เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Soul Dimension มิติวิญญาณSetthapa Bree Settaphakorn
บทที่ 1 Soul Dimension มิติวิญญาณ ถูกเลือก The Chosen


  • 8:30 AM เช้าวันจันทร์ ที่ 11 เมษายน เวลา 8 โมงตรึ่ง


    "วันนี้ ต้องเป็นวันที่ดีอีกวัน" สิทธิ์ นั่งคิดใจลอย ระหว่างขับรถ บนถนนสายหลักในกรุงเทพ พลางคิดในใจ "รถติดนี่เเหละ ที่มันจะทำลายวันดีๆ เเละ ทำรมเสีย ก่อนที่วันจะเริ่ม"

    สิทธิ์ หนุ่มออฟฟิศหน้าตาดี ปัจจุบันโสด ด้วยวัยเพียง 29 ปี เค้าก้าวถึงตำเเหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายการขาย ของบริษัทเอกชน เเห่งหนึ่ง ที่จัดว่า เป็นบริษัทขายเครื่องเขียนที่มีเเบรนด์เป็นที่รู้จักทั่วไป เป็นเเบรนด์ชั้นนำอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้

    ระหว่างที่รอรถติดไฟเเดง บนถนนเส้นเดิม ที่สิทธิ์ขับผ่านทุกวันเป็นประจำ มีรถมอเตอร์ไซค์คันนึง ขับเเทรกรถคันอื่นขึ้นมา จนถึงไฟเเดง

    'ลุงกับเด็กคนนี้ เห็นกี่ทีก็สงสาร' สิทธิ์คิดในใจ สายตาของสิทธ์ มองตรงไปที่ลุงวัยกลางคนที่นั่งมอเตอร์ไซค์เก่าๆ ด้านหลังมีเด็กหญิงอายุราวๆ 10 ขวดซ้อนท้าย ใส่ชุดนักเรียน คุณลุง ขับ รถมอเตอร์ไซค์ ด้วย สปีดที่ไม่ได้เร็วนัก ขับผ่า สี่เเยก

    "โครมมมมม" รถเก๋ง ฮอนด้า ที่ขับมาด้านตรงข้าม เหมือนจะเลี้ยวขวา ชนเสย คุณลุงกับเด็ก จนตัวปลิวกระเด็นออกจากมอเตอร์ไซค์ทั้งคู่ ทั้งสองกระเด็นขึ้นไปบนฟ้า เเล้วตกลงมา เเอ้ก เหมือนกลั้วยทับที่ถูกเเรงอัดไปกับท้องถนน คุณลุงพงาบๆคลานไปดูหลานที่ดูก็รู้เลยว่า เสียชีวิตทันที เพราะคอเเละกะโหลกศรีษะกระเเทกพิ้นดังกร้อบ พอเห็นหลานสิ้นใจ คุณลุงก็สิ้นใจตาม

    สิทธ์เฝ้ามองเหตุการณ์จนจบ ครั้นเมื่อจบเเล้ว ทุกอย่างกลับเหมือนเริ่มต้นใหม่ คุณลุงเเละเด็ก กลับปีนขึ้นมอเตอร์ไซค์ ถอยหลังกลับสู่จุดเดิม เเละเดินหน้าใหม่ เพื่อให้รถ ฮอนด้าสีขาว กลับมาชนให้กระเด็น จนตกลงมาอีก เป็นเช่นนี้ซ้ำๆ วนเวียนไม่มีววันจบ

    ถึงเห็นจนจำได้ ถึงดูอยู่ทุกครั้งที่ขับผ่าน สิทธิ์ก็อด รู้สึกสงสาร กับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้

    'ความตายที่ไม่ธรรมดา อันที่คนมักเรียกว่า ตายโหงนั้นเเหละ จะทำให้วิญญาณ ติดอยู่ที่บริเวณนั้น ไปไหนไม่ได้ ต้องรับกรรมด้วยการ ผ่านเหตุการณ์นั้น ซ้ำเเล้วซ้ำอีก ไม่มีวันจบสิ้น'


    'จะช่วย ก็ยุ่งยาก' สิทธิ์ คิดในใจ ระหว่างนั้น ไฟที่สี่เเยก ก็เปลี่ยนเป็นเขียวพอดี สิทธิ์ ถอนหายใจ พร้อมขับออกตัวไป มุ่งหน้าต่อไปยังที่บริษัท

