เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
H.giftmeme
day one
  • 1. White Curtain

    หลังจากตาย สิ่งแรกที่เขาเห็นคือผ้าม่านสีขาว — ผ้าม่านบางๆ ที่เกือบจะโปร่งแสงในวันที่อากาศดีเพียงไม่กี่วันในหนึ่งปี ถ้าโชคดี สายลมแผ่วเบาจะทำให้มันพลิ้วไหวเล็กน้อยล้อไปกับคลื่นสีทองที่สาดกระทบฝาผนัง เขาเคยจ้องมองภาพนั้นราวกับต้องมนตร์ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่อบอวลด้วยความป่วยไข้ กลิ่นของบางอย่างที่กำลังผุพังย่อยสลาย ก้ำกึ่งกับความสะอาดจอมปลอมที่ทำให้แสบจมูก ร่างผอมบางของแม่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง เขาใช้เวลาส่วนใหญ่กลั้นใจเพื่อรอให้เธอขยับตัวหรือละเมอพึมพำขึ้นมานานๆ ครั้ง ทุกบ่ายผ่านพ้นไปเช่นนั้นนานนับปีจนกระทั่งวันหนึ่งเธอไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีก นั่นคือภาพของความตายในความคิดของเด็กสิบขวบ ช่างสงบเหลือเกิน แตกต่างจากจากความตายของชายวัยสามสิบกลางใจเมืองแสนวุ่นวาย เด็กชายคนนั้นเติบโตขึ้นมาเพื่อสบถว่า “ไม่นะ ชิบหายแล้ว“ ก่อนจะตายไปโดยไม่ทันได้ใคร่ครวญสิ่งใด และเมื่อหลับตาลงเป็นครั้งสุดท้าย เขาเห็นเพียงผ้าม่านสีขาว

    อาจเป็นเรื่องตลกร้ายสักหน่อยที่นั่นไม่ใช่การหลับตาลงชั่วนิรันดร์ ในบรรดาคนทั้งหมดทั้งมวลที่มีชีวิตอยู่ เบรนดอลน่าจะรู้ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าเขาหลงลืม เขาเพียงแค่ล้มเลิก เขาทำสำเร็จแล้วด้วยซ้ำจนกระทั่งไม่กี่นาทีก่อน เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเหมือนทารกที่ไร้เสียง โลกใหม่ยังดูซึมเซาเช่นเคย ฝนยังคงโปรยปราย เมืองยังคงอึกทึก สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมมีเพียงอากาศที่ดูจะเย็นยะเยือกเกินฤดูใบไม้ร่วง และผู้ชายตัวสูงที่ยืนคลุมร่มอยู่ใต้สัญญาณไฟจราจรที่ดับสนิท ภาพข้างหน้าพร่าเลือนจนไม่น่าจะเป็นความจริง แต่ความรู้สึกชัดแจ้งจนไม่อาจเป็นอื่น พูดสั้นๆ — เขาเห็นไคล์

    หรือจะพูดให้ถูก เขาเห็นไคล์อีกครั้ง

    ร่มคันใหญ่ในมืออีกฝ่ายเอื้อเฟื้อที่กำบังให้ราวกับว่าการเป็นหวัดคืออันตรายร้ายแรงที่สุดในตอนนี้ ส่วนมืออีกข้างยื่นมาเพื่อดึงเขาให้ลุกขึ้นจากพื้นเฉอะแฉะ “อย่าหันไปมอง” เป็นประโยคแรกที่เขาได้ยินหลังผ่านไปห้าปี เสียงทุ้มต่ำของหมอนั่นแผ่วเบาจนยากจะบอกว่าเป็นคำสั่งหรือคำแนะนำ แต่คำพูดต่อมาทำให้เบรนดอลค่อนข้างแน่ใจว่านั่นคงเป็นระเบียบการอะไรสักอย่าง “เสียใจด้วยนะ นายตายแล้ว” ไคล์พูดเรียบๆ ขณะรุนหลังเขาให้เดินไปข้างหน้า ทิ้งเสียงเอะอะและสัญญาณรถกู้ภัยที่ดังมาจากไกลๆ ไว้เบื้องหลัง เขาอยากหันกลับไปมองตามสัญชาตญาณ (การได้เห็นร่างตัวเองนอนตายคงเป็นประสบการณ์น่าพิศวงไม่ใช่น้อย) แต่แขนที่เปลี่ยนมาโอบไหล่เขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แวบหนึ่งเขาอดคิดไม่ได้ว่าไคล์พยายามช่วยชีวิตเขาอยู่ หรืออย่างน้อยก็ช่วยถนอมความรู้สึก ทั้งที่ความจริงนั้นกลับกันโดยสิ้นเชิง

