เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Soul Dimension มิติวิญญาณSetthapa Bree Settaphakorn
บทที่ 5 Soul Dimension มิติวิญญาณ เปิดเผย Reveal


  • " นี่เสาเค้าหายไปไหนเนี่ย" สิทธิ์พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง กับ อาการที่ดูกระสับกระส่าย เริ่มกวาดตามองหาไปรอบๆ

    บรรยากาศหน้า บริษัทขนมสาหร่ายตรงถนนตก ที่เค้าเเละติ่งมากันดูไปก็เหมือนสภาพ บริษัทเเละโรงงานผลิตขนมทั่วไป เเต่ต่างก็ตรงที่ความจริงตอนนี้ ทั้งสิทธิ์เเละติ่งต่างอยู่ในโลกของวิญญาณ ที่ทำให้บริษัทนี้กลับดูน่ากลัวพิลึก

    "คุณเสาหลงไปไหนคะนี่?" ติ่งถามเพราะความไม่เข้าใจ จำได้ว่า ตอนที่จะตั้งจิตมุ่งหน้ามายังที่เเห่งนี้ ก็จับมือเสาไว้ตลอด

    "ยายนั่นคงนึกภาพของสถานที่ไม่ชัดเจนพอ เลยทำให้เกิดเหตุการณ์เเบบนี้เกิดขึ้น" สิทธิ์พูด พร้อมกับมีท่าทีหงุดหงิด ซึ่งทำให้ติ่งเริ่มรู้สึกประหลาดใจ เพราะ ตั้งเเต่เธอเห็นเเละพบเจอผู้ชายคนนี้มาก็มักจะดูเคร่งขรึม สุภาพ นุ่มนวล นี่เป็นครั้งเเรกที่เธอเห็นเค้าเริ่มหงุดหงิด กระวนกระวาย

    "คุณสิทธิ์คะ งั้นเราก็ไปตามหาวิญญาณอาฆาตกันเถอะค่ะ คือ ติ่งอยากกลับไปหาลูก" ติ่งเองก็เริ่มร้อนใจ นี่ลูกของเธอสองคนจะทำยังไง ป่านนี้ เเม่ยังไม่กลับบ้าน

    "ไม่ได้!!! ยังงัยเราก็ต้องหาเสาให้เจอ!!!!" สิทธ์เริ่มขึ้นเสียงเกือบเป็นตะคอกจนทำให้ติ่งเริ่มรู้สึกงง

    "ทำไมคะ ทำไมเราจะไปหาวิญญาณอาฆาตก่อนไม่ได้คะ คุณส่งติ่งกลับไปก่อนไม่ได้หรอคะ ติ่งมีลูกนะคะ ไม่ได้โสดตัวเปล่าเหมือนพวกคุณ?" ติ่งถาม

    "ผมบอกไม่ได้ ก็คือไม่ได้!!" สิทธิ์ยังคงมีสีหน้าหงุดหงิด กระวนกระวาย จิตใจของเขาดูจะพะว้าพะวงกับเสาที่หายตัวไป เหมือนกับว่าลืมเรื่องล่าวิญญาณเสียสนิท

    "ทำไมคะ ชั้นขอถามหน่อย คุณเสาเองต่างหากที่ต้องพึ่งคุณ ดูคุณเป็นคนเดียวที่รู้ถึงทุกอย่างที่นี่?" ติ่งคาดคั้น ด้วยความเฉลียวในตัวเธอ ในใจเธอเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลกับเรื่องที่เกิดขึ้น

    "คุณอยากรู้ นักเหรอ? อยากรู้มากใช่มั้ย?" สิทธิ์พูด พร้อมหันมาจ้องหน้าติ่งเขม็ง
    "จริงๆ ผมนี่เเหละ คือคนวางระเบิดที่โรงงาน ที่พาพวกคุณสองคนมาที่มิติวิญญาณเเห่งนี้ ไม่สิ จะพูดให้ถูก คือ ผมต้องการพาตัวเสามา เเต่คุณกลับเดินเข้ามาในห้องเสียก่อน เลยติดมาด้วย"

    ติ่งมองหน้าชายคนตรงหน้า อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เธออยากจะพูดอะไรออกมาสักคำ เเต่พูดไม่ออก

