เราพบตัวเองตกอยู่ในความฝันทันทีที่ลืมตาตื่น
หากคุณรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังอ่านอยู่คล้าย ‘คำนำ’ เราคงต้องบอกว่า เรากำลังตกอยู่ในความฝันที่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะฝันว่า หนังสือเล่มหนึ่งจะขายได้
เราอยู่ในฝันร้ายแบบนั้น ฝันร้ายถึงเรื่องที่ไม่กล้าฝัน มองความมุ่งมาดฝันสลายเหล่านั้น แล้วบอกว่ามันก็แค่ความฝันของคนอื่น...
เราพบตัวเองตกอยู่ในความฝันทันทีที่ลืมตาตื่น พบเธอยืนอยู่เบื้องหน้า เธอคนที่เคยบอกว่า “คุณต้องลองสู้ดูสักครั้งหนึ่ง”
เราจึงเริ่มเขียนนับแต่นั้น ปั้นแต่งเรื่องเล่าออกมาจากความฝัน นั่งลงเขียนอย่างบ้าคลั่ง อยู่ในฝันร้ายที่ไม่มีใครยินยอมให้หนังสือเล่มหนึ่งมีคำนำ ด้วยถ้อยคำว่า ‘นักเขียนตายแล้ว’ ตามทฤษฎีที่ท่องจำอย่างกระท่อนกระแท่นจากคนอื่น
เรากำลังตกอยู่ในฝันแบบนี้
จุดบุหรี่ขึ้นสูบ เหม่อลอย นั่งทอดน่องอยู่ริมแม่น้ำสักสายในเมืองฝันสลายเพียงลำพัง...
“สสารไม่มีวันสูญสลาย” และแล้วใครสักคนก็พูดขึ้น “ชีวิตเกิดจากน้ำและดินมันจึงเป็นอมตะ”
สำหรับเรา ผู้เชื่อในเรื่องความตายเหนืออื่นใด ประโยคแบบนั้นจึงไม่น่าจะมีอยู่ได้ในความฝันของเรา
ต่อเมื่อหันไปมอง แล้วพบว่า คนที่พูดประโยคนั้นกำลังส่งยิ้มมา ก่อนค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้า
เราจึงหยิบปากกา และลงมือเขียนอีกครั้ง—ใช่ เขียนในขณะที่พลัดตกลงไปในอีกหนึ่งความฝัน เขียนถึงเขาคนนั้น คนที่เราทึกทักเอาเองว่า เขาน่าจะเป็นมนุษย์อมตะผู้เดินทางมาจากอีกซีกโลก
ในความฝัน เราสังเกตเห็นว่า เธอมีไฝติดอยู่ที่ลำคอด้านหนึ่ง—ไฝสีดำตัดกับผิวขาวซีดซึ่งเธอเคยเย้าแหย่ว่า มันคือปุ่มจุดระเบิด
แต่ความฝันไม่ควรมีรายละเอียดเยอะขนาดนั้น เราจึงเริ่มเอะใจสงสัย...
“หรือนี่จะไม่ใช่ความฝัน!?”
แต่เมื่อเตือนตัวเองว่านี่คือคำนำ เราก็ยอมรับอีกครั้ง
“เราอาจตกอยู่ในฝันร้ายแบบนั้น ฝันที่ไม่มีใครกล้าประกาศตัวว่าเป็นนักเขียนอีกต่อไป”
และแล้วเราก็นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่ง—รวมเรื่องสั้น ที่เมื่อย้ายที่อยู่อาศัย เราจะนำมันติดตัวเพื่อเอาไปประดับไว้บนหัวเตียงเสมอ
หนึ่งในเรื่องสั้นของหนังสือเล่มนั้นพูดถึงความตาย ความตายอันรวบรัด ง่ายดาย ไปง่ายแสนง่ายที่ยึดอิงจากเรื่องจริงของกวีคนหนึ่ง
เสมือนคำทำนาย! ในขณะที่เรื่องสั้นเรื่องนั้นยังคงเป็นแค่ร่างแรก ต้องรอเวลาบ่มเพาะและขัดเกลาเพื่อให้มันเป็นเรื่องสั้นที่สมบูรณ์ หลัง ‘กวีตาย’ ห้าเดือน นักเขียนก็ตายไปอีกคน—ใช่! รวบรัด ง่ายดาย ไปง่ายแสนง่ายเป็นอย่างยิ่ง!
