"คนเราตกหลุมรักอย่างง่ายดาย แต่ทำไมการเลิกรักใครสักคนมันช่างยากเย็น"

Moon Lovers Ost. Part 6 

เรื่องพีคลึกสุดใจประจำวันนี้

.

.

เมื่อสิ่งที่เราชอบมากกับสิ่งที่ไม่ชอบเลยมาบรรจบกัน

สิ่งที่ชอบคือ วง EPIK HIGH ฮิปฮอปวงโปรดที่ปล่อยอิทธิพลและแรงบันดาลใจมากมายมาให้รับ

สิ่งที่ไม่ชอบคือ นางเอก IU และพระเอก Lee Joon Ki 

เรื่องนี้ดัดแปลงมาจาก Bu Bu Jing Xin (ปู้ปู้จิงซิน) นวนิยายจีนชื่อดังที่ถูกสร้างเป็นละครให้เราน้ำตาไหลมากกว่า 10 ลิตรมาแล้ว (ว่างแล้วจะไปเล่าใน สายเอเชีย อีกทีค่ะ) ซึ่งเราก็ตราตรึงใจประทับจิตให้กับเวอร์ชั่นจีนไปแล้วอย่างหาที่ไหนเปรียบไม่ได้

พอมีข่าวว่าเกาหลีนำมาทำและมีข่าวแคสนักแสดงออกมาเท่านั้น

เราก็หมดสิ้นอยากตามดูเลยทีเดียว อันนี้ก็เป็นความย้อนแย้งในใจเราเองอีกเรื่อง

เรื่องที่เราชอบมากๆ แต่แคสนักแสดงมากลับเป็นคู่พระนางที่เราไม่ชอบเลย

เหมือนกับเพลงนี้ เลยยังไม่ตามดูเรื่องนี้ ขอพักทำใจนานกว่านี้หน่อย ฮ่าๆ

ยังไม่ได้หาความหมายเลยและคาดว่าซับไทยน่าจะออกมาได้อย่างรวดเร็ว

โดยรวมแล้วมาเศร้าละ เสียงเปียโนเกริ่นนำทางเพลงให้หมองขนาดนี้

การที่ Epik High ได้ Lee Hi เด็กในสังกัดมาร้องร่วมด้วยคุณภาพของเพลงก็เพิ่มขึ้นไปอีก

เธอเสียงคุณภาพเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว บวกกับทำนอง จังหวะเพลงที่ เออ เพราะ ไพเราะ

เสียงเปียโนอินโทรให้ตามสไตล์ Epik High ทำนองท่อนฮุกที่ครั้งแรกก็ติดหูร้องตามได้ คือจุดเด่นของวง

ท่อนแร็พตามจังหวะแบบฮิปฮอปผสมเสียงสังเคราะห์เข้าไป ที่เพราะอีกเสียงคือ เสียงเบสสสสค่ะ ดึ่มๆๆๆ

เฮ้อ ความพีคประจำวัน กำลังใจของวัน วงโปรดมีผลงงานมาใหม่ ปลื้มจนไม่อยากกินข้าวละ ฮ่า

เท่าที่เราเคยดูซีรี่ส์เกาหลีมาพอสมควร สังเกตจนทำให้เรารู้ว่า 

1. ซีรี่ส์เกาหลีทำให้เรารู้ว่า ถึงจะเป็นหนังหรือละครแนวพีเรียด ย้อนยุคไปไกลมากแค่ไหน เพลงประกอบของเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องย้อนให้โบราณกาลซะทีเดียว คือมีผสมผสานเก่าใหม่และปัจจุบันได้อย่างลงตัว เป็นต้นว่าเพลงนี้ เห้ย แนวฮิปฮอปมันจะเข้ากับละครย้อนยุคได้ยังไงกัน!! แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดนะ เพราะเพลงมันมีความหมาย มีเนื้อหาที่สอดคล้องกับตัวละครได้ ขออารมณ์ได้มูดได้คนก็คล้อยตามได้ 

2. แน่นอนว่าเขาทำครบวงจรของธุรกิจบันเทิง ทำละครแล้วขายเพลงด้วย มันก็ควรเป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรอ เพราะเพลงหรือดนตรีประกอบมันให้อารมณ์ได้มากพอๆ กับเนื้อเรื่องและการแสดงของนักแสดง และยังมีขายอื่นๆ อีกที่แอบโฆษณาในละครเยอะแยะทั่วไป โปรโมตสินค้าผ่านละครอาจจะได้ดีไม่แพ้ทำสื่อโฆษณา

3. จากหลายๆ เรื่องที่ได้ดูจะเห็นว่าเขาจะปล่อยเพลงมาเป็น Part ตามการออกอากาศของละครในแต่ละตอน จะมีเพลงธีมหลักอยู่แล้ว และเพลงที่เหมาะกับตอนนั้นๆ อีกที คือเราจะได้ฟังเพลงใหม่เพิ่มเรื่อยๆ จนกว่าละครจะจบ บางครั้งซี่รี่ส์หนึ่งเรื่อง เพลงประกอบมีถึง 7-9 พาร์ท พาร์ทละ 3-5 เพลงบ้าง แล้วแต่ และอาจจะไม่ใช่เพลงเต็มที่มีเนื้อร้องทุกเพลง แต่ละพาร์ทจะผสมกันไประหว่างเพลงร้องกับเพลงบรรเลง ในส่วนนี้รู้สึกว่า เห้ย เขาละเอียดมาก ตอนนี้ตัวละครไหนเด่น จะมีเพลง เนื้อเพลงของตัวละครนั้นๆ เลย เราก็อินเข้าไปอีก ถ้าเพลงเพราะก็ได้ตามต่อ ตามศิลปินต่อไปอีก

