พอไปถึง เราก็ไปเช็คอินเข้าที่โฮสเทล แล้วก็ออกตะลุยเมืองกระบี่กันเล้ยยย วันแรกเราได้วางแผนกันไว้ว่าจะเที่ยวในตัวเมืองกันก่อน พวกสถานที่ฮิตๆ อย่างวัดถ้ำเสือ สระมรกต เราก็ไปกันในวันแรก
แต่เดี๋ยวก่อน ก่อนที่เราจะออกเดินทาง กองทะพมันก็ต้องเดินด้วยท้องสิ เรากับเพื่อนเลยแวะทานข้าวที่ร้านอาหารใต้กันซักหน่อย ผัดสะตอ คั่วกลิ้งหมูสับ ปลาทูทอดกินกับน้ำพริกกะปิ รสชาติจัดจ้าน กินแล้วน้ำมูกไหลกันหมดเลย
สระมรกต สวยงามสมชื่อ พอเราเดินเข้าไปในอุทยาน ด้านในก็จะมีทางแยกให้เราเลือกเดินว่าเราจะไปสระไหนก่อนก็ได้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ทางหรอกอาศัยการเดินตามๆคนอื่นไป พอถึงตัวสระที่สามารถลงเล่นน้ำได้ เราก็ชอบมากกับความใสของน้ำและสีเขียวๆฟ้าๆที่สวยเหมือนในรูป ทั้งๆที่เป็นที่ๆคนมาเที่ยวกันเยอะมาก แต่น้ำก็ยังคงความใสอยู่ แต่ตอนลงน้ำเราก็ต้องระวังนิดนึงตรงขอบสระมันจะเป็นหินที่มีตะไคร้น้ำเกาะอยู่เต็มไปหมด เวลาเราเหยียบลงไปจะลื่นมาก(เราลื่นไปหลายรอบเลย)
ใครไม่เคยไปต้องลองไปเห็นเองกับตาจริงๆนะ เราว่ามันคุ้มกับการไปมาก ถึงเราจะไม่ใช่คนที่ชอบเล่นน้ำก็ตามแต่การที่เราไปดูสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ของจังหวัดกระบี่ ก็ทำให้เราได้เห็นอีกมุมหนึ่งของธรรมชาติ ให้เราได้ซึมซับบรรยากาศสบายๆชิลๆไปอีกแบบ
ลองมาดูที่ต่อไปที่เราไปกัน "วัดถ้ำเสือ" ที่ว่ากันว่ามีพระอยู่บนเขา แต่กว่าเราจะขึ้นไปไหว้สักการะได้นั้น เราต้องขึ้นบันไดถึง 1,237 ขั้นเลยที่เดียว
สำหรับใครที่เดินขึ้นไปไม่ถึง หรือไม่กล้าเดินขึ้นไป เราก็มีภาพพระอาทิตย์ตกมาฝากกัน ระหว่างทางขึ้นไปเป็นบันไดทั้งหมด บันไดแต่ละขั้นก็จะชันมากชันน้อยแตกต่างกันไป ใครที่กลัวความสูงก็คงต้องทำใจกันนานหน่อน หรือไม่ก็อาจจะขอลงก่อนเหมือนเพื่อนเรา ตอนแรกเราขึ้นไปพร้อมเพื่อนอีกสองคน แต่จะมีคนนึงที่กลัวความสูง พอขึ้นไปได้ซักพักมันบอกว่า "มึง กูไม่ไหวล้ะ เจอกันข้างล่าง" แล้วมันก็เดินลงจากเราไป เรากับเพื่อนอีกคนไม่ยอมแพ้ แบบว่าไหนๆก็มาแล้วต้องเอาให้ถึง(ความจริงคือพี่คนขับรถเขาแนะนำมาว่าให้ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกข้างบน สวยมาก) ด้วยความบ้าพลัง เราจึงเดินต่อไปเรื่อยๆคิดว่า " ไม่เท่าไหร่หรอก เดินเขามาแล้วเป็นสิบๆโลยังทำได้ แค่นี้สบ๊ายย "
