เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Soul Dimension มิติวิญญาณSetthapa Bree Settaphakorn
บทที่ 2 Soul Dimension มิติวิญญาณ หลบหนี Escape



  • "กรี้ดดดดดดดดดดด คนฆ่าตัวตาย" เสา ตะโกนสุดเสียง กับ อารามช้อค ที่เเทบไม่อยากจะเชื่อกับสายตาตัวเอง ตอนนั้น เธอรวบรวมสติ เเละอาจเป็นเพราะ สัญชาติญาณเเพทย์ ทำให้เธอรีบวิ่งเข้าไปใกล้ชายที่ผูกคอ ทั้งที่เธอรู้อยู่เเล้วว่า การใช้น้ำหนักตัว ทิ้งลงมาทั้งเเบบนั้น จะมีผลทำให้กระดูกคอเคลื่อนทับระบบประสาท มีผลทำให้เสียชีวิตทันที เเต่เพราะ ความเป็นเเพทย์ ทำให้ยังงัยก็ต้องเข้าไปดู

    'ถ้ารอดก็เเปลก' เสาเข้าไปใกล้ เพียงมองเเวบเดียวก็ทราบทันทีว่าชายคนนี้น่าจะเสียชีวิตเเล้ว ใจคิดอยากเอ้อมมือไปตรวจชีพจร เเต่เพราะต้นไม้อยู่สูง ทำให้เอื้อมไม่ถึง

    ทันใดนั้นเอง เสา เเทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง ชายคนที่เธอเพิ่งลงความเห็นว่า เสียชีวิต กลับเอื้อมมือขึ้นไปจับกิ่งไม้ ดึงตัวเองขึ้นไปอยู่เหนือกิ่งไม้ คลายผ้าขาวออกจากกิ่งไม้ เก็บยัดใส่กระเป๋า ปีนต้นไม้กลับลงมา เดินถอยหลังหันกลับไปมองที่บริษัทที่ไหม้วอดวายไม่เหลืออะไรเลย ชายคนนั้นกรีดร้องโหยหวนเหมือนจะขาดใจตาย เค้าหันหลังกลับมาใหม่ ปีนต้นลีลาวดีต้นเดิมขึ้นไปที่กิ่งเดิมที่เค้าเพิ่งผูกคอตายเมื่อสักครู่ ดึงผ้าขาวออกจากกระเป๋า ทิ้งตัวลงพร้อมเเขวนคอตายทันทีอีกรอบ

    'นี่มันอะไรกันนี่' เสาขาอ่อน ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น สิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้เเละเข้าใจโดยสิ้นเชิง เธอรู้สึกช้อค งง เหนื่อย เเละอ่อนเเรง

    เธอยกมิอขึ้นมา ตบหน้าตัวเองอย่างเเรงหนึ่งฉาด 'ก็ไม่ได้ฝันไปนี่'

    เสาพยายาม รวบรวมเเรงเท่าที่มี ลุกขึ้นยืน วิ่งกึ่งเดิน พยายาม วิ่งออกไปที่ถนน เผื่อว่า อาจมีหน่วยกู้ภัย ไม่สิ ขอเเค่มีใครสักคน ที่เธอพูดคุยด้วยได้ เธอคงร้องไห้โฮกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเเน่ๆ อีกใจเธอคิดถึงหน้าพ่อหน้าเเม่ขึ้นมา คิดเเล้ว น้ำตาก็ไหลซึมออกมา เธอพยายามรีบวิ่งกึ่งเดิน เพื่อไปให้พ้นจากบริเวณที่เกิดระเบิด หนีจากภาพคนฆ่าตัวตายที่ย้อนกลับไปกลับมา เหมือนคนกดปุ่มรีไวน์

    เสาวิ่งออกมาจนถึงบริเวณถนน ถัดมาจากที่เกิดเหตุ พลางคิด 'หมาสักตัวยังไม่เห็นเลย คนหายไปไหนกันหมด' เสาเเปลกใจอย่างมาก ธรรมชาติคนไทยที่เธอรู้จัก เรื่องใหญ่ระดับนี้ ต้องมีทั้งนักข่าว ไทยมุง หน่วยดับเพลิง ตำรวจ ปอเต็กตึ้ง นี่มันยังไงไม่มีใครเลย ระหว่างคิด เสาร์เอื้อมมือล้วงกระเป๋าหวังเจอโทรศัพท์ เเต่ก็ไม่มี

