จัสตินลืมตาขึ้นในความมืด เป็นอีกครั้งที่เขานอนอยู่บนเตียงในห้องที่เคยเป็นของอีไล สเติร์น คนรักผู้ล่วงลับของแคลเรนซ์ ซึ่งหลับอยู่ข้างกายของเขา ณ เวลานี้
เขาเอื้อมมือออกไปเปิดโคมไฟอ่านหนังสือบนโต๊ะข้างเตียง ปรับแสงสว่างให้อ่อนจางที่สุดเท่าที่จะปรับได้ แล้วเอนตัวลงนอน พลิกตัวนอนตะแคงมองเจ้าของใบหน้าที่สงบและสวยงาม เพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้เองว่าแพของตนของอีกฝ่ายยาวจนทาบลงบนแก้ม
อยากสัมผัส แต่ก็กลัวอีกคนจะตื่น
เขาได้แต่นอนมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่หาคำนิยามไม่ได้ และไม่มีคำอธิบายในตำราฉบับไหน
เขาไม่เคยคิดว่า ตัวเองจะทำอะไรที่ดูเหมือนไม่มีความหมายอย่างนั่งมองคนที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างกายมาก่อน แต่เขาก็ทำ เขาแค่อยากมองคนที่เขาอยากมองอย่างที่ไม่เคยมองมาก่อน
โอเมก้ามักถูกมองว่าเป็นเพศรองที่อ่อนแอและค่อนข้างไร้ประโยชน์ เพราะช่วงฮีทที่กินเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน ทำให้โอเมก้าต้องหยุดงานและในบางครั้งยังชักนำให้อัลฟ่าที่เป็นคู่ของตัวเองต้องพลอยหยุดงานไปด้วย และก่อความวุ่นวายให้เกิดขึ้น ในกรณีที่มีอัลฟ่าอื่น ๆ ได้รับผลกระทบจากโอเมก้าในช่วงเวลาใกล้ฮีท ไม่นับรวมเรื่องที่โอเมก้าตั้งครรภ์ได้ และต้องให้เวลาในการลาหยุดงานเพื่อคลอดและเลี้ยงดูลูกอีกหลายเดือน แต่สำหรับจัสติน เขามองว่านั่นเป็นความเข้มแข็งและอดทนในรูปแบบที่สมควรแก่การได้รับการชดเชยด้วยวันหยุดเหล่านั้นแล้ว และความคิดนั้นของเขาถูกมองว่า ‘เพี้ยน’ มาตลอด ทว่าเขายังคงยืนยันในความคิดเดิม โดยเฉพาะเมื่อได้รู้จัก ‘โร้ค’ และได้รู้จักแคลเรนซ์
แคลเรนซ์ ชเวเป็นโอเมก้าที่แข็งแกร่งและเข้มแข็ง แขนสองข้างนั้นแบกรับอะไรเอาไว้มากมาย รวมทั้งชีวิตของเขา
นอกจากคิดถึงคนที่อยู่ตรงหน้าแล้ว เบต้าหนุ่มยังคิดถึงอีไล สเติร์นด้วยอีกคนหนึ่ง...
