เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
and I’ll wipe my shirtsleeves under your eyesTippuri~ii*
chapter 2
  • chapter 2

     

     

     

     

     

     

    ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของออฟฟิศมินโฮยังคงเป็นอะไรที่ทำให้นิวท์รู้สึกตลกๆ เสมอ

     

     

     

     

     

    คงเพราะคำว่าเนชั่นแนลจีโอกราฟิกนั้นให้ภาพของป่าเขตร้อนสีสดใสมากกว่า…และก็คงเพราะออฟฟิศของตัวเขาเองด้วย เพราะทั้งๆ ที่ควรจะเรียบร้อยเสมอในฐานะออฟฟิศที่ปรึกษาด้านกฎหมาย…นิวท์กลับพบว่าโต๊ะทำงานในห้องของตัวเองนั้นเต็มไปด้วยปึกกระดาษเยอะแยะแต่ก็ทิ้งไม่ได้สักกองอยู่ตลอดเวลา

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มจะแลกบัตรผู้มาติดต่อตรงล็อบบี้ชั้นล่างเสมอ แต่คนในสำนักงานก็ค่อนข้างจะคุ้นหน้าเขาแล้ว…เพราะด้วยความที่นิวท์มักจะใช้เวลาพักของตัวเองแว่บมากินมื้อกลางวันกับมินโฮที่นี่อยู่เป็นประจำ กิจวัตรอันเป็นปกติยิ่งกว่านี้เสียอีกที่ออฟฟิศของนิวท์…เพราะจะมีคำอนุญาตจากอัลบีเพิ่มมาด้วยว่าให้มินโฮเข้ามาได้เลยโดยที่ไม่ต้องแลกบัตร

     

     

     

     

     

    “หวัดดี” ชายหนุ่มผมดำเข้ามาในห้องพอดีตอนที่นิวท์จัดการพับโค้ทของตัวเองอย่างลวกๆ ไว้บนเก้าอี้สำหรับผู้มาติดต่อจริงๆ ด้านหน้าโต๊ะทำงาน “วันนี้ฉันมีเบเกิ้ลมานะ”

     

     

     

     

     

    “เยี่ยมเลย” มินโฮพยักหน้าหงึกๆ พร้อมบุ้ยใบ้ให้เขาถือถุงอาหารตามเจ้าตัวมา ทั้งสองคุยกันนิดๆ หน่อยๆ ถึงงานของวันนี้ของตัวเองจนมาถึงครัวส่วนกลางของสำนักงาน นิวท์จัดการเอาเบเกิ้ลออกมาจากถุง ส่วนมินโฮก็เอาถ้วยเซรามิกสองใบออกมากดกาแฟจากเครื่องต้ม

     

     

     

     

     

    “แล้วนี่นายเก็บของรึยังน่ะ?” นิวท์ถาม “แล้วตกลงนายเลือกได้รึยังว่าอยากถ่ายรูปอะไร? ปลาวาฬหรือนกเงือก??”

     

     

     

     

     

    มินโฮส่ายหน้าพร้อมส่งเสียงฮื่อๆ แทนการปฏิเสธเพราะเจ้าตัวกัดขนมปังไปแล้ว ก่อนจะพูดตอบเมื่อกลืนเบเกิ้ลคำนั้นเข้าไปแล้ว “สองงานนั้นโดนเลื่อนทั้งคู่เลย อะไรสักอย่างเกี่ยวกับพวกสภาพอากาศแล้วก็เรื่องการจัดการน่ะ…คงได้ไปตอนสิ้นปีเลย เผลอๆ จะหลังปีใหม่ด้วยซ้ำ”

     

     

     

     

     

    “น่าเสียดายจัง” นิวท์ออกความเห็น “ฉันกำลังอยากได้รูปไปแขวนที่ออฟฟิศเพิ่มอยู่เลย”

     

     

     

     

     

