1.
The world aboveขั้นตอนการขึ้นไปข้างบนนอกเวลางาน1.)
ติดต่อขอบัตรผ่านที่ฝ่ายทะเบียน: ข้อควรระวังหนึ่งเดียวคือริดลีย์ เจ้าหน้าที่สาวแว่นหนาช่างจ้อที่อยู่ประจำเคาน์เตอร์ แต่ข้อควรระวังนั้นค่อนข้างเปล่าประโยชน์ ในเมื่อไม่มีหนทางหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น อันที่จริง ไคล์คิดว่าการติดป้ายว่าอันตรายน่าจะเป็นประโยชน์กว่า โดยเฉพาะตอนที่เธอร้องทักว่า “โอ้โฮ ไคล์ของเราขอบัตรผ่านพิเศษเหรอเนี่ย” ด้วยเสียงดังที่น่าจะได้ยินไปทั้งแผนก ไคล์ถอนหายใจ แบมือขอสิ่งที่เขาต้องการหลังจากกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ไปแล้วเมื่อวันก่อน แต่อีกฝ่ายดูเหมือนทำท่าร่ำไรเป็นพิเศษราวกับจะสอบปากคำเขาให้ได้ เหมือนบรรณารักษ์จอมจุ้นที่พยายามใช้วิธีจิตวิเคราะห์กับหนังสือที่ผู้ใช้ห้องสมุดยืมไปไม่มีผิด
“คนอื่นๆ ลือกันว่านายทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่ไปเจอคนรู้จักเข้า” เธอยังคงถือบัตรไว้ในมือ ไกลเกินกว่าเขาจะเอื้อมไปฉวยมาได้ “นี่แหละนะ ยมทูตที่ไหนจะอยากถ่อไปรับตัวคนคุ้นเคย อึดอัดใจเปล่าๆ แต่ว่า — เดี๋ยว อย่าบอกว่านะว่าคนคนนั้นคือเหตุผลที่เมื่อก่อนนายเที่ยวมาอ้อนขอบัตรผ่านพิเศษทุกวันน่ะ ให้ตายสิ นาย —“
ระหว่างที่เธอพูดน้ำไหลไฟดับ ไคล์ก็โน้มตัวจนเกือบๆ จะปีนไปบนเคาน์เตอร์แล้วคว้าบัตรผ่านที่เจ้าหล่อนเอาแต่โบกไปโบกมาประกอบการสนทนามาได้ ริดลีย์สบถเบาๆ ก่อนจะชูนิ้วกลางให้ เกือบลืมไป นั่นแหละพิธีกรรมระหว่างพวกเขา
2.)
ไปที่สถานีรถไฟ: ทักทายเพื่อนร่วมงานที่อยู่แถวนั้นพอเป็นพิธี ถ้าเจอพวกที่รีบร้อนเพิ่งกลับมาก็โชคดีไป แต่ถ้าเจอคนที่กำลังจะขึ้นไปเหมือนกันก็ต้องเสี่ยงโชคว่าจะได้เจอริดลีย์หมายเลขสอง สาม และสี่หรือเปล่า ส่วนใหญ่ยมทูตจะเป็นพวกชายวัยกลางคนที่มีมาดเหมือนพนักงานบริษัทระดับกลางๆ ซึ่งมาทำงานนี้เพราะอยากได้ความนับหน้าถือตา ไม่ก็คนวัยเกษียณที่มีจิตใจใสซื่ออย่างลุค จะมีก็แต่คนหนุ่มสาวขี้เบื่อหรือไม่ก็เพี้ยนหน่อยๆ ที่อาสามาทำงานนี้ ขณะที่คนอื่นๆ ใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงโดยไม่ต้องกลัวตายอีกหนในทุกๆ วัน แต่ไม่ว่ากับพวกไหน ไคล์ล้วนไม่อยู่ในอารมณ์อยากจะคบหาสมาคมทั้งนั้น ถ้าไม่ได้ตาลุงยมทูตประจำตัว (จะว่าไปก็คล้ายๆ นางฟ้าแม่ทูนหัว) คอยช่วย เขาคิดว่าคะแนนมนุษยสัมพันธ์ของเขาอาจไม่ผ่านเกณฑ์
“อ้าว วันนี้ไม่ใช่เวรนายนี่” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เขาจำชื่อไม่ได้เอ่ยทัก “คนหนุ่มนี่นะ อดใจไม่ได้เลยล่ะสิท่า แต่ไม่ต้องพกร่มไปหรอกนะรู้ไหม วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่ามีแดดแจ่มใส —”
ไคล์นับหนึ่งถึงร้อยในใจเพื่อสกัดกั้นเสียงพูดหึ่งๆ ด้านข้างและหักห้ามใจเต็มที่ไม่ให้ฟาดร่มไปที่เข่าหมอนั่นสักที
3.)
