เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Soul Dimension มิติวิญญาณSetthapa Bree Settaphakorn
บทที่ 3 Soul Dimension มิติวิญญาณ เข้าใจ Enlightened


  • "คุณ!!! นี่มันเกิดอ..."เสาทำท่าจะโพล่งพูดถึงไอ้ตัวประหลาดที่เธอเเละติ่งพึ่งประสบ

    สิทธิ์รีบออกเเรงกดลงไปที่ปากของเสา เสียงของเสาที่ออกมา กลับหลายเป็นอู้อี้ไม่รู้เรื่อง ติ่งที่เห็นดังนั้น จึงไม่ถามไถ่อะไร เเละคงไว้ด้วยท่าทีเงียบเฉย

    "ชู่ว!!! อย่าเพิ่งพูดคุณหมอ ตามผมมา" สิทธิ์พูดด้วยเสียงเเผ่วเบา เขาคว้ามือเสาเเละดึงรั้งให้เดินตาม ติ่งเดินตามทั้งสองไปในระยะกระชั้นชิดด้วยความกลัวว่าศพตัวต่อติดเองได้จะตามมา.

    สิทธ์พาผู้หญิงทั้งสองคน เดินลัดเลาะ ผ่าหลืบกำเเพง ทะลุออกไปด้านหลัง จนทั้งสามเดินมาจนถึงสถานที่ที่ดูคล้ายจะเป็น ป้อมยาม หรือ ป้อมตำรวจเเห่งหนึ่ง จากนั้นเค้าพาทั้งสองเดินเข้าไป เมื่อทั้งสามเดินเข้าไปด้านในเเล้ว เค้าล้อกลูกบิดประตู นำกระดาษ เเละเศษผ้า มายัดเข้าที่ช่องลม ของทั้งประตู เเละหน้าต่าง ตอนนี้ ทั่วทั้งห้องกลับกลายเป็นมืดสนิท เสา เเละติ่ง มองสิ่งที่สิทธ์ทำด้วยความสงสัย

    "นี่คุณ จะฆ่ากันให้ตายหมดหรืองัย อย่างนี้ก็ไม่มีอากาศหายใจกันพอดี" เสาพูดขึ้นทันควัน

    "คุณช่วยสังเกตุตัวคุณเองด้วยว่าตอนนี้คุณยังหายใจอยู่ คุณหมอ?!" สิทธิ์สวนกลับ

    "ก็หาย...." เสาจะพูดต่อ เเล้วกลับเงียบกริบ ติ่งหน้าซีด (ซึ่งก็ซีดมาตั้งเเต่ต้นอยู่เเล้ว นี่ซีดลงไปอีก)

    'จริงด้วย' เสา คิดในใจ เพราะไม่สังเกตุ มัวเเต่ตกใจ จึงลืมนึกไป ว่าไม่รู้สึกถึงลมที่ผ่านเข้าออกจมูกมาสักพักเเล้ว

    "คุณสุดหล่อ นี่เเปลว่า เราสามคนตายเเล้ว?!?! เหรอ?!" เสาเริ่มถามด้วยเสียงสั่นเครือ

    'ได้โปรดตอบว่า ยัง เหมือนกับคำตอบที่ชั้นมักจะตอบบรรดาเพื่อนๆที่เเต่งงานเเล้ว เมื่อพวกเธอหันมาถามชั้นว่า มีเเฟนหรือยัง มีคนมาจีบบ้างยัง เเล้วคิดวางเเผนเเต่งงานบ้างยัง' เสาคิดในใจ

    "คุณคิดว่างัย ถ้าคุณตายเเล้ว ผมจะช่วยคุณหนีผีตัวนั้นมาเหรอคุณหมอ อีกอย่างครับ ผมชื่อสิทธิ์ นามสกุล ประกาศิต เรียกผมว่า สิทธิ์ก็ได้ครับ"

    "ตามหลักการทางการเเพทย์ คนเราถ้าหมดลมหายใจไปเเค่ 5 นาที หัวใจจะหยุดเต้น เเต่ถ้าไม่หายใจ 8 นาที หัวใจจะหยุดเต้น ซึ่งก็คือ ตายเเล้ว" เสาเรื่มงัดเอาหลักการทางการเเพทย์ขึ้นมา พร้อมกับสีหน้า ช็อคเเละงุนงง ไม่เเพ้กับ ตอนที่เห็นคนเเขวนคอตายฟื้นขึ้นมาได้ หรือ ศพถูกหั่นเเยกส่วน ต่อชิ้นส่วนเองได้ ที่เห็นเมื่อสักครู่

    "ลองจับชีพจร ตัวเอง หรือ คุณหมอลองตรวจจับชีพจรให้คุณเเม่บ้าน คุณติ่งใช่มั้ยครับ ดูซิว่าจับเจอชีพจรมั้ย?!"