    ร่างกายของหมอนั่นไม่ได้อบอุ่นชวนให้รู้สึกปลอดภัย มีเหตุผลเดียวเท่านั้นที่พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง ไคล์ไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตใครหน้าไหน เขามาเพื่อพรากมันไปจากโลกนี้


    2. Underground

    “หนาวหรือเปล่า” คำถามนั้นดูจะเปล่าประโยชน์ ในเมื่อคนถามรู้คำตอบอยู่เต็มอกและนำเสื้อโค้ตสีดำตัวหลวมโคร่งมาคลุมให้โดยไม่ต้องเอ่ยขอ ไคล์หย่อนกายลงข้างๆ เขาบนที่นั่งผู้โดยสารและง่วนกับการจัดแจงเอกสารในแฟ้ม ระหว่างทางมาที่นี่ พวกเขาไม่ได้เอ่ยคำใด เบรนดอลได้แต่ก้าวเท้าตามเจ้าผี (ลืมไปว่าตอนนี้เขาก็เป็นผีเหมือนกัน) มายังสถานีรถไฟใต้ดินไร้ชื่อที่ดูสะอาดสะอ้านจนผิดปกติมนุษย์ แหงล่ะ ในเมื่อมีป้าย ‘สำหรับคนตายเท่านั้น’ แขวนอยู่ตรงทางเข้า ไคล์อธิบายด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนว่านั่นเป็นอารมณ์ขันร้ายๆ ของพวกเขา เผื่อว่าพวกที่มีสัมผัสพิเศษจะมาเจอที่นี่เข้าโดยบังเอิญ โดยส่วนตัว เบรนดอลคิดว่าการเลือกใช้ฟอนต์ Helvetica ดูไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไร เช่นเดียวกับพรรคพวกของไคล์ที่ออกจะอัธยาศัยดีเกินเหตุ จะมีก็แต่คนตายหมาดๆ ท่าทางงุนงงเท่านั้นที่สบตากับเขาอย่างเข้าใจ

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ รถไฟใต้ดินคือแม่น้ำสติกซ์ยุคใหม่

    “เซ็นตรงนี้สิ” ไคล์ยื่นปากกาให้ด้วยท่าทางคล้ายเซลส์แมน เขาหวนนึกถึงยมทูตตนแรกที่เคยพบ คุณลุงท่าทางเหนื่อยล้าพร้อมกระเป๋าเอกสารเอาแต่พูดถึง ‘ระบบราชการ’ ‘ขั้นตอน’ ‘ระเบียบการ’ ให้วิญญาณในห้องของเขาฟัง ไคล์กำลังทำแบบเดียวกันอยู่ บนกระดาษแผ่นนั้น ลายมือหวัดๆ ของอีกฝ่ายเติมชื่อของเขาลงในช่องว่าง ตามด้วยตัวพิมพ์ที่เขียนว่า ยอมรับว่าข้าพเจ้าได้เสียชีวิตลงแล้วจากอุบัติเหตุทางการจราจร เวลา 10.38 น. แมนฮัตตัน นิวยอร์กซิตี นิวยอร์ก เบรนดอลนึกชื่นชมอารมณ์ขันประหลาดๆ ของใครก็ตามที่คิดเรื่องนี้ นี่คงเป็นเรื่องตลกไม่น้อยหากผ่านการไถ่ถอนด้วยเวลาแล้ว ติดอยู่ที่ตอนนี้มือของเขายังคงสั่นเทาเมื่อจับปากกา และมวลความรู้สึกบางอย่างยังไม่ระเหิดหายไปจากอก ไคล์พึมพำเบาๆ ว่า “เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณ” จากนั้นทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบ คู่สนทนาหลัก ณ ที่แห่งนั้นมีเพียงล้อกับรางรถไฟ

    สิ่งที่น่ารำคาญใจยิ่งกว่าคนพูดมากก็คือตอนที่คนพูดมากคนนั้นไม่ยอมปริปาก


    3. Five stages of grief 

    “แค่นี้น่ะเหรอ” เบรนดอลเอ่ย

    “อะไรนะ” ไคล์ถาม สีหน้าเลิ่กลั่กเหมือนถูกจับได้ว่าทำผิด

    “ฉันตายแล้ว — แล้วยังไงต่อ”