วางแผนการเดินทางให้ดี: มีเวลาข้างบนไม่เกินที่ขอไว้ ในที่นี้คือไม่เกินสองชั่วโมง หากเกินกว่านี้อาจจะโดนคาดโทษและหมดสิทธิ์ขึ้นไปข้างบนอีก แหงล่ะ
ระบบใดๆ ก็ตามเบื้องหลังโลกหลังความตายย่อมไม่อยากให้พวกเขาเพลิดเพลินกับเสรีภาพและวิ่งวุ่นตามใจชอบ คนอาจจินตนาการว่าเหล่ายมทูตและวิญญาณสามารถหายตัวไปไหนก็ได้ตามใจชอบ ไคล์เองก็คิดว่าถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงจะเท่ดีไม่หยอก แต่ความจริงก็คือพวกเขาต้องไปไหนมาไหนด้วยวิธีการเหมือนมนุษย์โลกทั่วไป ถึงจะแอบขึ้นรถไฟหรือรถบัสฟรีได้ก็อาจซวยเพราะการจราจรเกิดวินาศสันตะโรขึ้นมา สรุปก็คือจง - เตรียม - พร้อม ศึกษาเส้นทางเป้าหมายให้ดี ในกรณีของเขาก็คือหาพิกัดจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้อย่างหนังสือพิมพ์ เปิดกูเกิลแมปส์เพื่อศึกษาเส้นทางที่ใกล้ที่สุด และมุ่งหน้าไปอย่างไม่หวั่นไหว
4.)
และสุดท้าย: “อย่าผูกพันกับโลกข้างบนมากเกินไป ยังไงเสียมันก็ไม่ใช่ที่ของเรา” ลุคกล่าว
2. The family
สีส้มและแดงเพลิงตัดกับสีน้ำตาลเข้ม ขาว และดำสนิท แม้แต่เฉดสีพื้นๆ ก็ทำให้นัยน์ตาพร่าเลือนได้
ระหว่างคลำทางและหมกมุ่นกับเวลาที่ไม่อาจเสียเปล่าไป เขายังพอมีที่ว่างให้ความมุ่งมั่นและมั่นใจในเป้าหมายของตัวเองอยู่บ้าง จนกระทั่งสิ่งเหล่านั้นค่อยๆ ลดน้อยถอยลงเหมือนลูกโป่งเก่าๆ ที่สูญเสียอากาศข้างในเมื่อเขาก้าวเท้าตามคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในอาคารหลังเล็ก พวกเขาไม่มีวันรู้เลยว่ามียมทูตตนหนึ่งพยายามเบียดตัวเข้ามาด้วยกันเพราะไม่อยากเดินทะลุวัตถุให้ใจหวิว และยมทูตตนนั้นต้องนิ่งอึ้งเมื่อถูกจู่โจมด้วยภาพโลงศพสีดำขลับ ช่อดอกลิลี่สีขาวผ่อง และผนังบุไม้สีน้ำตาลเข้มเรื่อแสงยามบ่ายที่สาดส่องทั้งห้องให้สว่างไสว หากเป็นงานศพของคนอื่น เขาคงหยามหยันว่าน่าเบื่อ ซ้ำซาก และเชยเฉิ่ม อีกทั้งเป็นโชคดีของเขาเหลือเกินที่ไม่จำเป็นต้องนอนตัวแข็งทื่ออยู่ในโลง ไม่รู้เรื่องรู้ราว โดดเดี่ยวในห้องที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายซึ่งไม่จำเป็นต้องเสียใจกับการตายของเขาและเดินวนเวียนไปมาเพื่อหาใครสักคนมาสนทนาด้วย แต่นี่เป็นงานศพของหมอนั่น คนที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าอีกไม่นานจะถูกฝังใต้แผ่นหินเย็นๆ ไร้อารมณ์ ภาพของนายหัวฟักทองในกรอบรูปดูมีชีวิตชีวาเสียจนดูเป็นตลกร้าย เพราะมันทำให้ไคล์ชักจะรู้สึกว่าเส้นแบ่งระหว่างความเป็นความตายคือการที่ใครสักคนไม่อาจยิ้มได้อีก