    เสาทำตาม. เริ่มจากตัวเธอเอง เมื่อจับข้อมือตัวเอง คลำตรงบริเวณชีพจร เธอหน้าซีดเผือด เธอย้ายไปจับบริเวณคอ หู เเละ ข้อพับบริเวณศอก จากนั้น เธอรีบคว้าข้อมือของติ่งขึ้นมา ตรวจดูโดยละเอียด 'อะไรเนี่ยยย คนยืนหัวเด่อยู่เเท้ๆ เเต่ไม่มีการเต้นของชีพจร เป็นไปได้งัยอ่ะ' เสาเริ่มงงกับตัวเอง

    "ใช่ครับ ที่ยืนกันทั้งสามคนตรงนี้ ไม่ใช่กายเนื้อ เเต่เป็นดวงจิต" สิทธ์เริ่มอธิบายด้วยความใจเย็น

    "สิ่งที่ผมกำลังจะอธิบายต่อไปนี้ อาจจะทำให้คุณทั้งสองคนช้อค เพราะฉะนั้นทำใจให้ดีๆไว้นะครับ" สิทธ์ หยุดชั่วครู่ พร้อมสังเกตุท่าทีของหญิงทั้งสอง

    "พวกเราทั้งสามหลุดเข้ามาอยู่ในมิติของวิญญาณ คุณเเม่บ้านอาจจะไม่ทราบ เเต่คุณหมอคงเคยได้ยินบ้างสินะครับ ถึงมิติที่ 4?"

    "ก็เคยได้ยินกันมาบ้างค่ะ เเต่ก็ยังไม่มีเอกสารทางวิทยาศาสตร์เเน่ชัด" เสาพูดเเบบลังเล

    "คือไม่เป็นไรครับ ลืมเรื่องเอกสารทางวิทยาศาสตร์ไปนะครับ เอาเป็นว่า ตอนนี้ ร่างกายของพวกคุณ เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้อย่างดี ว่าเราไม่ได้อยู่ในโลกธรรมดาเเน่ๆ เพราะคงไม่มีคนธรรมดาคนไหน ไม่มีลมหายใจ ไม่มีชีพจร เเต่ยังยืนอุตริพูดคุยกันเหมือนเราสามคนที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ เดี๋ยวนี้"

    เสาเเละติ่งเงียบ เเต่ก็เริ่มคล้อยตาม เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมาจริงทุกประการ!!!

    เมื่อเห็นทั้งสองเริ่มมีอาการสงบลง สิทธิ์จึงเริ่มอธิบายต่อ

    "ผมคิดว่า จากเเรงระเบิดที่โรงงาน เป็นไปได้ว่า ดวงจิตของเราทั้งสามถูกเเรงบีบอัดให้หลุดเข้ามาใน ช่องมิติโลกวิญญาณ ที่ผมอธิบายได้เป็นฉากๆ เเบบนี้ เพราะ ผมเห็นวิญญาณ มาตั้งเเต่ผม 6 ขวบ เริ่มเเรก ตอนเด็กผมก็ไม่เข้าใจ เเถมกลัวมากเสียด้วยซ้ำ พ่อเเม่ผมพาไปหาจิตเเพทย์มากมาย ก็ไม่มีใครสามารถทำให้ผมเข้าใจอะไรขึ้นมาได้ จนผมได้เจอ หลวงปู่รูปนึงที่มีญาณเเก่กล้า หลวงปู่สอนวิชา เเละ อธิบายเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณให้ผม จนผมเข้าใจ เเละ เริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้"

    หญิงทั้งสองนั่งฟังในอาการนิ่งเงียบ สิทธิ์เห็นดังนั้น จึงเริ่มอธิบายต่อ

    "โลกวิญญาณ หรือ ที่ชาวบ้าน เรียกกันว่า โลกของผี จริงๆ เเล้ว มันก็เหมือน กับกระจกของโลกมนุษย์ล่ะครับ มันเป็นการสะท้อนอยู่ของกันเเละกัน อยู่ได้ด้วยกันเเละกัน จะเห็นได้ว่า บางครั้ง เรามักได้ยินเรื่องราว เกี่ยวกับ วิญญาณ หรือ ผี ที่ปรากฏตัวในโลกมนุษย์ จริงๆ เเล้ว หลักการ คือ มิติที่ขั้นระหว่างสองโลก มันเกิดบิดเบือน จากเเรงอาฆาต เเรงเเค้นของวิญญาณตนนั้น จนกระทั่ง มิติทั้งสอง คือ มิติโลกมนุษย์ เเละมิติวิญญาณ มันบิดเข้าหากัน จนเป็นเนื้อเดียว"

