Go with the flow หรือ ปล่อยไหลไปตามกระแส ทำไปตามน้ำ ไม่ใช่สิ่งที่จัสตินคุ้นเคย และการไม่ยอมไหลตามน้ำโดยไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากกลัวว่าจะแตกต่างจากคนอื่นสร้างปัญหาให้เขาค่อนข้างมาก
ตั้งแต่เรียนประถมแล้ว ถ้าครูใหญ่เทรเวอร์ไม่ค้นพบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาทันเวลา เขาอาจไม่ประสบความสำเร็จหรือไม่เช่นนั้นก็กลายเป็นที่พยายามจะไม่ทำอะไรที่แตกต่างจากคนอื่น แต่เมื่อเข้าโรงเรียนสำหรับเด็กที่มีความสามารถพิเศษ มีเรื่องที่ชวนประหลาดใจสำหรับเขาอยู่พอสมควร การโกหกเป็นเรื่องไม่ดี ไม่มีผู้ใหญ่ชอบให้เด็กโกหก แต่เขาต้องหัดโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับคนอื่น และต้องหัดไหลไปตามกระแสบ้าง เพื่อให้อยู่กับคนอื่นในสังคมภายนอกและที่ทำงานได้ในอนาคต แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย กลับมีหลายคนบอกว่า เขาต้องทำตัวให้แตกต่าง ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ หรือทำไม่เหมือนคนอื่น และทำในสิ่งที่ถูกต้อง
แล้วไงล่ะ... พอเขาทำในสิ่งที่แตกต่าง ทำในสิ่งที่อยากทำ ทำในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าทำ และคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เขากลับต้องเผชิญกับปัญหามากมายหลายอย่าง และคนที่เขาบอกให้เขาทำโน่นทำนี่ก่อนที่จะพบกับปัญหาที่เขาต้องรับมืออยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ใครเลยที่จะยื่นมาเข้ามาแนะนำอะไรอีก
แต่จะโทษคนอื่นก็ไม่ถูก เพราะเขาก็ไม่อยากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับใครเหมือนกัน อาจารย์ที่ปรึกษาและคนที่ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยที่เขาเป็นนักวิจัยอยู่เพียงแค่รับรู้ว่า เขาลาป่วยกะทันหันและจะกลับมาทำงานต่อเมื่ออาการดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำลงไป เพราะต่อให้อาจารย์ยับยั้งในตอนนั้น เขาก็ยังคงจะหาทางทำเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเองและหาทางทำให้โอเมก้าเป็นอิสระจากการกัดของอัลฟ่าจนได้ แม้ว่าเบต้าอย่างเขาจะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับคนส่วนน้อยที่มีอิทธิพลมหาศาลและคนส่วนน้อยที่ถูกมองว่าเป็นชนชั้นล่างสุดของสังคมก็ตาม เขาแค่คิดว่า มันไม่ยุติธรรมเลยที่โอเมก้าจะต้องแบกรับน้ำหนักและความกดดันของสังคมที่มีลักษณะเหมือนรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ที่อัลฟ่าเป็นคนส่วนน้อยที่อยู่บนจุดสูงสุดที่ปกครองทั้งเบต้าและโอเมก้าที่อยู่ถัดลงไป เขาแค่อยากหาทางเฉลี่ยน้ำหนักที่โอเมก้าต้องแบกรับออกไปเท่านั้นเอง และถ้าสิ่งที่เขาเผชิญอยู่เป็นการเฉลี่ยน้ำหนักของโอเมก้าได้จริง สิ่งที่เขาทำก็ยังไม่สูญเปล่า
ดังนั้นแล้ว จากเหตุการณ์และประสบการณ์ที่ผ่านมา การปล่อยให้ตัวเองเดินทางไปตามที่ใครสักคนหนึ่งชักนำโดยอาศัยเพียงความเชื่อใจนำทางเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน ไม่เคยรู้สึกดีกับมัน แต่คราวนี้ ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป
จัสตินกลับมาอพาร์ตเม้นท์ของแคลเรนซ์ ชเวเป็นครั้งที่สองของวันนี้ และยังไม่รู้ว่า เขาจะได้กลับไปพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักของตัวเองเมื่อใด
เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง แคลเรนซ์ขอให้เขาย้ายมาอยู่ด้วยกันชั่วคราว และยกห้องของอดีตคู่หมั้นให้เขาเป็นที่พักอาศัย แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเปิดกระเป๋าเดินทางทิ้งไว้อย่างนั้น และหยิบเอาเสื้อผ้าเฉพาะใส่นอนและใส่ไปทำงานในวันรุ่งขึ้นออกมาพาดกับพนักเก้าอี้โต๊ะทำงานเตรียมไว้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า จัสติน” วิสัญญีแพทย์ปิดวาล์วน้ำร้อนและเย็นของอ่างอาบน้ำที่ไม่ได้ใช้งานมาพักใหญ่และปล่อยให้น้ำไหลออกมาเพื่อทดสอบว่ายังใช้การได้หลังจากที่ห้องนี้ร้างคนไปนาน และคนที่เข้ามาในห้องน้ำส่วนใหญ่แล้วก็เป็นแม่บ้านจากบริษัททำความสะอาดที่จ้างมาเดือนละครั้ง
“ผมเห็นคุณยืนมองน้ำไหลจากก๊อกอยู่นานแล้ว ท่าทางของคุณเหมือนมีอะไรสักอย่างในใจ” แคลเรนซ์เช็ดมือที่เปียกกับกางเกงยืนที่ตัวเองสมอยู่ หันมาหาผู้อาศัยคนใหม่ที่เข้ามาอยู่แทนที่เจ้าของห้องที่จากไปแล้ว
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” จัสตินบอกตามตรง “ผมไม่รู้จะอธิบายให้คุณเข้าใจได้ยังไง”
ในตอนนี้เขายังตั้งตัวไม่ถูก และอย่างที่เขาบอกอีกฝ่ายไปก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยมีประสบการณ์ถูกตามล่า ประสบการณ์ครั้งที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเจอคือเมื่อครั้งที่อยู่ชั้นประถม เมื่อพวกเด็กเกเรจับได้ว่า เขาไปตามอาจารย์มาห้ามไม่ให้เด็กพวกนั้นแกล้งเด็กที่อ่อนแอกว่าด้วยการจับเขาขังไว้ในล็อกเกอร์ของโรงยิมใช้ไม้ถูพื้นขัดประตูไม่ให้เขาเปิดออกมา แต่โชคดีที่มีคนได้ยินเสียงเรียกและไปตามภารโรงกับครูมาช่วยเขา แต่การถูกตามล่าและขู่ฆ่าเป็นสิ่งที่เขาไม่มีข้อมูลว่าจะรับมืออย่างไร และการร้องบอกใครต่อใครว่า เขาถูกคนปองร้ายไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้อย่างง่ายดายเหมือนเมื่อตอนเป็นเด็กอีกต่อไป
แคลเรนซ์มองเขาแล้วยิ้มให้ แนบมือข้างหนึ่งที่ข้างแก้มของเขาและลูบเบา ๆ เหมือนปลอบใจเด็กเล็ก ๆ สายตาและมือของโอเมก้าหนุ่มให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยนคล้ายมือของครูใหญ่เทรเวอร์ที่เคยลูบหัวของเขาด้วยความเอ็นดู แต่มีความรู้สึกบางอย่างที่ต่างออกไปและเขาไม่สามารถให้คำจำกัดความกับมันได้ หากแต่รู้เพียงว่าเป็นความรู้สึกที่ดี
“ผมคิดว่า ผมเข้าใจคุณนะ” แคลเรนซ์เอ่ย และดึงตัวเขาเข้ามากอด
จัสตินยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจนักว่าจะวางแขนของตัวเองไว้ที่ไหน
“คุณเคยบอกผมว่า การกอดจะทำให้รู้สึกดีขึ้น”
คำพูดนั้นทำให้เขาตัดสินใจที่จะกอดอีกฝ่ายตอบและซบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่าย
มันแย่ที่เขาจำเป็นต้องปล่อยให้น้ำตาตัวเองไหลออกมาแบบควบคุมไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น อ้อมกอดของแคลเรนซ์ในช่วงเวลาที่เฮงซวยที่สุดของชีวิตเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขามีอยู่ตอนนี้ และการกอดทำให้รู้สึกดีขึ้นได้จริง ๆ
To be continued.... Chapter 11: Cruel
----------------------------------------------
หมายเหตุ: เรื่องนี้ขอยืมไอเดียกับ prompt มาจากทวิตของคุณเกด
อันนี้ค่ะ เป็นพล็อตโอเมก้าเวิร์สที่โฟกัสกับบทบาทของเบต้า เห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยลองเอามาเขียนดู แล้วไหนๆ ก็จะเข้าช่วง #Fictober กันแล้วก็เลยใช้คำโจทย์ของ Inktober ปี 2018 มาเขียนด้วย ก็หวังว่าจะรอดจนจบ 30 ตอนนะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in