เขาเลือกนั่งบนเก้าอี้ว่างๆ แถวสุดท้าย ไกลพอจะไม่มีใครมาวุ่นวายและใกล้พอจะเห็นเรือนผมสีน้ำตาลส้มและแดงของญาติๆ ของเบรนดอลที่แถวแรก เขาจำโซฟีที่บัดนี้หน้าแดงก่ำและทำท่าจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อได้ ป่านนี้เธอคงเรียนจบแล้ว อาจกำลังเรียนต่อหรือไม่ก็มีการมีงานทำเป็นที่เรียบร้อย แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็มียังเค้าของเด็กสาวที่พรวดพราวเข้ามาในอพาร์ตเมนต์ของพี่ชายกับหนุ่มอีกคนและทำให้ผีอย่างเขาตกอกตกใจ ข้างๆ เธอคือชายสูงอายุที่อ่านจากสีหน้าไม่ออกว่ากำลังเศร้าหรือฉุนเฉียว เขาไม่กล้าทึกทักไปเองว่านั่นคือพ่อของนายหัวฟักทอง ถึงท่าทางจะใกล้เคียงกับคำบรรยายที่หมอนั่นเคยบอกก็ตาม เบรนดอลไม่มีรูปครอบครัววางไว้ให้เห็น และใช่ หมอนั่นไม่มีแม่แล้ว ส่วนคนอื่นๆ ที่เขาไม่รู้จักก็ดูเฉยชาเหมือนเป็นญาติห่างๆ ไม่ก็ลูกพี่ลูกน้องที่ไม่เคยเจอหน้ากันตั้งแต่ห้าขวบ แน่นอนว่านั่นฟังดูเหมือนเรื่องที่เขาด่วนสรุปเอง บรรดาญาติพี่น้องของหมอนั่นอาจจะร้องไห้จนไม่เหลือน้ำตาอีกแล้วก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้นมันคงเศร้าเกินไปที่การไม่เสียน้ำตาสักหยดชวนใจสลายยิ่งกว่าการร้องไห้คร่ำครวญเสียอีก
หลังจากเขามาถึงไม่นาน พวกเขากำลังเตรียมอ่านบทไว้อาลัยก่อนเคลื่อนโลงศพไปที่หลุมฝัง ไคล์เหลือบมองนาฬิกาคุณปู่เพื่อคำนวณเวลาที่เหลือ ขณะที่โซฟีเดินตรงมาและพยายามชวนผู้ชายที่นั่งข้างๆ เขาไปกับเธอข้างหน้า ทั้งคู่กระซิบกระซาบกันอย่างเร่งร้อนจนเขาคิดว่าหญิงสาวจะระเบิดน้ำตายกใหญ่ ไม่ก็ต่อยหน้าผู้ชายใส่แว่นคนนั้นแล้ว แต่สุดท้ายเจ้าหล่อนก็ยอมแพ้และเดินจากไปเพื่อเตรียมอ่านข้อความบนแท่น ขอบคุณสรรค์ที่มันสั้นกระชับและขอสาปแช่งอะไรก็ตามที่ทุกอย่างดูจะอยู่บนบ่าของน้องคนเล็กของครอบครัว บ้านของนายหัวฟักทองมีความวิบัติอีกแบบที่เขาไม่ค่อยเข้าใจ นอกจากความรู้สึกหน่วงๆ ในใจแบบที่อธิบายไม่ได้เวลาเขานึกถึงครอบครัวตัวเอง
ไม่มีใครสะอื้น ไม่มีใครร้องไห้ ไม่มีใครเช็ดน้ำตา ทุกคนดูสำรวมเหมือนนักเรียนโรงเรียนประจำในวันเปิดภาคเรียน ซึ่งเอาแต่ใจคิดในใจว่า อยากออกไปจากที่นี่เหลือเกิน รีบทำให้จบๆ ไปเถอะ
ไม่มีใครเลย นอกจากผู้ชายใส่แว่นคนนั้น
3. The souvenir
ถึงจะต้องการมากเพียงใด นอกจากวิญญาณคนตาย ยมทูตก็เอาอะไรติดตัวกลับมาข้างล่างไม่ได้สักอย่าง
ด้วยเหตุนี้ ไคล์จึงกลับมามือเปล่าเช่นเดียวกับตอนที่จากไปเมื่อเที่ยง ลงจากรถไฟตรงเวลา คืนบัตรและลงชื่อที่เคาน์เตอร์ของริดลีย์ซึ่งหาว่าเขาทำหน้าเหมือนเพิ่งเห็นโลกแตก เขายักไหล่ จะว่าไปเธอก็พูดไม่ผิด
ก่อนกลับบ้าน เขาแวะร้านดอกไม้ในเมือง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in