    "คุณคงสงสัยว่า ทำไมผมถึงทำเเบบนี้ ทำไมผมต้องถึงขั้นวางระเบิด เเละพาตัวยายหมอนั่นมา" สิทธิ์เริ่มเปลี่ยนจากท่าทีหงุดหงิดเกรี้ยวกราด เป็น ยิ้มเเสยะ ที่ดูเหมือนผู้ชายที่เต็มไปด้วยเเผนการ ติ่งยังคงมองผู้ชายคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ พลางคิดว่าผู้ชายที่เห็นเหมือนมีสองบุคลิก

    "คุณรู้มั้ยว่าผมเห็นวิญญาณมาตั้งเเต่หกขวบ..... หกขวบ!!! ผมเห็นวิญญาณมาทุกรูปเเบบนับไม่ถ้วน ผมสัมผัสถึงความอาฆาตของพวกเขา ความเสียใจ ความไม่มีสติ กับเห็นการกระทำของพวกเขาที่ซ้ำไปซ้ำมาไม่มีวันจบสิ้น หนึ่งในวิญญาณอาฆาตที่ผมเห็นนั้น ก็คือ เเม่ผมเอง!"

    คราวนี้ติ่งอ้าปากค้าง

    "มนุษย์โดยส่วนใหญ่ คือ สิ่งน่าขยะเเขยง ในสังสารวัฏ" สิทธิ์ยังคงพูดต่อไป เหมือนระเบิดความโกรธเเละเกลียดที่เก็บลึกในก้นบึ้งในใจออกมา

    "มนุษย์ ทำการหลายอย่างต่อกันที่บางครั้งทำให้ผมรู้สึกขยะเเขยง ทั้งทางตรง เช่น ฆ่ากันตาย ปล้นชิงทรัพย์ ข่มขืน หรือ ทางอ้อม เช่น พ่อของผม ที่บีบคั้นให้เเม่ของผมต้องฆ่าตัวตาย เเละมีหน้ามาบอกผมว่าเเม่เกิดอุบัติเหตุรถชนตายตั้งเเต่ผมยังจำความไม่ได้ ที่ผมรู้ก็เพราะผมต้องเห็นเเม่ฆ่าตัวตายซ้ำไป ซ้ำมาในบ้านของพ่อผมเองทุกวันๆๆๆๆ ตั้งเเต่ผมหกขวบเเละเริ่มเห็นวิญญาณ สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ วิญญาณตนเเรกที่ผมเเห็นคือเเม่ตัวเองที่กรีดข้อมือฆ่าตัวตายในห้องน้ำ ซ้ำๆทุกวันๆ เเต่ผมไม่ทราบว่าเป็นเเม่ผมเพราะผมพูดคุย สื่อสารกับเเม่ผมไม่ได้ จนพ่อเอารูปเเม่มาให้ดู เเละโกหกหน้าตาเฉยว่าเเม่ขับรถชนตาย!"

    ติ่งอ้าปากค้าง

    "เมื่อผมโตขึ้น พอผมได้เริ่มศึกษาการควบคุมพลังของผม เเละการฝึกจิต ผมเริ่มเห็นวิญญาณหลากหลาย ผมเริ่มรู้สึกสังเวชใจกับการวนเวียนที่ไม่รู้จักจบสิ้นของวิญญาณเหล่านั้น คุณรู้มั้ยว่าจริงๆเเล้วในโลกมนุษย์ตอนนี้ มีวิญญาณเหล่านี้มากเสียจน ผมเห็นมันปะปนกับมนุษย์ เป็นครึ่งต่อครึ่ง เเล้วทำไมล่ะ ทำไมเราไม่ปลดปล่อยวิญญาณเหล่านี้ ให้เค้าได้สะสางกับพวกมนุษย์จัญไรที่ทำให้พวกเค้าต้องทนทุกทรมาณ ทำไมเราไม่ปลดเเอกวิญญาณเหล่านี้ จากการศึกษาของผมอย่างหนัก ผมค้นพบว่ามันมีวิธีที่จะให้ไอ้พวกมนุษย์จัญไรที่มันทำกรรมเวรต่อวิญญาณเหล่านั้นมันมาอยู่ที่นี่ ทนทุกข์ทรมานกับความหวาดผวา เเละต้องถูกจับกิน!"