    ระหว่างที่เดินต่อมาจนถึงกำเเพงที่ตั้งของอีกบริษัท

    "คุณค้า ช่วยด้วยยยยยยย!!!!!!!!" เธอรีบตะโกนสุดเสียงใส่ผู้หญิงคนนึงที่ตอนนี้เธอเริ่มเห็นไม่ค่อยชัด เพราะเลนส์เเว่นตอนนี้ สกปรกเลอะเทอะ เต็มไปด้วยฝุ่นควันผงขี้เถ้า เเต่ เธอเหมือนจะลืมเเละไม่ใส่ใจว่าเลนส์เเว่นสายตาเธอสกปรก เพราะ ใจหมกมุ่นกับการเอาชีวิตรอด เเละความกลัวที่จับเข้าไปถึงขั้วหัวใจ

    หญิงคนดังกล่าวหันมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ระคนดีใจไม่เเพ้กัน

    "อ้าวววววว คุณหมอออออ!!!!! คุณหมอใช่มั้ยค้า!!!??"

    เสาร์ดีใจ เริ่มพยายามมองลอดเเว่น เพื่อดูหน้าคนที่เรียกตนเองว่าคุณหมอให้ชัดๆ"

    "ติ่ง!!!! ใช่ติ่งใช่มั้ย ทำไมติ่งมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ ชั้นฟื้นขึ้นมา ก็ไม่เห็นใครเลย เห็นเเต่ บริษัทเเละโรงงาน ไหม้เป็นจุลไปหมดเเล้ว คนอื่นล่ะ เเล้วติ่ง เห็นคุณคนหล่อ ที่นั่งคุยกับชั้นในห้อง ก่อนระเบิดมั้ย เค้าไปไหนเเล้ว" (คือรอดตาย เหนื่อย เเต่ก็นะ ความคันก็ยังหลงเหลือให้เห็นบ้างประปราย)

    "ติ่งไม่ทราบค่ะ พอติ่งฟิ้นขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่า มาโผล่ตรงถนนใหญ่นี่ได้ยังงัย ติ่งพยายามอยากเดินกลับไปที่บริษัท เพราะเห็นควันโขมง เเต่ยังไงไม่ทราบ ติ่งพยายามจะเดินกลับไป เเต่เดินไปเดินมาก็วนอยู่กับที่ กลับไปบริษัทไม่ได้ค่ะ"

    "กลับไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับติ่ง มันไม่มีอะไรเหลือเเล้ว มีเเต่ควัน ฝุ่น ขี้เถ้า ชั้นว่า เรารีบออกไปหาคนช่วยเถอะ เเปลกจริงๆ ที่ชั้นไม่ยักเห็นใครสักคน รถสักคันวิ่งผ่านก็ไม่มี รถของชั้นก็หายไปไหนก็ไม่รู้ คงไหม้เป็นเถ้าไปหมดเเล้วมั้ง ไปเถอะติ่ง รีบไปหาคนช่วย" ใจจริงเสาอยากเล่าถึงเหตุการณ์คนเเขวนคอตะกี้ให้ติ่งฟัง เเต่เปลี่ยนใจ เพราะไม่คิดว่าเล่าเเล้วจะช่วยให้อะไรดีขึ้น

    "ค่ะ คุณหมอ คุณหมอเดินไหวมั้ยคะ?" ติ่งถาม 'ในยามนี้ คงต้องช่วยเหลือกัน เพราะมีเเค่สองคน ติ่งคิด 'คงไม่เสียเวลามากหรอก'

    ว่าเเล้วทั้งสองคนก็พยายามเดินไปทางถนนใหญ่ หวังใจว่าจะมีรถผ่านมาสักคัน ช่วยรับเธอสองคนไปโรงพยาบาล

    ทั้งสองค่อยๆเดินด้วยความอ่อนเเรง เดินมาจนถึงบ่อบำบัดน้ำเสีย

    ระหว่างที่เดินผ่านบ่อบำบัดน้ำเสีย ทั้งติ่งเเละหมอ เห็นกระเป๋าสองใบที่ตั้งอยู่ด้านข้างของบ่อบำบัดติดกับทางเดิน

    อยู่ดีๆกระเป๋าสองใบก็ขยับได้เอง!!!!!