คิดถึงตรงนี้ เขาก็ต้องสะดุ้ง เมื่อชายหนุ่มเชื้อสายเอเชียขยับตัว ทำเสียงบางอย่างในลำคอ ก่อนพลิกตัวนอนตะแคงไปอีกข้างหนึ่ง เส้นผมสีดำสนิทยาวและยุ่งเหยิงไปบ้างเพราะนอนทับแผ่ลงบนหมอน ในจังหวะนั้นเขาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
นักชีวเคมีใช้นิ้วค่อย ๆ เกลี่ยเส้นผมของแคลเรนซ์ไปจากด้านหลังคออย่างระมัดระวัง รอยแผลจากการกัดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของอัลฟ่าหลงเหลือเพียงแค่แผลเป็นจาง ๆ เท่านั้น และนั่นบอกให้รู้ว่า พันธะระหว่างโอเมก้าหนุ่มและใครก็ตามที่เคยเป็นคู่บอนด์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเจสัน ฟิตซ์เจอรัลด์หรืออีไล สเติร์น สิ้นสุดลงทั้งหมดแล้ว
นั่นเป็นหลักฐานว่า การทดลองของเขาได้ผล แต่เขารู้ดีว่าความผูกพันทางใจของแคลเรนซ์ที่มีต่ออีไลยังคงเหนียวแน่น
เขาไม่ได้อยากเป็นอัลฟ่า ไม่ได้อยากเป็นเหมือนอีไล ไม่ได้คิดจะลบล้างพันธะทางใจของแคลเรนซ์ เขาแค่ไม่อยากเป็นเบต้าที่อ่อนแอเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้
เขาไม่ได้อยากเข้มแข็งถึงขนาดจะปกป้องแคลเรนซ์ได้อย่างที่แคลเรนซ์ปกป้องเขา แต่เขาอยากเข้มแข็งพอที่จะดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอีกฝ่าย เพื่อที่ต่างคนจะได้ต่างทำงานในส่วนที่เป็นประโยชน์มากกว่า นั่นคือทำให้โอเมก้าคนอื่น ๆ ตระหนักรู้ถึงพลังของตัวเองและปลดปล่อยพวกเขาจากพันธนาการทางสังคมและความเชื่อที่ยากจะทำลายได้ให้เป็นอิสระ และยิ่งไปกว่านั้น คนในเพศรองอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเบต้าหรืออัลฟ่าควรตระหนักรู้ถึงพลังของความแตกต่างและพลังของความเสมอภาคเช่นเดียวกันด้วย
นั่นคือหัวใจของ ‘โร้ค’ แต่การรณรงค์เพื่อความเท่าเทียมคงจะเป็นไปได้ยากถ้าหากมีอุปสรรคกีดขวาง
การทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพเป็นไปได้ และเป็นเรื่องที่เขาสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันสามารถทำได้ และเป็นไปได้ไม่ยาก แต่การเปลี่ยนแปลงทางความคิดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าอาวุธของอัลฟ่าคือความกลัว
พวกอัลฟ่าที่เขายังไม่รู้ตัวว่าเป็นใครทำให้อีไลเสียชีวิตเพื่อทำลายกำลังใจของคนข้างหลัง แต่ความเสียใจไม่ใช่ความกลับ ทว่าเป็นพลังผลักดันในทางตรงข้ามให้แคลเรนซ์ต้องเข้มแข็งยิ่งกว่าเก่า กรณีของเขาเองก็เช่นกัน พวกมันขู่เขาให้กลัว และเขาก็กลัว แต่ความกลัวของเขาไม่มีความหมายอะไร ในเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ และการมีชีวิตอยู่ของเขาก่อให้เกิดความกลัวในบรรดาฝ่ายตรงข้าม
จัสตินค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง ก้มลงจูบที่ไหล่ของคนที่นอนหลับสนิทอย่างไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัว คงเพราะความเหนื่อยล้าหลายจากกิจกรรมหลายอย่างที่ทำมาทั้งวันจนถึงก่อนนอนรวมกัน ก่อนจะลุกไปยังโต๊ะทำงานที่มีแล็ปท็อปของตนเองวางเอาไว้ เปิดเครื่อง และใช้โปรแกรมแปลงไอพีแอดเดรสของตนเองก่อนเข้าหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
ข่าวการตายของอีไล สเติร์นใช้เวลาหาไม่ยากนัก แต่หลายแหล่งข่าวใกล้เคียงกันไปหมด คือ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังประสบอุบัติเหตุหลังไปเดินป่าทางเหนือของรัฐนิวยอร์ก
