มีคนเคยบอกว่า 'ไม่ว่าเราจะโตแค่ไหนเราก็ยังต้องการแม่อยู่...'
ใครที่อยู่กับพ่อแม่ทุกวันอาจไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้เต็มร้อยเปอร์เซ็น
ใครที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์บางอย่างที่ต้องจากบ้านจากครอบครัวก็คงจะไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่
แต่เชื่อว่าทุกคนเคยมีประสบการณ์ที่ทำให้ตัวเองนั้นอ่อนไหวที่สุด อาจจะต่างกันไป แต่สำหรับบา
คนนี้ประสบการณ์ที่อ่อนไหวที่สุดก็คงเกี่ยวกับครอบครัวนี่แหละ ไม่ว่าจะทั้งจากบ้านเมื่อถึงเวลา หรือเสียคนที่รักไปโดยที่ไม่มีวันกลับมา...
.
.
.
วันแรกของฉัน
"สวัสดี ฉันเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอายุเพียง18ปีเท่านั้น วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันต้องจากบ้านมาเรียนมหาลัยวันแรกใจต่างจังหวัด พ่อ แม่ น้าและน้องชายที่ยังเด็กอยู่นั้นของฉันช่วยกันขนของเข้าหอในของมหาลัย ฉันก็เตรียมใจมาบ้างแล้วหล่ะ ว่าอาจจะต้องมาเจออะไรที่เกินความคาดหมายแต่มันไม่สามารถเดาได้เลยว่าเราจะต้องเจออะไรบ้าง..จนขนของเรียบร้อยภายในห้องมีรูมเมทอีกสามคน แต่ละคนมาต่างที่ฉันได้แต่หวังว่าพวกเขาจะใจดีกับฉัน ( และสิ่งที่หวังก็เป็นจริง เพราะพวกเขาใจดีกับฉันมากๆ )
และแล้วเวลาแห่งการจากลาก็มาถึง ฉันบอกลาครอบครัวพร้อมกับฝืนยิ้มไปด้วย สองมือของแม่เข้ามาโอบที่ตัวฉัน อ้อมกอดความอบอุ่นนั้นมันทำให้ฉันต้องรีบผละออกและเบี่ยงประเด็น พร้อมยกแขนโบกมือไปมาเพื่อเป็นการบอกว่า 'หนูอยู่ได้ ไม่เป็นไร สบายมาก'
สุดท้ายฉันก็เลือกจะเป็นฝ่ายชิ่งก่อน ฉันเลือกที่จะหันหลังให้สายตานับสี่คู่ที่มองมายังฉัน โดบเฉพาะสายตาของคนเป็นแม่ที่เป็นห่วงว่าลูกสาวคนนี้ คนที่ไม่เคยจากบ้านไปไหน จะต้องมาอยู่ในที่ที่แปลกตา แปลกสังคมแบบนี้ แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่หันหลังกลับไปและรีบเดินเข้าประตูหออย่างเร่งรีบ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่เห็นน้ำใสๆที่มันคลออยู่ในดวงตาภายใต้ใบหน้านิ่งๆนี้ ถึงแม้จะทำใจมามากเท่าไหร่แต่เมื่อมาเจอสถานการณ์จริงแบบนี้ มันก็ยากที่จะรับมือ สำหรับเด็กที่ไม่ค่อยกล้าออกไปไหนคนเดียวไม่ค่อยได้อย่างน้อยต้องมีเพื่อนไปด้วยหนึ่งคน และการที่ต้องมาอยู่ต่างถิ่น ที่ไม่ใช่ในเมือง มาเจอผู้คนที่ต่างหลั่งไหลกันมา 'ต้องใช้ชีวิตคนเดียวจริงๆแล้วสินะ ถือว่ามาเริ่มต้นฝึกใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด' นั่นคือสิ่งที่ฉันทำได้อย่างเดียวคือคิดเข้าข้างตัวเองตอนนั้น"
-- ผ่านไปหนึ่งถึงสองสัปดาห์ --
"ต่อให้เวลาผ่านไปกี่สัปดาห์ แม้ฉันจะปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ๆนี้ได้บ้างแล้ว แต่สิ่งที่ฉันยังปรับไม่ได้คือการจากครอบครัวมาอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้ เสียงคนในโทรศัพท์ที่ทำให้น้ำใสๆในตาของฉันไหลออกมาในที่สุก เสียงแห่งความคิดถึงของทั้งคู่ เสียงแห่งความห่วงใยที่อบอุ่นในเวลาเดียวกัน ปลายสายถามสาระทุกข์สุขดิบต่างๆนาๆ ฉันที่อยู่ต้นสายที่ต้องกลั้นเสียงสะอื้นเบาๆไว้คนเดียว น้ำตาที่่ไหลออกมา เป็นน้ำตาของความคิดถึงที่ตอนนี้มันก่อขึ้นเต็มหัวใจ ฉันทำให้ได้หยุดพูดไปชั่วขณะและปล่อยให้น้ำตานั้นไหลออกมาและต้องหันเข้ากำแพงเพราะภายในห้องไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียว สิ่งที่ทำได้มากที่สุดคือต้องนิ่งที่สุด ไม่ให้ใครรู้แม้กระทั่งคนปลายสาย พอคนปลายสายสังเกตว่าฉันหยุดพูด ฉันก็สูดหายใจลึกๆอีกครั้งและกลับมาคุยด้วยน้ำเสียงปกติ"
.
.
.
เรื่องราวความรู้สึกในวันนั้นล้วนยังจำมันได้ดี และไม่มีวันลืมแม้มันจะผ่านมาหลายปีก็ตาม...
และไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับคนที่รัก ก็มักจะอ่อนไหวมากเสมอ...
หลายคนคงต้องจากบ้านจากครอบครัวเพื่อมาทำภารกิจต่างๆ เพื่อส่งเงินให้ทางบ้าน ต่อให้ "ลำบาก" มากแค่ไหน ยังไงก็ยังเชื่อว่าคนพวกนี้มักจะบอกคนทางนั้นว่า "สบายดี"
ถึงแม้เราจะโตมากแค่ไหน อายุเราจะมากขึ้นทุกวันมากแค่ไหน เราก็ยังต้องการ "แม่" ของเราอยู่เสมอ...
........................................................................................................................................................
** แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณท้อ และเหนื่อยจนอยากหาคนระบาย หาเพื่อนคุยใครก็ได้สักคนที่ไม่รู้จักกัน... สามารถคุยกับเราได้นะ เราเข้าใจพวกคุณดี ตอนนี้เรามีเพจใน Facebook แล้วด้วยนะ ถ้าอยากหาเพื่อนระบายก็มาคุยได้เสมอเลย สัญญาว่าเรื่องนั้นจะเป็นความลับของเราสองคน... ** ยินดีที่ไม่รู้จัก **
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in