ผ่านไป 200ขั้น พัก
ผ่านไป 500 ขั้น พัก
ผ่านไป700ขั้น พัก
ผ่านไป1,000ขั้น พัก
" จะถึงแล้วโว้ยยยย " เพื่อนเราร้องเสียงดัง คือมันคงดีใจมาก เพราะว่าโครตเหนื่อยเลย อะไรวะ แค่หนึ่งพันขั้น ทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้!!!! เหงื่อไหลเต็มตัว น้ำที่เตรียมมาด้วยก็หมดแล้ว แถมยังหนีบแตะเดินขึ้นมาอีก โอ้วววขุ่นพระ งานนนี้กลับไปเดี้ยงแน่
และแล้วเราก็เดินมาถึงข้างบนซักที เล่นเอาเกือบแย่เลย ข้างบนมีเจดีย์ และพระองค์ใหญ่ตั้งอยู่ มีธูปเทียนให้เราจุดไหว้ได้ แถมที่สำคัญ!! มีที่เติมน้ำดื่มด้วยย ดีใจมากหลังจาดไม่ได้ดื่มน้ำมา 200กว่าขั้นบันได
เราก็เดินวนๆอยู่ข้างบนนั้นแหละ เพื่อรอเวลาพระอาทิตย์ตก มีคนอยู่เต็มเลยทั้งชาวต่างชาติและคนไทย พอใกล้ๆถึงเวลาเราก็ไปนั่งดูตรงที่มองลงไปแล้วเป็นหุบเขาเยอะๆ มันเป็นวิวที่ดีจริงๆ ไม่คิดว่าจะได้เห็นวิวแบบนี้ที่กระบี่ ที่คิดไว้ก็แค่วิวทะเล พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ทะเล แต่นี่อะไร วิวที่สวยขนาดนี้ วิวภูเขาที่สลับทับซ้อนกันอยู่ข้างหน้าเราช่างมีเสน่ซะเหลือเกิน บวกกับแสงสีส้มเข้มๆ ของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าในวันนั้นไป มันช่างมหัศจรรย์จริงๆ
เมื่อพระเอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป เราก็เดินลงข้างล่างทันทีก่อนที่ฟ้าจะมืด พอเดินไปกลางทางฟ้าก็มือซะแล้ว ทำให้เรามองไม่ค่อยเห็นทาง เราเลยต้องเปิดแสงแฟลชจากโทรศัพท์ เพราะกลัวจะตกบันไดเอา
พอลงมาใกล้ถึงข้างล่าง เราก็พบกับอีกสีสันหนึ่ง ก็คือฝูงลิงนั่นเองง พระท่านบอกว่าอย่าไปมองหรือสนใจมัน ไม่งั้นมันจะมาแกล้งเรา ไอเราก็ไม่กล้ามองมันเลย ก้มหน้าก้มตารีบๆเดิน อยู่ๆเพื่อนก็เรียก "มึงงง ลิงมันจะเอาร่มมึงอ่ะ" เราก็แบบร่มไรวะ เลยหันไปมองก็จ๊ะเอ๋กับลิงที่กำลังดึงร่มของเราที่เสียบไว้ข้างกระเป๋า ทีนี้เราก็จับร่มไว้แล้วดึงกลับ มันก็ดึงร่มไว้ไม่ยอมปล่อย เราก็เห้ยยย ร่มกูววว เลยดึงอีกทีแบบออกแรงมันเลยยอมปล่อย พอได้ร่มคืนปุ๊ป เราก็รีบลงเลยจ้า กลัวโดนขโมยร่มอีก เพราะลิงไม่ได้มีแค่ไม่กี่ตัว แต่มีเป็นฝูงเลยตัวเล็กตัวใหญ่มีหมด
แล้วเราก็ถึงข้างล่างโดยไม่เสียร่มไป5555 (ใครไปก็ระวังลิงกันหน่อยนะคะ^^)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in