    -------------------------------------------------------------------------

    11.00 AM เช้าวันจันทร์ ที่ 11 เมษายน เวลา 11 โมง

    ติ่งต่อคิวซื้อ ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ กับเเม่ค้าเจ้าเดิม ที่โรงอาหารของบริษัท ปากกา ชั้นนำเเห่งนึง

    " วันนี้ มีเงินพอให้ค่าขนมลูกไปโรงเรียน สองคน เเค่ 20 บาท" ติ่งคิด สงสารลูกตัวเอง เเละ สถานภาพ ของตัวเอง ที่ยากจนอัตคัด กับหนี้สิน ที่กองท่วมหัว เพราะ ไอ้ดอนสามีที่เลิกรากันไป เเละหนีหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ที่เหลือไว้ คือหนี้เป็นกระบุงโกย ที่ ติดเจ้าหนี้ เค้าไปทั่ว เอาเป็นว่า ทุกที่ที่สามีของติ่งเหยียบ มักไม่มีอะไรดีๆ ที่ทำไว้ นอกจากสร้างหนี้ให้เธอต้องชดใช้

    ติ่งยกก๋วยเตี๋ยว ขึ้นมา จาก เคาน์เตอร์ พร้อมจ่ายตัง ใจจริงเธออยากเอิ้อมหยิบ ขนมโดนัท ที่ เเม่ค้าร้านก๋วยเตี๋ยวมาตั้งขายไว้ โดนัทธรรมดาๆ เคลือบน้ำตาลเกล็ดอันละ 10 บาท ติ่งมอง เเละ กลืนน้ำลาย พร้อมสะกดใจ

    'ไม่ต้องกิน เพราะต้องออม เป็นค่าขนมให้ น้องติ๋ว กับ น้องตาล พรุ่งนี้' เธอ คิดในใจ เเล้ว รีบหันขวับ ยกชามก๋วยเตี๋ยว ไปตรงจุดบริการที่ ทางบริษัท เตรียม เครื่องปรุง เเละ ผัก ฟรี ไว้คอยบริการ ติ่งมักจะเติมผัก (มะระดิบ) จนล้นชามเสมอ ความยากจน สอนให้เธอ กอบโกย กับทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่าฟรี เเน่นอนใจจริง ติ่งก็อยากทานอย่างอื่น เเต่ก๋วยเตี๋ยวมะระนี่เเหละ ที่ถูกที่สุดเเล้วในโรงอาหารเเห่งนี้

    ติ่งเดินไปที่โต้ะ กับเพื่อน สาวโรงงาน ที่นั่งคุยกันโฉมงโฉงเฉง ติ่งนั่งลง ไม่พูดกับใคร ก้มหน้าก้มตา กินก๋วยเตี๋ยวต่อไป

    'การไม่ต้องยุ่งกับใคร ไม่พูดมาก ไม่ช่วยเหลือใคร มัก จะทำให้ไม่เดือดร้อน' ประสบการณ์ สอนให้ติ่งรู้ว่า การพูด รับฟัง หรือ การเข้าไปยุ่งกับใครมากๆ มักจะนำพาให้ เกิดเรื่องเสมอ ไม่ว่า จะต้องเสียใจ บางครั้งเสียทรัพย์ หรือ เสียเวลา ซึ่งสำคัญกับเธอมาก เพราะเธอทำงานเป็นกะ วันละหลายๆกะ พร้อมลูกสาวสองคนที่ต้องดูเเล หลายๆครั้งเธอรู้สึกท้อถอยกับภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง จนถึงกับเเอบร้องไห้คนเดียวให้กับชีวิตที่เธอรู้สึกว่ามันช่างบัดซบเสียเหลือเกิน

    'ต้องรีบกินเพราะเดี๋ยวกะต่อไปก็จะเริ่มเเล้ว วันนี้ โชคดี คุณเล็ก ส่วนสำนักงาน บอกว่า วันนี้ ฝั่งสำนักงาน เป็นวันตรวจสุขภาพ ประจำปี มี หมอ เเละนางพยาบาล มาใช้สถานที่ ลำพังเเม่บ้านปรกติ เก็บกวาดไม่ไหว จึงต้องการจ้างติ่งพิเศษ ไปช่วยเก็บกวาด' ติ่งพลางคิด เเละก็อดยิ้มไม่ได้ ที่วันนี้ เธอจะได้ค่าทำความสะอาดเป็นเงินพิเศษ เพื่อเอาไปจ่ายดอก กับหนี้ เงินกู้กับ เจ้กร้านเหล้า หน้าปากซอยบ้าน

