบาหากมั่นคง

     

     

     

     

     

    “ใช่ ฉันชอบนาย” มือใหญ่ๆ นั่นเอื้อมมาแตะผิวแก้มของนิวท์ สัมผัสที่ยาวนานแค่เพียงชั่วครู่ ไร้สิ่งใดที่เกินเลย “แต่ฉันจะไม่นอนกับนาย…นิวท์ เพราะฉันเป็นเพื่อนที่คอยเช็ดน้ำตานายด้วยแขนเสื้อได้ แต่ฉันจะไม่มีวันยอมเป็นหนึ่งในรายชื่อพวกนั้นในโทรศัพท์ของนาย”

     

     

     

     

     

    นิวท์สบตากับอีกฝ่าย เขาทำได้เพียงแค่นั้น

     

     

     

     

     

    “และใช่…ฉันอยากจูบนาย” มินโฮกล่าวต่อ เรียบนิ่งหากทุ้มนุ่ม…จนแว่บหนึ่ง นิวท์เผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายกำลังเล่าถึงเรื่องราวของใครสักคนที่ไม่ใช่พวกเขาอยู่ “แต่เราก็รู้กันดีว่าทันทีที่ฉันจูบนาย…ฉันก็จะไม่ต่างอะไรกับคนพวกนั้นเลย คนที่นายคิดว่าจะมาแทนที่อัลบีได้…และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะยอมให้เกิดขึ้นกับตัวเอง”

     

     

     

     

     

    ทุกคำของมินโฮถูกเปล่งด้วยน้ำเสียงสม่ำเสมอราวเกลียวคลื่น…ผืนน้ำที่นิวท์รู้ว่าซ่อนรอยแตกร้าวของหัวใจเอาไว้ บาดแผลที่ตัวเขาเองก็มี…อาจจะไม่ใช่จากสาเหตุเดียวกัน แต่ความเจ็บปวดนั้นคงไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่

     

     

     

     

     

    “นายอาจจะกำลังเหงา นายอาจจะกำลังอยากที่จะลืม และฉันก็อยู่ข้างๆ นายมาตลอด” ชายหนุ่มผมดำเอ่ย จับมือของเขาเอาไว้…ดวงตาทอดมองภาพนั้นด้วยสายตาระโหยหนักหน่วง “แต่ถ้านายเพิ่งมาคิดได้ว่านายน่าจะรักคนที่รักนายมากกว่ารักอัลบีต่อไป…ถ้านายคิดจะเริ่มมองฉันแค่เพราะนายรู้ว่าฉันมองนายมาตลอด…”

     

     

     

     

     

    มือใหญ่นั่นค่อยๆ ปล่อยมือของเขา ปลายนิ้วผละจากโดยสมบูรณ์…ก่อนที่ประโยคสุดท้ายจะถูกกล่าว

     

     

     

     

     

     

    “…โทษทีนะนิวท์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะโอเคด้วย”

     

     

     

     

     

    ความเงียบทิ้งตัว…เนิ่นนานราวหนึ่งนิรันดร์ผ่านพ้นไป มีเพียงแสงแดดที่ค่อยๆ จ้าขึ้นทีละนิดเท่านั้นเป็นสัญญาณเดียวที่บอกให้รู้ว่าเวลายังคงไม่หยุดเดิน

     

     

     

     

     

    “น่าขำดีเนอะ…” นิวท์ได้ยินตัวเองพึมพำขึ้นมาในที่สุด…ข้อเท็จจริงที่เป็นเรื่องตลกอันร้ายกาจเหลือเกิน “…ทั้งๆ ที่มันก็เป็นแค่ความรักเท่านั้นเองแท้ๆ”

     

     

     

     

     

    แว่วเสียงลมหายใจของมินโฮ…อ้อยอิ่งเนิบช้า ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยตอบ

     

     

     

     

     

    “ใช่…” เป็นเสียงที่ไม่ดังไปกว่ากัน ถ้อยคำที่ให้รสขื่นๆ นักในความรู้สึกของคนฟัง “…ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นแค่ความรักเท่านั้นเองแท้ๆ”

     

     

     

     

     

    มันคือยามเช้าที่ทุกความจริงได้ถูกเอื้อนเอ่ยให้กันและกันฟัง แต่กลับไม่มีน้ำหนักในหัวใจของใครเลยที่เบาบางลง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    tbc.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in