นอกเหนือจากการสอบปลายภาคแล้ว ยังมีสอบ TOEFL ITP อีกด้วย

คือผมสมัครไปตอนช่วงต้นเดือนเพื่อที่จะเอาคะแนนไปใช้สมัครทุนต่อ แต่ความซวยบังเกิดคือทุนที่ว่าเขาเปิดให้สำหรับคนที่เพิ่งเข้ามาเรียนในปีนี้เท่านั้น แล้วผมซึ่งเรียนป.โทมาแล้วเกือบปีนั้นก็หมดสิทธิ์สิ อ้าว เงินก็เสียไปแล้วเรียกกลับมาไม่ได้ ก็ต้องจำใจสอบกันไป

ของผมสมัครที่มหาลัยก็จะเสียเงินถูกลงมานิดนึงคือ 1300 บาท สำหรับการสอบครั้งนี้บอกตามตรงว่า ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย เพราะไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว แต่สำหรับหลายๆคนคงคาดหวังพอสมควรเพราะส่วนใหญ่เขาต้องการคะแนนที่ 500 คะแนน เพื่อไปใช้ทำนู่นทำนี่ต่อไป 

สำหรับข้อสอบจะแบ่งเป็น 3 ส่วน

ส่วนแรกจะเป็น Listening เป็นข้อสอบการฟัง ซึ่งก็จะมีสามส่วนย่อยด้วยกัน 

อันแรกจะเป็นบทสนทนาสั้นๆคนละประโยค แล้วเขาก็จะถามประมาณว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นหมายถึงอะไร หรือสิ่งที่เขาพูดเขากำลังเจอปัญหาอะไรอยู่ โดยส่วนใหญ่ "เขา" ที่ว่าจะเป็นคนพูดคนที่สอง

อันที่สองจะเป็นบทสนทนาแบบยาว ให้เราฟังทั้งหมดแล้วตอบคำถาม ซึ่งหนึ่งบทสนาทนาจะมีคำถามถามประมาณ 3-4 คำถามด้วยกัน

อันสุดท้ายเป็นเสียงจากการบรรยายวิชาต่างๆ ให้ฟังแล้วตอบคำถามเช่นเดียวกันกับอันที่สอง

ส่วนที่สองจะเป็น Structure จำพวกรูปประโยคไวยากรณ์ ซึ่งก็จะมีแบบเติมคำในช่องว่างให้ประโยคถูกต้องสมบูรณ์กับ Error Identification คือให้หาว่าส่วนไหนของประโยคที่ผิดไวยากรณ์

ส่วนสุดท้ายจะเป็น Reading คือเป็นส่วนให้เราอ่านเรื่องต่างๆ แล้วตอบคำถามนั่นเอง

ทีนี้ ประเด็นอยู่ที่ว่าผมไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย และแทบจะไม่ได้ลองทำข้อสอบแบบจับเวลา แถมเป็นการสอบครั้งแรกในชีวิตด้วย ก็เลยค่อนข้างตื่นเต้น และบอกก่อนว่าในการสอบครั้งนี้เครื่องเขียนไม่ต้องเอามา เพราะเขาเตรียมไว้ให้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว และการตรวจเรียกได้ว่าเข้มสุดๆถึงขั้นเอาเครื่องตรวจโลหะแบบพกพามาสแกนด้วย พอนั่งโต๊ะเสร็จเขาก็จะให้เวลาในการฝนชื่อ เลขประจำตัว และข้อมูลต่างๆให้เรียบร้อย 

ในการทำข้อสอบนี้ เขาจะให้ทำในส่วนที่สองกับสามก่อน แล้วเขาจะกลับมาให้ทำในส่วน Listening ซึ่งสองส่วนนี้มีข้อสอบรวม 90 ข้อ เวลา 80 นาที เท่ากับว่า 1 ข้อใช้เวลาทำไม่เกิน 1 นาที ตอนแรกที่ทำข้อสอบดูเหมือนว่าเวลาเป็นใจเห็นว่ายังเยอะอยู่ ก็ทำไปโดยไม่เร่งตัวเองมาก แต่พอเหลือเวลาชั่วโมงนิดๆก็เริ่มรู้สึกถึงความบรรลัยกำลังมาเยือน เพราะส่วนที่สองยังเหลืออีกตั้ง 10 กว่าข้อ ฉิบหายแล้วไง! ส่วนที่สามก็ยังไม่ได้เริ่ม ไม่ได้การณ์ละต้องข้ามมาทำในส่วนที่สามที่เป็น Reading ก่อน แล้วบทความแต่ละอันนี่ระดับ 20-30 บรรทัดทั้งนั้น แค่อ่านก็หมดไป 2 นาทีแล้ว โอ้โห! จะทำทันไหมเนี่ย! แล้วเวลายิ่งเหลือน้อยก็ยิ่งบีบคั้นตัวเอง จำได้ว่าดูเวลาที่หน้าจอทุกๆ 2 นาทีเลยก็ว่าได้ 

ช่วงท้ายเวลา เหมือนกับตัวเองกำลังทำข้อสอบ Speed Test อยู่ ในใจตอนนั้นอยากอยู่ห้องกาลเวลาอยากมาก อยากให้เวลานั้นเดินช้ากว่านี้ ดูสิ! เหลือเวลาแค่ 10 นาที กับข้อสอบอีก 20 กว่าข้อ มันจะทันไหมเนี่ย! 

แต่สุดท้ายก็ทันเวลา มีเวลาให้ตรวจทานแค่ 20 วินาที โอเคอย่างน้อยก็ทันละวะ ถูกผิดช่างมันไว้ก่อน

พอสิ้นสุดเวลา ก็จะให้เราไปพักเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยซัก 5 นาที แล้วมาลุยกับข้อสอบ Listening    

ข้อสอบ Listening นี้ต้องตั้งสมาธิกับข้อสอบมากๆ อย่าหลุดหรือวอกแวกแม้แน่นิดเดียว เพราะข้อสอบนี้ไม่มี Listen Again แต่อย่างใด ให้ฟังแค่รอบเดียวแล้วเขาจะถามเลย มีเว้นช่วงให้ฝนคำตอบประมาณ 7 วินาที จากนั้นก็จะลุยข้อต่อไป 

บอกตรงๆนะ แค่ฟังสองรอบก็ยังรู้สึกว่ายากแล้ว นี่ให้ฟังรอบเดียวนี้โหดหินอำมหิตมาก แล้วพูดแต่ละทีนี้จะพูดเร็วกันไปไหน ก็ยอมรับว่าฟังไม่ทันไปหลายข้อมาก แต่เอาวะ! ฝนๆไปเผื่อจะได้ซักคะแนน

พอสอบเสร็จ ทุกอย่างก็ดูโล่งไปหมด และรู้สึกว่าต้องเตรียมตัวให้มากกว่านี้ เพราะเอาจริงๆประมาทเรื่องเวลาด้วยแหละ และเป็นครั้งแรก อะไรๆก็ดูรนรานไปหมด สมาธิแตกกระเจิง แต่ถ้ามีเวลาเตรียมตัวแบบจริงๆจังๆ คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้นะ 

จบเรื่องการสอบ ก็ใช่ว่ามันจะจบไปซะทุกสิ่งทุกอย่าง ยังมีเรื่องวิทยานิพนธ์ที่ต้องเริ่มทำกันอย่างจริงจัง นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 

และเดือนหน้าก็คงจะบรรเทิงอีกเช่นเคย