มีอะไรบางอย่างที่สะกิดใจเขา มีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการตายของอีไล
อาจารย์ของเขาบอกว่า อีไลไปเดินป่าและตกเหวเสียชีวิต พูดอย่างเต็มปากเต็มคำราวกับเชื่อว่า เหตุนั้นเป็นเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่ตนเองมีท่าทีสนิทสนมด้วยขนาดนั้นอย่างปราศจากข้อสงสัย ในขณะที่คนใกล้ชิดอย่างแคลเรนซ์กลับมีท่าทีไม่อยากเชื่อในสาเหตุที่ทางตำรวจสรุปได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่จำเป็นต้องเก็บทุกอย่างเอาไว้กับตัวแล้วปล่อยผ่านไป
อาเธอร์ คาวานาห์สนิทกับอีไล สเติร์นอย่างที่บอกเขาจริงหรือ
แต่อาเธอร์ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้าม อาจารย์จะสนับสนุนเขาให้ทำในสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์กับความเชื่อของอัลฟ่าที่เป็นอัลฟ่านิยมสุดโต่งที่ตามล้างตามผลาญเขาอยู่แบบนี้ได้อย่างไร
และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่จัสตินยังค้างคาใจ มีใครรู้แล้วบ้างหรือยังว่า แคลเรนซ์ ชเวเป็นสมาชิกระดับแกนนำของโร้ค ซึ่งคอยช่วยเหลือคนที่ถูกติดตามและถูกทำร้ายเพียงเพราะมีความเชื่อที่แตกต่าง ถ้ายัง คำถามที่ตามมาก็คือ พวกมันจะใช้วิธีการไหนในการสืบรู้ว่าใครกำลังต่อต้านพวกมันอยู่ และในหมู่สมาชิกของโร้ค มีศัตรูซ่อนอยู่บ้างหรือไม่ เพราะการฆ่าอีไลที่เป็นนักกีฬาที่แข็งแกร่งและเป็นนักเศรษฐศาสตร์อัจฉริยะไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย ๆ แต่พวกมันก็ทำลงไปแล้ว ในช่วงเวลาที่แคลเรนซ์กับอีไลแยกจากกัน ทำไมมันถึงมองข้ามแคลเรนซ์ไปราวกับไม่มีตัวตนหรือความหมายอะไรกับองค์กรทั้งนั้น
ตอนที่พวกมันตามล่าเขาก็เหมือนกัน ดูเหมือนพวกอัลฟ่าหัวรุนแรงพวกนั้นจะมีเป้าหมายแค่ที่อัลฟ่าและเบต้าที่ทำตัวเหมือนคนทรยศหรือละทิ้งสิทธิพิเศษในฐานะชนชั้นที่เหนือกว่าไปเข้าข้างชนชั้นที่ต่ำกว่า
ไม่ว่าพวกมันจะเลือกอีไลและเขาด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง คนที่เขาต้องปกป้องคือแคลเรนซ์
ถึงจะไม่สามารถปกป้องด้วยกำลังที่เขาไม่มีเลยได้ แต่เขาสามารถทำอย่างอื่นได้
จัสติน เคลย์มอร์ปกปิดรหัสผ่าน และที่อยู่ของเครือข่ายที่ตัวเองใช้ครั้งแล้ว ครั้งเล่าจนมั่นใจได้ว่า จะไม่มีใครหน้าไหนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เขาซุกซ่อนเอาไว้ได้ และฝากข้อความไว้กล่องข้อความของใครคนหนึ่งที่เขารู้จักมาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ในโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีความสามารถพิเศษ
“ฉันต้องการแฟ้มคดีและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตายของอีไล สเติร์นทั้งหมด นายดึงมาได้ใช่ไหม”
To be continued.... Chapter 16: Angular
----------------------------------------------
หมายเหตุ: เรื่องนี้ขอยืมไอเดียกับ prompt มาจากทวิตของคุณเกด
อันนี้ค่ะ เป็นพล็อตโอเมก้าเวิร์สที่โฟกัสกับบทบาทของเบต้า เห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยลองเอามาเขียนดู แล้วไหนๆ ก็จะเข้าช่วง #Fictober กันแล้วก็เลยใช้คำโจทย์ของ Inktober ปี 2018 มาเขียนด้วย ก็หวังว่าจะรอดจนจบ 30 ตอนนะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in