    ถึงจะไม่ได้อยู่ในวงการเดียวกัน แต่มิตรภาพที่มีมานานแสนนานก็ทำให้ชายหนุ่มผมทองต้องการจะสนับสนุนเพื่อนสนิทให้ได้สักทาง…มันจึงจบลงที่เมื่ออัลบีกับเขาร่วมลงทุนเปิดบริษัทด้วยกัน นิวท์ก็เนียนสั่งแต่รูปถ่ายของมินโฮเท่านั้นเข้ามาใช้แขวนตกแต่ง การกระทำที่อัลบีจับได้ตอนเห็นใบเสร็จ แต่อีกฝ่ายก็ตอบรับด้วยเสียงหัวเราะและบอกนิวท์ว่าเขาทำดีแล้ว

     

     

     

     

     

    “รอเป็นของขวัญปีใหม่แล้วกันนะ” มินโฮขยับยิ้ม ก่อนจะหรี่ตามองๆ ไส้ของเบเกิ้ลดีๆ “เฮ้ๆ…นายใส่อะโวคาโดมาให้ฉันทำไมหา??”

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มผมทองยักไหล่แบบไม่รู้สึกผิด เปิดเบเกิ้ลส่วนบนของตนขึ้นพร้อมพูดตอบ “เพราะฉันกะให้นายยกให้ฉันไง เอามาเลย”

     

     

     

     

     

    มินโฮบ่นพึมๆ และปล่อยให้นิวท์เอาชิ้นอะโวคาโดนั่นไปแปะเพิ่มในเบเกิ้ลของตัวเองโดยดี…การกระทำเป็นเด็กๆ แบบนี้ของพวกเขายังคงเหมือนเดิมแม้ว่าเวลาจะเลยผ่านมาจนต่างก็เข้าวัยทำงานแล้วทั้งคู่ สิ่งที่ทำให้นิวท์รู้สึกพิศวงอย่างอธิบายไม่ได้เสมอ…เพราะมันเป็นเวลาที่เนิ่นนานหากก็เหมือนกับเกิดขึ้นในเพียงเสี้ยวพริบตาเหลือเกิน

     

     

     

     

     

    เข็มนาฬิกาทำให้ทั้งสองรีบจัดการอาหารกลางวันของตัวเอง ก่อนที่นิวท์จะเตือนมินโฮถึงงานฉลองวันเกิดโทมัส รุ่นน้องของทั้งคู่ แล้วก็ออกจากสำนักงานของเจ้าตัวไป

     

     

     

     

     

     

    //

     

     

     

    มินโฮล้างถ้วยเซรามิกเลอะคราบกาแฟสองใบแล้วเก็บเข้าในตู้ล็อกเกอร์ส่วนตัวในครัว หลายๆ คนบอกเสมอว่าเขากับนิวท์เป็นตัวอย่างของมิตรภาพอันน่าอิจฉาเพราะมันสม่ำเสมอและยาวนานมาตั้งแต่สมัยไฮสคูลจนปัจจุบันนี้ มินโฮจะไม่โกหกตัวเองว่ามันเป็นเส้นทางที่ราบรื่น…แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านี่คือเส้นทางที่เขาเสียใจที่เลือกเดิน เพราะชายหนุ่มดีใจเสมอที่ได้รู้จักและมีนิวท์ในชีวิต

     

     

     

     

     

    …ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม

     

     

     

     

     

    เรื่องตลกร้ายของการรู้ด้วยตัวเองว่านิวท์กำลังหลงรักใครสักคนก็คือ…มันทำให้ความคลุมเครือในใจของมินโฮหายไปด้วย เขารู้ตัวว่าตนชอบนิวท์ในวินาทีที่ตระหนักได้ว่านิวท์ชอบอัลบี…ความชัดเจนที่มาถึงในเวลาที่สายไปเสียแล้ว

     

     

     

     

     

    เพียงแค่ต่างจากนิวท์…มินโฮจัดการความรู้สึกนี้ได้อย่างเรียบร้อยและเงียบงันราวกับนี่ไม่ใช่หัวใจของตัวเอง