    "ไหนคุณเคยบอกว่า ให้พวกเราออกล่าวิญญาณอาฆาตจะได้กลับโลกมนุษย์กันไม่ใช่หรอคะ?" ติ่งฉุกคิดขึ้นได้ เธอตั้งสติรวบรวมความกล้าเเละชิงถามกับชายที่อยู่ตรงหน้าที่เธอเริ่มจะคิดว่าบ้าจะพล่ามต่อ

    "ใช่ผมบอกว่าเราจะไปล่าวิญญาณ เเต่วิญญาณที่ผมล่า คือวิญญาณยายหมอนั่นต่างหาก!!! ผมต้องการให้ยายหมอเสานั่นถูกวิญญาณอาฆาตจับกิน!! สิทธ์ตอบ

    "ทะ... ทำไมคะ" ติ่งถามคำถามพร้อมเเสดงสีหน้างงงวย

    "เพราะยายหมอนั่นมีจิตที่เเข็งเเกร่งเเละบริสุทธิ์ที่ผมสามารถหาเจอหลังจากที่ผมตัดสินใจว่าจะล้างบางพวกมนุษย์จัญไรอย่างเช่นพ่อผม .....หากจิตยายนั่นที่เป็นจิตบริสุทธิ์ถูกกลืนกินด้วยวิญญาณอาฆาตที่ไม่มีกรรมเกี่ยวกัน จะเกิดเเรงระเบิด ที่สำคัญคือผมจะต้องอยู่ที่นั่นด้วย เพื่อใช้พลังจิตของผมบีบวิญญาณอาฆาตที่กลืนกินจิตของยายนั่นให้เกิดเเรงระเบิดอีกครั้ง เเรงระเบิดมหาศาลจะดึงไอ้พวกมนุษย์จัญไรที่อยู่บนโลกลงมาใช้กรรมกันที่นี่!!!" สิทธิ์พูดด้วยสีหน้าเชื่อมั่นกับสิ่งที่ตัวเองคิด ราวกับว่า เเผนการนี้ได้ถูกไตร่ตรอง ศึกษามานานเเสนนาน

    "เเน่นอนว่าคงจะต้องมีพวกมนุษย์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถูกดึงลงมาด้วย เเต่อย่างที่ฝรั่งเค้ามักจะพูดกันว่า Collateral Damage หรือ ความเสียหายที่เลี่ยงไม่ได้

    "ชั้นก็ไม่ได้เรียนสูงหรอกนะคะ เเต่คุณไม่คิดว่า ปล่อยคนพวกนั้นเค้าไปรับกรรมเองหรอคะ?" ติ่งถามด้วยน้ำเสียงไม่เเน่ใจ เเละค่อนข้างหวาดกลัวกับชายที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้เธอค่อนข้างมั่นใจว่าชายหนุ่มรูปงาม ใบหน้าคมเข้มคนนี้ น่าจะเข้าข่ายเสียสติ

    "ต้องรออีกนานเเค่ไหน กว่าพวกคนเลวๆพวกนั้นมันจะรับกรรม!?!?!?" สิทธิ์กลับมาใช้น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเเละตะคอกอีกรอบ ครั้งนี้ทำให้ติ่งสะดุ้ง เเละเกิดอาการตัวสั่นเหมือนลูกนกตัวเล็กๆที่ถูกคนจับเเยกจากรังมา

    "ผมนี่เเหละ คือกฏเเห่งกรรม!!!! ผมนายสิทธิ์ ประกาศิต นี่เเหละที่จะพิพากษาพ่อผม เเละลากไอ้พวกมนุษย์เลวๆ มันมารับกรรมที่นี่!!!!!" สิทธื์พูดด้วยเสียงราวกับตะคอกใส่ติ่ง มือจับที่ตัวติ่งที่ไหล่ทั้งสองข้าง สีหน้าเค้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเเสยะยิ้ม พร้อมพูดด้วยเสียงลุ่มลึก "เเละคุณต้องช่วยผม"

    ครั้งนี้ติ่งมั่นใจ คนคนนี้ เป็นบ้าเเน่ๆ!!

    -------------------------------------------------------
    จบตอนที่ 5 ติดตามต่อตอนหน้านะคะ

    บรีบรี







เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in