4. การตามศิลปินที่มาร้องเพลงประกอบให้เรื่องนั้นๆ ทำให้เรารู้ว่า เห้ย ศิลปินแต่ละคน แต่ลงวง บางคนก็ไม่ได้อยู่ค่ายใหญ่อะไร ทำเพลงเองสายอินดี้ก็มีเยอะแยะ หรือบางครั้งก็อาศัยนักร้องไอดอลมาเป็นตัวดึงได้ด้วย หรือเจ้าพ่อเจ้าแม่เพลงประกอบละครที่เรื่องไหนๆ จะเห็นชื่อเขาและเธอติดโผเพลงประกอบละครเรื่องนั้น เคยอ่านเจอเกี่ยวกับความนิยมของแนวทางทำเพลงประกอบของเกาหลี ซึ่งเขามีความนิยมใช้ศิลปินสายอินดี้มากขึ้น เพราะเขาได้ความแปลกใหม่ มอบโจทย์จากละครให้ไปแล้วให้ศิลปินเป็นผู้เกลาดนตรีเนื้อเพลงมาให้เลย หรือเอาเพลงวงอินดี้มาเลยก็มีถมไป อาทิ Tearliner ใน Coffee Prince, Cheese in the trap ฯลฯ โดยเฉพาะซีรี่ส์เรื่อง Cheese in the trap ที่ได้วงอินดี้มาทำเพลงให้หลายวงเลย เราก็ได้ผลพลอยได้ตามศิลปินไป ศิลปินก็ได้ที่มีแฟนเพลงเพิ่มขึ้นอีก คือได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง สำหรับธุรกิจบันเทิงเกาหลีที่ครบวงจรเหลือเกิน

5. จากที่เห็นหลายๆ วง ทำงานร่วมกัน หรือแม้แต่นักแสดงเอง ที่เราได้เห็นคนโน้นจับคู่กะคนนี้ เห้ย คนนี้จับคู่คนนี้้ได้ด้วยหรอ หรือนักร้องค่ายนี้มาฟีทเจอริ่งกับค่ายนี้ คือเราไม่เห็นความแบ่งแยกด้านนี้ของเขา (หรืออิฉันอาจไม่รู้มากพอ) เขาทำงานร่วมกันได้ทั้งหมดเลย คนละค่ายแต่ทำงานด้วยกันได้หมด ไม่ว่าจะเล็กใหญ่ มีชื่อเสียงมาอน้อย ก็ทำงานร่วมกันได้หมด หลังๆ เราเริ่มเห็นพี่ไทยก็มีบ้างที่มีการฟีทเจอริ่งคนโน้นกับศิลปินคนนี้ หรือวงอินดี้ทำเพลงละคร แต่เราว่าก็ยังไม่กว้างมากนัก ยังวนๆ ในลูปของศิลปินในเครือในค่ายเดียวกัน (อาจไม่รู้ข้อจำกัดต่างๆ ของไทย) เท่าที่เห็นละกันค่ะ การที่ให้ศิลปินวงเล็กหรือใหญ่ก็แล้วแต่ คือไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงด้านทำเพลงละครก็ได้ เปิดโอกาสให้เขาได้ทำเพลงและนำเสนอในรูปแบบใหม่ๆ ตามที่ศิลปินเขาเป็น ผู้ชม คนดู ก็จะได้เปิดโลกดนตรีของตัวเองมากขึ้น ชอบไม่ชอบก็ว่ากันอีกเรื่อง ถ้าชอบเขาคงไปตามหาศิลปินเอง มันน่าจะเปิดอะไรให้พี่ไทยได้มากขึ้น

6. คือ ไม่ได้มาอวยเพราะติ่งเกาหลีอะไร วิจารณ์ตามที่เห็นนะคะ แต่ถ้ามาอวย EPIK HIGH อันนี้ไม่เถียงเลยค่ะ ด่าได้ ด่าแรงก็รับได้ค่ะ ฮ่าๆ รักมากเหนือคณานับ

7. จากที่เขียนมาทั้งหมด 6 ข้อ ก็ต้องเอามาสอนตัวเองว่า เขาก็ไม่ได้แบ่งชนชั้น แนวเพลงแนวละคร ศิลปินนักแสดง แล้วทำไมเรายังแบ่งความรู้สึกชอบไม่ชอบของเราอยู่อีกหรือ รังแต่จะทำความขุ่นหมองใจให้ตัวเองไม่หาย จนเกิดความไม่เชื่อ(อคติ) กับสิ่งที่อยู่ไกลตัวเราขนาดนั้น 

8. จากข้อ 7 ความชอบคือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบไหมอ่ะ! (ยังจะดื้ออี๊ก)

9. เขียนมาถึงข้อนี้ นี่คุยเรื่องเพลงใช่มะ ไม่ใช่ซีรี่ส์ เอะ ชักสับสนเอง

10. ไม่คิดว่าจะเขียนได้ยาวขนาดนี้ และสัญญาว่าจะเขียนถึง EPIK HIGH สักตออน :)

www.allkpop.com

จบแล้วค่ะ ฟังเพลงดีกว่า เกิน 10 รอบละ มีความให้นางเอกสวมฮูดพีเรียดฮิปฮอปไปอีก มีความร่วมสมัยทั้งเพลงไปถึงเสื้อผ้าหน้าผม 

ฟังแล้วนึกถึงเพลงนี้