    หญิงทั้งสอง ทำหน้า งง เป็นไก่ตาเเตก

    สิทธิ์ เห็นดังนั้น จึงรีบเปลี่ยนวิธีอธิบายให้ง่ายขึ้น

    " ให้คุณสองคน นึกถึงเส้นขนานสองเส้น สองเส้น เป็นตัวเเทน ของ มิติโลกมนุษย์ เเละ โลกวิญญาณ สองเส้นนี้ ยากมาก ที่จะมาบรรจบกัน เเต่ความยากนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ หาก ดวงวิญญาณ เกิดอาการตั้งมั่นมากๆๆ ซึ่งทั่วไปมักเกิดจากความอาฆาตเเค้น กับคนที่อยู่บนโลกมนุษย์ ความอาฆาตเเค้นเเป็นเหมือนลูกตุ้มถ่วงที่ทำให้ เส้นขนานตัวเเทนมิติโลกวิญญาณ เกิดการถ่วงวิ่งเข้าหาเส้นโลกมนุษย์"

    "เคร เข้าใจเเล้ว หลักการเเรงโน้มถ่วงสินะคะ" หมอพูด

    " ใช่ เพียง เเต่เเรงโน้มถ่วงเป็นเเรงทางกายภาพ หากเมื่อเปรียบกับดวงจิตอาฆาต เเล้ว จิตอาฆาตมีพลังมากกว่าหลายเท่าครับ"

    " คุณๆคะ คือ เอาเป็นว่า เราจะกลับไปโลกเดิมได้มั้ยคะ ชั้นอยากกลับไปหาลูก" ติ่งโพร่งพรวดขึ้นมา จนเสานึกเอะใจ ว่า หญิงเเม่บ้านพูดน้อยที่ดูมีความรู้น้อยคนนี้ เเท้จริงเเล้ว ไม่ได้โง่เลย เพียงเเค่ฐานะเเละพื้นเพเท่านั้นที่เป็นตัวเเปร ทำให้หญิงผู้นี้เป็นได้เเค่สาวโรงงานเเละเเม่บ้านจำเป็น

    "คำถามดีมากครับคุณเเม่บ้าน นั่นคือสิ่งที่ผมจะอธิบายต่อ การที่เราทั้งสามจะกลับไปยังโลกมนุษย์ เราจำเป็นต้องหาวิญญาณอาฆาตเเค้นมากๆ เพื่อให้จิตนั้นดึงมิติวิญญาณกลับเข้าหา มิติโลกมนุษย์ เเต่เเค่นั้นไม่พอ เราต้องทำสองสิ่ง จึงจะส่งผลให้เรากลับโลกมนุษย์ได้ ซึ่งผมบอกเลยว่ายากเอาเรื่อง"

    "ว่ามาเร็วๆค่ะ!!!! " ติ่งเเละเสา พูดพร้อมกัน

    "อย่างเเรก เราจำเป็นจะต้องทำให้จิตดวงนั้นระลึกถึงเหตุการณ์ หรือ คนที่ทำให้เค้าเสียชีวิต เพื่อให้เเรงอาฆาต บีบคั้นถึงขีดสุด เพื่อดึงเส้นมิติโลกวิญญาณเข้าหามิติโลกมนุษย์ ขั้นนี้ ดวงจิตผมซึ่งผ่านการฝึกมาเเล้ว สามารถทำได้ เพียงเเต่ผมจะต้องใช้สมาธิขั้นสูง เพื่อดึงวิญญาณอาฆาตนั้นย้อยอดีตก่อนตาย"

    "อย่างที่สอง เรียกว่า ดึงสติ ซึ่งก็คือ หลังจากที่วิญญาณอาฆาตตนนั้นสามารถระลึก เหตุการณ์ทั้งหมดก่อนเค้าตาย วิญญาณอาฆาตนั้นจะมุ่งสู่สาเหตุการตายของเค้าในโลกมนุษย์ หลังจากกลับสู่โลกมนุษย์เเล้ว วิญญาณอาฆาตดวงนั้น จะทำพฤติกรรมก่อนตายจนถึงตอนตายซ้ำเเล้ว ซ้ำอีก ตรงบริเวณที่เค้าตายในโลกมนุษย์ ณ เวลานั้น จิตอาฆาต จะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น จิตอาฆาต จะเลียนเเบบการตายที่ไม่ธรรมดาของเค้า ก่อนเสียชีวิตจนเสียชีวิต โดยปราศจากสติรู้ตัว นี่คือสาเหตุที่วิญญาณไม่ไปเกิด เพราะขาดสติ ผมคิดว่า พวกคุณคงเห็นกันตัวอย่างกันมาบ้างเเล้ว ขณะนี้ที่อยู่ในโลกวิญญาณ" สิทธิ์ยังคงพูดต่อ