    ่โลกนี้คนเราทุกคนก็ต้องเห็นเเก่ตัวเองมาก่อน ทั้งนั้นเเหละ ไม่มีเวลาจะพูดคุย ลืมไปเลยเรื่องช่วยคนอื่น ' คิกดได้ดังนั้น ติ่งก็รีบก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยว เตรียมพร้อมที่จะทำงานกะต่อไป

    ------------------------------------------------------------------------

    5:00 PM เย็นวันจันทร์ ที่ 11 เมษายน เวลา 5 โมงเย็น

    "หมอคิดว่า จากผลตรวจ โดยภายนอก ยังไม่ได้ดู ผลปัสสาวะ เเละผลเลือด คุณดูเเข็งเเรงดีนะคะ" เสา เเพทย์สาวฝึกหัด พูดพร้อมมองลอดผ่านเเว่นมาที่ชายหนุ่มที่นั่งฟังผลตรวจอยู่ตรงหน้า ใจคิดว่า หล่อเหลือเเสน อิอิ นี่ถ้าไม่เกรงใจ คิดว่า อยากตรวจให้ลึกจะได้รู้ซึ้งไปมากกว่านี้

    "ขอบคุณมากครับหมอ เอ้อ ผมยังไม่ได้ถามเลยว่าคุณหมอ ชื่ออะไรครับ"

    'นั่นเเน่' เสาร์คิดในใจ เอาเเล้ววววววว มีลุ้น นี่ ตั้งเเต่เรียนจบกลับมา ยังไม่มีเเฟนกับเค้าสักที พ่อหนุ่มคนนี้ หืม หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ ดูจากการเเต่งเนื้อเเต่งตัว เนี้ยบตั้งเเต่หัวจรดเท้า อย่างนี้ เค้าต้องฐานะหน้าที่การงานดีในบริษัทนี้เเน่ (ผิดกับพวกที่ตรวจมาทั้งวัน ไม่ อ้วนพุงพลุ้ย ก็ หัวล้าน หาดีไม่มีเลย

    " ชื่อเสาค่ะเเล้วคุณ?"

    " ขออนุญาตินะค้า" เเม่บ้านชั่วคราว เดินเเย้มกรายเข้ามาในห้องพอดิบพอดี

    ' ให้มันได้อย่างนี้สิน่า' เสาร์คิดในใจ 'จังหวะของเธอ มันช่างผิดอะไรอย่างนี้!!!'

    " เข้ามาเลยจ้ะ คุณเล็ก สั่งไว้เเล้ว ว่า จะให้คนมาช่วยเก็บกวาด กับยกของ เเละ ช่วยชั้นเก็บอุปกรณ์กลับ ชื่อติ่งใช่มั้ยจ้ะ?". ปากพูดไปด้วยน้ำเสียงไพเราะในใจกลับคิด ่เเต่ที่ไม่ได้สั่งไว้ คือ เธอจะเข้ามาตอนชั้นกำลังจะเข้าได้เข้าเข็มนี่เเหละ' เสา คิดในใจ พร้อมพยายามเก็บอารมณ์ขุ่นมัว

    "ค่ะคุณหมอ" ระหว่างที่ติ่งกำลังจะเขยิบเข้ามาช่วยหมอ ยก กระบะเก็บตัวอย่างปัสสาวะน้นเอง

    "เเอดดดดดดดดดดดดดดด" เสียงออด ดังสนั่น ไปทั่วทั้งบริษัท เสียงดังกระหึ่มคล้ายออดไฟไหม้

    "เกิดไรขึ้นคะ?" เสาเริ่มลุกลี้ลุกลน สายตาหันไป ทำท่า อ่อนเเอ ให้กับชายหนุ่มที่พึ่งเจอกันครั้งเเรก ใจนึกหวังว่า เค้า จะ ต่อสานไมตรี ชวนเธอไปทานข้าวเย็น ไรเเบบนี้