    กระเป๋าสองใบ ขยับกลิ้งจน ตกไปในบ่อบำบัด กระเป๋าทั้งสองใบ เป็นกระเป๋าซิปผ้าร่ม สีดำสนิททั้งสองใบ

    สักพัก กระเป๋าใบเเรก ซิปที่เดิมปิดสนิทก็ค่อยๆ รูดออก กระเป๋าขยับไปมาจนหลิกคว่ำบนน้ำ สิ่งที่หลุดออกมา กลับเป็นศรีษะคนที่ขาด เเยกออกกับช่วงลำตัว ทั้งคอเเละลำตัว สักพัก คอก็กลับเข้าไปติดกับช่วงลำตัวเหนือน้ำ เรื่มเห็นเค้าว่าเป็นชายวัยกลางคน ที่เสมือนว่าถูกฆ่าหั่นศพ

    เสาเเละติ่ง ยืนนิ่งดูเหตุการณ์ ไม่กล้าเเม้เเต่จะขยับ อยากจะกรีดร้อง เเต่ความกลัวกับภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้ร้องไม่ออก

    สักพัก ศพของชายที่มีเเต่หัวเเละลำตัวกลับพลิกขยับตัวในน้ำ ยิ่งทำให้เห็น เส้นเลือดเเละเครื่องในบริเวณที่ถูกตัดขาด น่าสยดสยอง

    ศพพยายามดิ้นรนในน้ำ เพื่อขยับ ไปหากระเป๋าอีกใบ ครั้นเมื่อถึง ศพชายคนนั้น. ใช้ปากคาบซิบ รูดเปิดออก จากนั้น ใช้ปาก เพื่อ เหวี่ยงให้ ของที่ใส่อยู่ภายในกรเป๋าอีกใบหล่นออกมา

    ไม่ต้องสงสัย ของที่หล่นออกมา ก็คิอ อวัยวะของชายคนนั้นส่วนที่เหลือ จากนั้น ส่วนต่างๆของชายคนนั้นเริ่มไหลเข้ามารวมกันเหนือน้ำ เเละ ค่อยๆ ต่อกันติดสนิท!

    ชายคนนั้นเรื่มยืนขึ้นในน้ำ

    "กรี้ดดดดดดดดดดดด" เสาทนไม่ไหว ร้องสุดเสียง เเต่ครั้งนี้ ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ผู้ชายที่ก่อนหน้าเป็นศพคนนี้ กลับหันขวับมองมาที่ติ่งเเละ เสา ด้วยใบหน้าที่โกรธ กับสายตาที่เคียดเเค้น เเละกำลังว่ายน้ำ พุ่งตรงมาหาเธอทั้งสอง

    "คุณหมอคะ วิ่ง ค่ะ วิ่ง!!!" ติ่งพยายามฉุดเสา เเต่เสารู้สึกขาไม่มีเเรง ก้าวขาไม่ออก

    ชายที่มีอวัยวะที่ต่อเเบบวิ่นๆคนนั้นค่อยๆ ปีนขึ้นจากท่อบำบัดน้ำเสีย เเละเตรียมวิ่งตรงมายังติ่งเเละเสา

    "กรี้ดดดดดดดดดด" ทั้งสองวิ่งหนีเเบบไม่คิดชีวิต ชายประหลาดวิ่งตามพวกเธออย่างไม่ลดละ จนทั้งสองวิ่งผ่านหลืบกำเเพง ที่ขั้นระหว่าง บริษัทสักพัก มีมือเอื้อมออกมาจะบมือของหญิงทั้งสองฉุดให้หลบเข้าไปในหลืบ

    เสาเตรียมกรี้ด เเต่มีมือมาปิดปากไว้ ไม่ให้ส่งเสียง

    "ผมเอง คุณหมอ!!!!!"
    --------------------------------------------------------------------------
    จบบทที่ 2 ติดตามต่อตอนหน้านะคะ

    บรีบรี






เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in