    "เราจำเป็นที่จะต้อง ทำให้วิญญาณอาฆาตนั้นเกิดสติรู้ตัว ทั้งนี้ ในระหว่างที่เค้าทำพฤติกรรมก่อนตายจนถึงตายซ้ำๆเราจะมีโอกาส เดาเพียง 3 ครั้ง ในการเลือกที่จะเข้าไปขัดจังหวะ เเพทเทิร์นของการเสียชีวิตนั้น โดยที่จุดประสงค์ ของการเปลี่ยนรูปเเบบ จะต้องนำไปสู่ จุดจบที่ทำให้เค้าไม่ตาย หากเค้ายังตาย หมายถึงรูปเเบบยังไม่เปลี่ยน การเปลี่ยนรูปเเบบที่ทำให้ตอนจบเปลียนนี้จึงจะทำให้วิญญาณอาฆาตเกิดสติ เเละรู้ตัวว่าตัวเองวนเวียนในที่ที่ไม่ควรอยู่ เเล้วกลับสู่โลกวิญญาณ หรือไปผุดไปเกิด"

    "ทำไมต้อง 3 ครั้งคะ?" หมอเสารีบถาม

    " ที่ว่า 3 ครั้ง เพราะเป็น โอกาสที่น้อยที่สุด ที่พอจะเป็นไปได้ที่วิญญาณอาฆาต จะไม่สังเกตุเห็นพวกเรา อย่างศพที่ตัวต่อกันที่วิ่งไล่คุณมาเมื่อกี๊ นั่นคือตัวอย่างที่วิญญาณอาฆาตสังเกตุเห็นดวงจิตมนุษย์ เพราะดวงจิตมนุษย์มีความพิเศษ ในสายตาของวิญญาณอาฆาต ก็เหมือน อาหารเลิศรสหากได้กินเข้าไป เเละถ้ามันกินเข้าไป ก็จบเห่ game over ครับ ดวงจิตมนุษย์จะปรากฏเป็นเเสงขาวนวลในสายตาพวกมัน ซึ่งนี่ก็คือสาเหตุที่ผมอุดปิดช่องลม ทั้งนี้ เพื่อกันไม่ให้วิญญาณอาฆาตสังเกตุเห็นเเสงจากดวงจิตของพวกเรา"

    "เเล้วเราจะหาวิญญาณอาฆาตเเรงได้ที่ไหน" ติ่งออกความเห็น เสาถึงกับเริ่มอึ้ง ในความฉลาด พูดน้อยต่อยหนัก ของสาวโรงงานคนนี้

    " ครับ อย่างวิญญาณศพตัวติดกันได้เมื่อกี้ นับว่าไม่เลว เเต่มันสังเกตุเห็นดวงจิตคุณสองคนเข้าให้เเล้ว คงใช้ไม่ได้ เราคงต้องหาวิญญาณอาฆาตตนอื่นกัน" สิทธิ์ตอบด้วยท่าทีครุ่นคริด นิ่งเฉย เหมือนกับสิ่งที่พูดออกมาเป็นเรื่องธรรมดาๆ

    หมอเสารีบตะโกนเเทรกขึ้นมา ว่า "นี่คุณกำลังหมายความว่า ให้พวกเราออกไปเสี่ยงถูกกินในโลกวิญญาณ พูดง่ายไปมั้ยคะ" เสาเริ่มหงุดหงิดกับคำพูดของสิทธิ์ ที่เธอคิดว่าไม่ make sense เอาซะเลย กับการที่ต้องให้ทุกคนเข้าไปเสี่ยง

    "เเล้วพวกคุณอยากกลับโลกมนุษย์กันมั้ยล่ะครับ?" เสาเงียบ หมดข้อโต้เเย้ง

    "ถ้าพวกคุณอยากกลับ ก็ต้องเสี่ยง อีกอย่าง ผมไม่อยากให้พวกคุณคิดในเเง่ร้าย ว่าเราออกไปเสี่ยงถูกกิน กลับกันครับ........" สิทธิ์ หยุดพูด เพื่อดึงความสนใจของหญิงทั้งสองให้อยู่ที่ตน เป็นเทคนิคที่เค้ามักทำเสมอๆ เวลาที่ต้องไปขายโปรเจกต์ใหญ่ๆกับลูกค้า ที่เริ่มสับสน เเละพะว้าพะวัง

    "เราทั้งสามคน จะออกไปล่าวิญญาณกันครับ!!!"

    -----------------------------------------------------------------------
    จบ บทที่ 4 ติดตามต่อ ตอนหน้า

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in