_ส่วนโมเม้นต์สายหว่องและแค่ฟินอย่างเรานั้น ก็อบอุ่นได้ในแบบมีสเปซ เพราะเพลงนี้ที่ออกมาปีแรก ครั้งแรก ก็มีเพื่อนแนะนำให้ฟัง เขาบอกว่าเพลงนี้เพราะนะ ลองฟังดู แล้วเขาก็เปิดเพลงนี้ดังออกลำโพง เราก็นั่งฟังไป ตัดโมเด็ลไป ทำงานไป เขาก็นั่งหน้าคอมไป ส่วนเพื่อนอีกคนหลับไปแล้วเรียบร้อย เป็นเหตุการณ์ที่อุ่นละมุนใจมาก คือเพลงมันเพราะแล้วบรรยากาศยังส่งเสริมให้รู้สึกดีกับคนที่เปิดเพลงให้ฟังอีก ถึงเรียกว่าบรรยากาศเป็นใจ 

_เคยได้ดูสดของ Sqweez Animal เมื่อปีที่แล้ว พี่วินร้องเพลงนี้ โหหหห มันหวนไปอบอุ่นอีกครั้ง

แต่เป็นความอบอุ่นที่ต่างไปจากตอนที่เราฟินกับคนที่เปิดให้ฟัง ความรู้สึกสบายใจมาแทนที่ เบา โล่ง และยิ้มด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า ที่ได้รู้ว่า ความแท้จริงในความรู้สึกเรากับคนที่เปิดเพลงนี้ให้ฟัง มันไม่ได้มีอะไรพิเศษทางความรู้สึกเลย และเป็นไปได้ว่า บรรยากาศและสถานการณ์พาไป 

เราแค่หลงใหลในบรรยากาศที่ดีและเพลงที่ดี

_ปัจจุบันฟังเพลงนี้ ไม่รู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิม แต่อบอุ่นในความหมายใหม่ 

_เพลงนี้ที่ฟังตอนนั้น เพราะมีคนคนหนึ่งเล่นกีตาร์ แล้วก็ฮัมร้องเพลงนี้ไปในฤดูหนาว ซึ่งค่อนข้างดังอยู่ช่วงนั้น ผ่านมาเป็นสิบปี ส่วนตัวชอบวงนี้และเพลงนี้มากๆอยู่แล้ว พอมีคนเล่นเพลงที่เราชอบ เรายิ่งชอบเพิ่มขึ้นไปอีก เพิ่มจากชอบเพลงมาชอบคนที่เล่นเพลงนี้ด้วย วิ้วววว

_เหตุการณ์ละมุนของเพลงนี้ก็เหมือนเพลงก่อนนี้ เพราะบรรยากาศ อากาศที่อเย็นมากๆ กับการนั่งเกาะกลุ่ม ร้องเพลงไปด้วยกัน มันเลยทำให้ทุกอย่างลงตัว เหมือนพบความสมบูรณ์แบบ มีใครบ้างที่ไม่หลงให้กับสิ่งสมบูรณ์แบบ 

_ปัจจุบันก็ยังฟังเพลงนี้อยู่เรื่อยๆที่คิดถึง คิดถึงเพลง คิดถึงศิลปินนะ ไม่ใช่คิดถึงคนที่เล่นกีตาร์เพลงนี้

ในวันนั้น เพราะความรู้สึกนั้นมันชั่วคราวและหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เพลงนี้ยังคงอยู่ เพราะ

"อยู่ให้ฉัน"

_เพลงนี้เพิ่งรู้จักไม่นาน น่าจะสักปีที่แล้ว ไม่เคยรู้จักมาก่อนใดๆทั้งสิ้น แต่ไปๆมาๆไม่รู้มันพิเศษขึ้นมาได้ยังไง ตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอนะ เพลงมันละมุนมั้ง ที่มาที่ไปที่ได้มารู้จักหรอ หรือศิลปินเอง ก็หาสาเหตุไม่ได้