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มรู้ดีว่าใครคือเหตุผลเบื้องหลังคู่เดทอันไม่ซ้ำหน้าของนิวท์ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยจนปัจจุบัน แต่เขาไม่รู้ว่านิวท์หวังอะไรจากการกระทำแบบนี้…หากสำหรับมินโฮแล้ว สิ่งที่เขาเลือกทำคือการเก็บความรู้สึกเกินเลยนี้ไว้ตรงมุมหนึ่งของหัวใจ ความรู้สึกที่เขามีให้นิวท์เป็นอะไรที่เปรียบได้กับจดหมายที่มินโฮเขียนในวันแล้ววันเล่าหากไม่เคยส่งมันให้ผู้รับแม้แต่ฉบับเดียว เหล่าจดหมายที่ไม่ได้ส่งนี้ถูกเก็บไว้ตรงมุมหนึ่งของหัวใจ…ไร้การแตะต้อง หากก็ไม่ถูกลบลืมหรือทิ้งไป

     

     

     

     

     

    แล้วมินโฮก็ใช้ชีวิตทุกวันไปตามปกติ ราวกับเขากำลังมองตัวเองอีกคนชอบนิวท์ ราวกับเขาไม่ได้รู้สึกเกินเลยเพื่อนสนิทด้วยหัวใจของตนเอง

     

     

     

     

     

    แต่นั่นอาจจะไม่ใช่การจัดการความรู้สึกของตัวเองได้ดี…นั่นอาจจะเป็นแค่ความเจ็บปวดที่มากเสียจนแปรเปลี่ยนเป็นความชาชิน อาจจะเป็นแค่กลไกของหัวใจที่ปิดตัวลง เลิกที่รับความจริงใดๆ เข้ามา…ความจริงที่ว่าความรักของเขาเองนั้นก็ไร้หวังพอๆ กับความรักของนิวท์

     

     

     

     

     

    มินโฮไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทจะคาดเดาได้ไหม…แต่ถ้านิวท์รู้ เจ้าตัวก็เก็บงำไว้ได้อย่างแนบเนียน และมินโฮก็คงต้องสารภาพตามตรงว่าเมื่อเวลาผ่านเลยมาจนถึงตอนนี้…เขาก็ไม่ได้สนใจอีกแล้วว่านิวท์จะรู้หรือไม่ เพราะชายหนุ่มมั่นใจว่าถ้าหากวันหนึ่งจะมีอันต้องพูดเรื่องนี้กันตรงๆ…มิตรภาพที่มีให้กันและกันมานั้นจะต้องทำให้ตนกับเพื่อนสนิทจัดการกับความยุ่งเหยิงของหัวใจนี้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

     

     

     

     

     

    และเขาก็รู้ดี…ว่าตนเป็นคนคนเดียวที่นิวท์สามารถเล่าทุกสิ่งให้ฟัง…เป็นคนคนเดียวที่นิวท์จะเสียไปไม่ได้เด็ดขาด…

     

     

     

     

     

    ระยะห่างและวันเวลาคือปัจจัยที่ช่วยให้ลืมใครสักคนได้…แต่ชายหนุ่มผมทองไม่มีสักอย่างในสองข้อนี้ อัลบีคือเพื่อนสนิทในกลุ่มตลอดการเรียนมหาวิทยาลัย และก็เป็นเจ้าของอีกครึ่งหนึ่งของบริษัทที่นิวท์ตั้งขึ้น…ฐานะที่เป็นคำสัญญาล่องหนว่ามันจะเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ไปอีกนานในการจะต้องเจอหน้ากัน และอีกข้อเท็จจริงก็คืออัลบีเป็นเพื่อนที่ดี ดีเสียจนการตัดขาดกันเพราะความรู้สึกส่วนตัวเป็นอะไรที่ใครก็คงทำไม่ลง

     

     

     

     

     

    และ ณ เส้นคั่นบางๆ ระหว่างความรักแบบเพื่อนธรรมดากับคนพิเศษ…หัวใจของเขาและนิวท์ต่างก็ค้างคายุ่งเหยิงอยู่ตรงนี้ด้วยกันทั้งคู่