    “นายต้องไปที่นั่น เรากำลังจะไปที่นั่นกัน”

    และสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าความโกรธคือความโกรธที่มาพร้อมคลื่นแห่งความเศร้า เขาค้นพบด้วยตัวเองแล้วว่าหลังผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง คนที่ตายโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะรู้สึกเศร้าและตระหนักได้ว่าพวกเขาสมควรโกรธ โกรธอะไรก็ตามที่คร่าชีวิตคนธรรมดาที่กำลังเดินไปซื้อกาแฟให้น้องสาว (ไอ้สัญญาณไฟเวร ไอ้คนขับรถ ไอ้ฝ่ายจราจร ไอ้สภาเมือง ไอ้ผู้ว่าการรัฐ ฯลฯ) ประสบการณ์ในอดีตทำให้เขาข้ามขั้นปฏิเสธความจริงไปโดยสิ้นเชิง ประพจน์ที่ว่า “เขาตายแล้ว” ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เรื่องที่เขาไม่อาจทำอะไรได้เลยต่างหากทำให้เบรนดอลพาล ทั้งอนาคต ทั้งผู้คน แม้กระทั่งไฟล์งานในคอมพิวเตอร์ที่ยังสะสางไม่เสร็จ ทุกอย่างถูกตัดจบไปดื้อๆ ราวกับนักเขียนจุดไฟเผาต้นฉบับที่ดำเนินไปได้ครึ่งทาง เขาไม่ใช่นักเขียน เขาเป็นแค่กลุ่มตัวอักษรบนหน้ากระดาษที่ไร้ความหมายในตัวเองก็เท่านั้น

    ดังนั้น แทนที่จะถามว่า “ทำไมต้องเป็นฉัน” “ทำไมต้องเป็นตอนนี้” หรือ “ทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น” เขากลับโพล่งออกไปว่า “ทำไมต้องเป็นนาย”

    ไคล์นิ่งอึ้ง กลายร่างเป็นลูกหมาที่ถูกทิ้งให้เปียกปอนกลางฝน น่าหงุดหงิดใจเข้าไปใหญ่ “ฉันเสียใจ” เขาตอบแค่นั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าบางครั้ง นั่นเป็นคำพูดต้องห้ามสำหรับคนใจสลาย

     “แล้วที่นั่นคือที่ไหน” สวรรค์งั้นเหรอ หรือว่าขุมนรก ทำไมชีวิตหลังความตายของเขาจึงไม่ใช่การรอนแรมอยู่บนผืนโลก ทำไมเขาต้องลงมาสู่โลกเบื้องล่างตรงตามตัวอักษรด้วย

    ไคล์ยังไม่ทันอ้าปาก จู่ๆ เสียงเพลง Take Me home, Country roads ก็ดังขึ้นมาราวกับจะตอบคำถามของเขา หากชั่วขณะนั้นเกิดขึ้นสักสี่สิบหรือห้าสิบปีหลังจากนี้ ตอนที่เบรนดอลเป็นชายชราที่หลับไปไม่ตื่นเช่นเดียวกับมารดา เขาอาจจะหัวเราะชอบใจ และไคล์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็คงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พวกเขาอาจมุ่งหน้าไปสู่เวสต์เวอร์จิเนียจริงๆ โดยไม่มีใครต้องเอ่ยคำว่าเสียใจ ไม่มีข้อข้องใจอะไรที่ต้องได้รับการแถลงไขเดี๋ยวนั้น แต่นี่เป็นเพียงประโยคเงื่อนไขแสนรวดร้าวและอารมณ์ขันร้ายๆ ของยมทูตอีกตนที่เปิดเทปคาสเซ็ตต์ในเครื่องเล่นพกพา ไคล์อธิบายเสียงค่อยว่าตาลุงนั่นชอบทำแบบนี้ประจำเพื่อให้เหล่าวิญญาณผ่อนคลาย

    ไม่มีใครขำ หรือร้องเพลงคลอ หรือผ่อนคลาย หากมีใครสักคนฉายภาพของพวกเขาประกอบเพลง เวสต์เวอร์จิเนียคงไม่ใกล้เคียงกับสรวงสวรรค์ หากแต่เป็นที่ที่เศร้าสร้อยที่สุดในโลก
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
mikanontheground (@mikanontheground)
?
muslininthesky (@muslininthesky)
เศร้า
muslininthesky (@muslininthesky)
เศร้า