_แต่พอทวนๆ ก็น่าจะมาจากเพลงนี่แหละ คือตอนที่เริ่มฟังครั้งแรกอาจเพราะไม่รู้จัดใดๆมาก่อนมั้ง รู้จักเพลงนี้ก่อนแล้วก็ไปตามเพลง เทา เลยติดใจอยู่กับเพลงแรกที่สร้างความจดจำให้รู้สึก คือด้วยเนื้อเพลงมันก็ใสๆ ไหมว่ะ ใสตามชื่อเพลงละกัน ใสแบบท้องฟ้างี้ม่ะ ท่อนนั้นไง "ฉันรักท้องฟ้า" คือเนื้อเพลงมันไปกับธรรมชาติ ท้องฟ้า ค่ำคืน แสงส่อง แสงจันทร์ แสงดาว เทือกนี้มั้ง เลยละมุนๆ ไปแบบคล้อยตามโดยไม่รู้ตัว ล่ะก็ชอบเสียงดนตรีที่ใส่ ฟังทีไรก็ยังรู้สึกใหม่ตลอด ไม่ได้พาย้อนความรู้สึกนะ แต่กลับเป็นพาความรู้สึกไปข้างหน้า ก็จะอธิบายวนเวียนวกวนไปมา สรุปก็ละมุนใจในแบบ งงๆ เบลอๆ ละกัน

ฮ่า

ปล.ใครที่เคยอ่านโพสต์เราในอัลบั้มนี้ อาจจะบ่นว่า "เอาอีกแล้ว ยกวงนี้มาอีกแล้ว" ฮ่า

ก็อยากจะบอกว่า เป็นอีกวงที่ทำดนตรีให้รู้สึกได้ว่า มีความหวังกับการจะได้ฟังเสียงดนตรีต่างๆ

ที่ศิลปินทำขึ้นมา รู้สึกถึงการไปข้างหน้า การไปต่อไป สิ่งใหม่ๆ รออยู่ ประมาณนี้

_ความทรงจำและการย้อนความรู้สึกของเพลงนี้ คือ ช่วงที่เพลงนี้ออกมาเราเดินทางขึ้นเหนือไปเที่ยวกับเพื่อนอีก 2 คน ขับรถย์ยนต์ไป สนุก เพลิน เห็นป่า ต้นไม้ ภูเขา แสงแดด ธรรมชาติ คือบรรยากาศแบบในปกเพลงนี้ แล้วก็ขึ้นไปดูหมอกบนยอดดอยเสมอดาว อากาศหนาวจัด ลมแรง แล้วเราก็เปิดเพลงนี้ฟัง

อิ่ม มันเต็มหัวใจในการได้เสพธรรมชาติ และเพลงดีๆ ในเวลานี้ 

_และเนื้อเพลงเองก็ชวนเราให้ปล่อยวาง ให้ละสิ่งที่ทำให้หมองใจ 

"วันที่ผ่าน อาจดูเลือนลาง เมื่อเธอก้าวผ่าน หมองควันจางหายไป"

เป็นความรู้สึกที่ทำให้เรารู้สึกถึงการให้อภัย การปราศจากสิ่งเกลียดชังในจิตใตเรา 

หลายอย่างที่เราไม่โอเคตอนนั้น กับการได้ฟังเพลงนี้ในเวลาที่ล่องเที่ยวไป ทำให้เห็นว่า

สิ่งใดล่ะสำคัญกับเรา สิ่งใดที่เราต้องการ และสิ่งใดล่ะที่แท้จริง

_ฟังอีกครั้งวันนี้ ก็ยังละมุนใจเสมอ

ถ้าใจเราว่างทุกอย่างก็ไม่จำเป็น

_มีคนเขียนถึงและอธิบายเพลงนี้ได้ดีมากๆ เราก็ตามอ่านของเขาเช่นกัน เขียนละเอียดดีมากค่ะ

ลองอ่านดูเผื่อได้ติดตามต่อไปค่ะ