     

     

     

     

     

     

    //

     

     

     

     

    โทมัสคือรุ่นน้องที่นิวท์กับเพื่อนๆ ได้รู้จักตอนมหาวิทยาลัย และด้วยความที่ถูกคอกันเป็นอย่างดี…พวกเขาจึงยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าจะเรียนจบออกมาและทำงานกันในคนละสาขากันหมดแล้วก็ตาม

     

     

     

     

     

    สถานที่ที่หนุ่มน้อยนัดเพื่อนๆ และรุ่นพี่เพื่อฉลองวันเกิดคือบาร์ที่ทุกคนค่อนข้างคุ้นเคยดี…นิวท์ชอบที่นี่เพราะมันคึกคักกว่าบาร์ทั่วไปแต่ก็ไม่อึกทึกอย่างคลับปกติ เพื่อนทั้งกลุ่มยังมากันไม่ครบก็จริงตอนที่เขามาถึง…แต่โทมัสก็โบกมือมาให้จากวงโซฟาตรงมุมหนึ่ง นิวท์ยิ้มพร้อมโบกมือตอบ พยายามบอกให้หัวใจหยุดสั่นระริกตอนเห็นอัลบีกับโทพาซหัวเราะอยู่ด้วยกัน

     

     

     

     

     

    “มินโฮยังไม่มาเหรอ?” ชายหนุ่มถามคำถามอันไม่จำเป็นเมื่อเจ้าของวันเกิดเอาแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาให้…เพราะก็เห็นอยู่ได้ชัดๆ ว่าเพื่อนสนิทของเขาไม่อยู่ในกลุ่มคนตรงนี้ จึงไม่ต้องเดาเลยว่าโทมัสจะต้องส่ายหน้าและตอบว่าอีกสักพักหนุ่มเกาหลีคงมาถึง

     

     

     

     

     

    นิวท์พยักหน้า จิบเครื่องดื่มในแก้วเงียบๆ…พยายามจัดการความรู้สึกยุ่งเหยิงในหัวใจให้หยุดนิ่งด้วยการมองเรื่อยเปื่อยไปรอบๆ บาร์

     

     

     

     

     

    หากภาพที่ได้เห็นก็ทำให้หัวใจก้าวกระโดดใหม่อีกที

     

     

     

     

     

    นิวท์จำภาพเรือนผมหยักศกสีน้ำตาลนั่นได้…เขาไม่รู้จักคนอื่นในกลุ่ม แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งตรงอีกมุมห้องเป็นภาพที่คุ้นตานัก นิวท์คิดออกต่อได้ว่าตนพบกับอีกฝ่ายที่นี่…ความสัมพันธ์ที่ยาวนานไม่ถึงสองสัปดาห์ด้วยซ้ำ

     

     

     

     

     

    ชายหนุ่มผมทองจึงเสทำเป็นจุดบุหรี่ หยิบมือถือขึ้นมาแตะหน้าจอ…นิวท์ไม่เคยลบชื่อสักชื่อเดียวออกจากบันทึกในโทรศัพท์แม้ว่ามันจะเป็นหมายเลขที่ไม่มีวันได้ติดต่ออีกแล้วก็ตาม หากตั้งแต่เริ่มต้นเลื่อนหา…ชายหนุ่มก็รู้ลึกๆ ในใจดีอยู่แล้ว เขาจำชื่อชายหนุ่มผมน้ำตาลคนนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ

     

     

     

     

     

    สิ่งที่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เกิดแค่กับนิวท์ฝ่ายเดียว…เพราะอีกฝ่ายก็สบตากับเขาอย่างจัง หากไม่มีประกายการจดจำหรือชะงักงันใดๆ เลย ดวงตาสีน้ำเงินนั่นมองสบแล้วก็เลื่อนจากไป เขาเป็นแค่คนแปลกหน้าอีกคนในบาร์แห่งนี้เท่านั้นเอง

     

     

     

     

     