    "ไม่มีไรหรอกครับ ออดสัญญาณเตือน ของเหลวฝั่งโรงงาน รั่วซึมนะครับ รอซักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะลองโทรไปถามโอเปอร์เรเตอร์ ว่าเเล้ว สิทธิ์ รีบยกโทรศัพท์ เพื่อเช็คสถานการณ์กับโอเปอร์เรเตอร์

    " ตึ้ด ตึ้ด ตึ้ด" เสียงสัญญาณโทรไม่ได้ ระหว่างนั้น เสาก้มลงดูสัญญาณมือถือก็ไม่มี ทั้งสามเริ่มรู้สึกถึงความร้อน เพราะ เครื่องปรับอากาศก็หยุดทำงานเช่นกัน ระหว่างนั้น ควันเริ่มลอด ประตูเข้ามาภายในห้อง มากขึ้น มากขึ้น จนทั้งสามคนเริ่ม จะมองไม่เห็นกันเเละกัน

    " บรึ้มมมมมม!!!!" เสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้อง .......... ทั้งสามหมดสติลงทันที!!

    ----------------------------------------------------------------------

    "กรี้ดดดดดดดด" เสา ตื่นขึ้น มา คนเดียว ที่เดิม เเต่ตอนนี้ ทั้งห้อง หลับกลายเป็นเหมือน เตาถ่านที่เพิ่งดับ มีเเต่ ฝุ่น ควัน เเละ ผงธุลี ที่ปลิวไหม้ คละคลุ้งไปทั่ว. เสารีบฉุดตัวเองลุกขึ้น พร้อม รีบก้าวเท้า หวังใจออกไปภายนอกตัวอาคารทันที จริงๆ เเล้ว นับเป็นข้อดี ที่ก่อนหน้านี้ เธอ อยู่ที่บริษัทนี้ มาทั้งวัน พร้อมกับ เดิน เข้าออก เพื่อ หยิบของเเละอุปกรณ์ เเพทย์ ทำให้เธอ จำ ทางที่จะไป ได้ค่อนข้าง เเม่น (จริงๆ เเล้ว ทางมันเปิดออกหมดเเล้วต่างหาก เพราะระเบิดไฟไหม้หมด) เธอ สาวเท้า เท่าที่เเรงจะอำนวย เมื่อ พ้นบริเวณที่เหมือนกับ ประตูของตัวอาคาร เธอรีบกวาดตาหาหน่วยกู้ภัย หวังใจรีอยากหนีไปบริเวณปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

    สายตาเธอปราดไปทั่ว เเต่ก็ไม่เห็นใคร

    'ทำไมไม่มีใครเลยยย' เธอคิดในใจ หร้อม พยายามตั้งสติ ทำใจให้สงบ เเว่บนึง เธอ เห็นผู้ชายรูปร่างสันทัดคนนึง วัยกลางคน ยืนอยู่หลังต้นลีลาวดี หน้า บริษัท จึงรีบรุดเดินไปหา หวังจะถาม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันเเน่เนี่ย

    " คุณ ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วย"" เสียงที่พยายามจะตะโกนให้ดังกลับค่อย อาจเป็นเพราะเธอสูดเเละสำลักควันเข้าไปมาก เสายังคงรีบวิ่งไปหาชายหลังต้นไม้คนเดิม ทั้งเดิน ทั้งวิ่ง ทั้ง ตะโกน ทั้งกวัก มือเรียก ทำทุกอย่าง เท่าที่เเรงจะมีให้ทำ

    ครั้นเมื่อเข้าไปใกล้ ในระยะ ประมาณ 10 เมตร

    เธอกลับเห็นชายคนนั้นพยายามไต่เเละ ปีนขึ้นต้นลีลาวดี ครั้นเมื่อถึงตรงรเวณกิ่งที่สูงที่สุด ชายคนนั้นหยุดนั่งอยู่กับที่ ขาคร่อมกิ่งต้นไม้ เเล้วดึงผ้าสีขาวออกจากกระเป๋า ผูกเข้ากับต้นไม้ หย่อนตัวลงมา พร้อมเเขวนคอตายทันที!!!!!!

    จบตอนที่ 1 (ขอบคุณที่ติดตาม เเล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้านะค้า

    บรี บรี
    --------------------------------------------------------------------------

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in