เราอาจเคยเจอนักเขียนหนุ่มคนนั้นแล้วก่อนหน้านี้ อาจเคยเดินสวนกันก่อนเขาตาย
ในเมืองฝนพรำที่เราเติบโตมา มีไม่กี่ที่หรอกที่จะไปได้ เราอาจเคยเจอกันแล้ว เด็กนักเรียนกางเกงขาสั้นสีกากีไร้เดียงสา กับนักเขียนหนุ่มผมยาวท่าทางเงียบขรึม ผู้เลือกลงหลักปักฐานสร้างผลงานตามวิถีที่เขาเชื่อในเมืองเมืองนั้น
เราอาจเคยสบตากันแล้วสักครั้งหนึ่ง ณ จังหวะใดจังหวะหนึ่งของลมหายใจ ก่อนเปลวไฟแห่งชีวิตของเขาจะมอดดับ
แต่ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือความฝัน เราก็รู้จักตัวอักษรของนักเขียนคนนั้นหลังความตายของเขา สนอกสนใจสิ่งที่เรียกว่าเรื่องสั้นนับแต่นั้น
ใช่! อาจเรียกได้ว่า สนใจมันเพราะความตาย
“ในความฝันจะไม่มีคนตาย”
ทันใด เสียงกระซิบกระซาบเล็กๆ ก็ลอยมาจากโค้งฟ้าไกลโพ้น อาจเป็นเสียงของมนุษย์อมตะคนนั้น หรือเสียงของภูตผีสักตน—วิญญาณของใครบางคนผู้ตายไปก่อนหน้า
“ถึงตาย เขาหรือเธอก็จะไม่ตายลงจริงๆ”
เราเกือบจะพยักพเยิดเห็นด้วย แต่ไม่จริงหรอก ในฝัน เราเห็นคนตายเต็มไปหมด เลือดสีแดงเข้มนองเต็มพื้น อาจเป็นศพของมนุษย์อมตะผู้ออกเดินทางไปทั่วโลก สุนัขจิ้งจอกเชื่องเชื่อผู้เคยมีชีวิตอยู่ในทะเลทรายอักษร คณิกาภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์หรู ผีกระสือที่อาจเป็นญาติสนิทของเราเอง เพื่อนชาวต่างชาติที่เป็นเพียงตัวประกอบในชีวิตอันเชื่องช้า นักบินอวกาศผู้เป็นอีกภพชาติของเสนารักษ์ตาขาว นักประวัติศาสตร์ผู้หมกมุ่นกับการฆ่าตัวตาย วัวคู่ไถที่ยืนตายอย่างสงบหลังพายุใหญ่ มนุษย์ชุดดำไร้ใบหน้า บรรณาธิการผู้ทำย่อหน้าแรกของนักเขียนสาวอีกคนหายไป แมวตัวหนึ่งที่อาจกลายร่างเป็นผีเสื้อได้ อาจมีพ่อ แม่ เรา และคุณ
ในความฝัน—สองปีหลังจากนักเขียนเจ้าของผลงานที่จะอยู่บนหัวเตียงของเราเสมอตาย เราย้ายตัวเองสู่มหานครฝันสลาย แบกหนังสือทุกเล่มของนักเขียนหนุ่มติดตัวมา ก่อนจะลืมมันไว้หลังขวดเหล้า ควันบุหรี่ และเสียงโหวกเหวกโวยวายของกลุ่มเพื่อน
เราปล่อยให้นักเขียนคนนั้นตายลงจริงๆ โดยไม่ได้เปิดอ่านหนังสือของเขาซ้ำอีกเลย
ลืมเลือนไปแม้กระทั่งอากาศของเมืองเมืองนั้น ซึ่งเราอาจเคยใช้หายใจร่วมกัน—ใช่ ในความฝัน ไม่เคยมีอากาศ!
“คุณมันก็แค่ไอ้ระยำที่แยกโลกความจริงและนิยายออกจากกันไม่ได้”
เวลาในความฝันผ่านไปนานหลายปี และแล้ว หลังจากเธอพูดประโยคนั้นออกมา เราก็ตั้งต้นร้องไห้อย่างเชื่องช้า ร้องไห้ให้แก่ความฝัน พร้อมกับคำปลอบประโลมจากเธอที่พูดตามหลังว่า
“คุณต้องลองสู้ดูสักครั้งหนึ่ง”
และแล้ว เราก็เริ่มต้นเขียน เขียนอย่างบ้าคลั่ง ผ่านเวลาสามปีในความฝัน จนได้หนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มหนึ่ง
เรายังอยู่ในความฝัน กลับไปหาเธออีกครั้ง ยื่นหนังสือของตัวเองให้เธออ่าน นั่งทอดน่องริมแม่น้ำ รอคำวิจารณ์อย่างใจจดใจจ่อ
“ทำไมเรื่องของคุณถึงอ่านยากนัก ฉันไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลย” เธอว่า
“55 หุหุ เหอะเหอะ อิอิ” เราหัวเราะเป็นภาษาของชาวโลกยุคใหม่ กลบเกลื่อนความเศร้าและกลั้นน้ำตาที่สร้างขึ้นจากตัว T (T.T) เอาไว้
“นักเขียนตายแล้ว... คนตายมักพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้เสมอ” เราว่า
เธอนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำ นิ่งเงียบเหมือนทุกครั้งที่เราไม่สามารถใช้ตัวอักษรใดๆ มาอธิบายภาวะเบื้องหน้าได้
“เพ้อเจ้ออีกแล้วสินะ” แต่ที่สุด เธอก็พูดออกมา
…
เราพบตัวเองตกอยู่ในความฝันทันทีที่ลืมตาตื่น
เราอยู่ในฝันแบบนั้น
โดยไม่หวังว่า เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เราจะพบกับความจริง
ฆนาธร ขาวสนิท
วันที่มีฝนตก แดดออก และอากาศหนาว
ณ ช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างปี 2555-2558
ในความฝันของคนอื่น
(ห่างจากเมืองฝนพรำแห่งนั้น 780 กิโลเมตร)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in