    นิวท์จิบเครื่องดื่มอีกครั้ง ปล่อยให้รสหวานจางๆ ผสานรวมกันกลิ่นขมๆ ของควันบุหรี่ ชายหนุ่มปิดหน้าจอมือถือแล้วหย่อนมันกลับไปในกระเป๋ากางเกง…หากก็ยังรู้สึกได้ดีถึงความว่างเปล่าที่บางเบาหากก็หนักหน่วงในหัวใจ

     

     

     

     

     

    น้ำหนักของความหวังไร้สาระนั่น…และข้อเท็จจริงที่ว่าเขาช่างโง่เง่าเพียงใด…

     

     

     

     

     

    “หวัดดีมินโฮ นี่ฉันนึกว่านายจะโดนรถติดเล่นงานจนมาไม่ได้ซะแล้วนะรู้มั้ย?”

     

     

     

     

     

    นิวท์มองไปทางต้นเสียง…ชายหนุ่มผมดำกำลังเอ่ยทักทายเจ้าของวันเกิดอยู่ ภาพที่ทำให้เขาหายใจคล่องขึ้นมาเล็กน้อย…เพราะมินโฮคือคนคนเดียวบนโลกใบนี้ที่รู้ความลับของนิวท์ คนคนเดียวที่ช่วยทำให้หัวใจที่เต้นระรัวของเขากลับมาเป็นจังหวะที่คงที่เหมือนเดิมได้…เพราะภาพของเพื่อนสนิทคือสิ่งที่บอกให้นิวท์รู้ว่าตนจะยังมีคนเคียงข้างในนาทีที่ความรู้สึกร่วงสลายเป็นชิ้นๆ

     

     

     

     

     

    อีกสิ่งที่ให้รสชาติโหยไห้หากก็นุ่มนวลอย่างประหลาดก็คือสีฟ้าอ่อนที่ได้เห็น

     

     

     

     

     

    แน่นอนว่ามันไม่ใช่เชิ้ตตัวเดิม แต่สีสันอันไม่ต่างจากวันวานก็ทำให้ความทรงจำสั่นไหวแผ่วเบาในอก…เพราะตั้งแต่คืนที่มินโฮบอกความจริงว่าเจ้าตัวมองความรู้สึกของเขาออกตั้งแต่แรก นิวท์ก็ค่อยๆ คุ้นเคยกับการที่อีกฝ่ายจะมาหาที่ห้องหรือตนที่ไปห้องอีกฝ่าย…การกระทำที่ต่างก็ไม่เคยบอกกล่าวกันก่อน การกระทำที่ต่างก็ไม่เคยติงให้อีกฝ่ายหยุด

     

     

     

     

     

    และอีกสิ่งที่นิวท์ค่อยๆ คุ้นเคยก็คือสัมผัสของแขนเสื้อที่มินโฮจะใช้ซับน้ำตาให้เขาเสมอ

     

     

     

     

     

    ในฐานะเพื่อนสนิทกันมานาน…ชายหนุ่มผมทองรู้ดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่เคยชอบเสื้อแขนยาวเลย แต่เขาก็สังเกตได้ว่าแม้ว่าตนจะเริ่มออกเดทเองบ้างแล้ว…มินโฮก็ยังคงใส่เสื้อเชิ้ตพับแขนบ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อนเหมือนเดิมอยู่ดี ราวกับจะเตรียมพร้อมให้กับคืนบางคืนที่น้ำหนักของความรู้สึกถ่าโถมจนนิวท์แบกรับมันเองไม่ไหวอีกครั้ง…วินาทีที่คนคนเดียวที่จะเข้าใจเขาได้มีแค่คนที่รู้ทุกความจริงเท่านั้น

     

     

     

     

     

    ช่วงเวลาเงียบงันที่จะมีแค่หยดน้ำตาของเขากับสองมือของมินโฮที่คอยซับมันออกไปด้วยปลายแขนเสื้อ

     

     

     

     

     

    นิวท์สังเกตได้เองตอนแวะเวียนไปที่ห้องพักของอีกฝ่ายว่าในตู้เสื้อผ้ามีเชิ้ตแขนยาวเพิ่มขึ้นมาหลายตัว และชายหนุ่มก็รู้ว่ามินโฮรู้ว่าตนสังเกตได้…แต่นี่เป็นเรื่องที่เพื่อนสนิททั้งสองไม่เคยพูดอะไรถึงมันเลยสักครั้งเดียว

     

     

     

     

     

    ไม่เคยมีคำถาม ไม่เคยมีคำอธิบาย มีแค่เพียงความเข้าใจที่ตรงกัน…พวกเขายินดีจะยอมรับทุกบาดแผลและเศษเสี้ยวอันแตกสลายของกันและกันเสมอ

     

     

     

     

     

    “หวัดดี”

     

     

     

     

     

    นิวท์พยักหน้าแทนการเอ่ยตอบเมื่อร่างหนานั่นเดินเข้ามายืนข้างตน ปลายนิ้วขยี้บุหรี่ลงในที่เขี่ย…เขารู้ว่ามินโฮไม่ชอบนิสัยนี้ของตนเลย แล้วก็รีบชิงออกตัวก่อน “สัปดาห์นี้ฉันเพิ่งสูบไปไม่กี่ครั้งเอง โอเคมั้ย?”

     

     

     

     

     

    “ปัญหาคือไม่กี่ครั้งของนายกับไม่กี่ครั้งของฉันมันไม่เท่ากันตลอดเลยน่ะสิ” มินโฮอมยิ้ม แกล้งหรี่ตาอย่างจับผิด

     

     

     

     

     

    นิวท์ขยับจะโต้ แต่ทั้งสองก็โดนดึงความสนใจไปทางเจ้าของวันเกิด…โทมัสกำลังหัวเราะลั่นจากอะไรสักอย่างที่อัลบีพูด คำพูดที่ก็ทำให้โทพาซที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะคิกประสานไปด้วย

     

     

     

     

     

    มินโฮหันมามองเขาด้วยหางตา และนิวท์ก็รู้ดีว่าตนซ่อนแววตาของตัวเองไม่ทัน

     

     

     

     

     

    คนทั่วไปคงปลอบใจอย่างระมัดระวังหรือบอกเป็นรอบที่ร้อยว่านิวท์ต้องตัดใจ แต่นี่คือมินโฮ…บุคคลผู้ห่วงใยแต่ก็ไม่เคยก้าวก่ายอะไร บุคคลที่ไม่ถามด้วยซ้ำว่าเขาโอเคไหม…หากแค่ดึงแก้วในมือของนิวท์ไป แทนที่มันด้วยเครื่องดื่มของตัวเองพร้อมคำอธิบายสั้นๆ

     

     

     

     

     

    “แก้วนี้แรงกว่า”

     

     

     

     

     

    เป็นการปลอบโยนที่พิลึกและสมกับเป็นเพื่อนสนิทของเขาที่สุดจนนิวท์เองก็ยังต้องหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะดื่มเครื่องดื่มสีใสนั่นเข้าไป แล้วก็ส่งเสียงค่อกแค่กกับรสชาติที่บาดคอนั่น

     

     

     

     

     

    เขายอมให้ปลายสายตาของตัวเองทอดมองไปทางอัลบีอีกครั้งก่อนจะซ่อนทุกความรู้สึกไว้ให้มิดชิด…นึกหวังในใจให้มีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นเสียที

     

     

     

     

     

    อะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาไม่รู้สึกแบบนี้กับอัลบี…อะไรก็ได้ที่จะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างในใจให้จบลง…

     

     

     

     

     

     

    ในวินาทีนั้น สิ่งเดียวที่นิวท์คิดมีเพียงแค่นี้…ไม่มีการเฉลียวใจใดๆ เลยถึงข้อเท็จจริงที่ว่าไม่ว่าใครก็ควรจะระวังถึงสิ่งที่ตัวเองคิดหวังไว้ไม่มากก็น้อย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    tbc.

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in