เพิ่งได้มีโอกาสหาหนังผีของผู้กำกับอเมริกัน เดวิด โรเบิร์ต มิทเชล มาดู หนังฉายเมื่อปี 2014 ที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ จำได้ว่าตอนนั้นได้ยินเพื่อนที่ไปดูบ่นให้ฟังว่าดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจ ความไม่เข้าใจเนี่ยแหละเป็นสิ่งที่ทำให้คนดูเรื่องนี้แตกเป็นสองฝ่าย คือ ชอบกับไม่ชอบ โดยส่วนตัวเราชอบนะ แล้วก็รู้สึกว่าสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อเนี่ยก็ไม่ได้ดูยากขนาดนั้น (บางคนอาจมองลึกไปด้วยซ้ำ)
เนื้อเรื่องเปิดมาที่หญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อ แอนนี่ วิ่งออกมาจากบ้านด้วยหน้าตาตื่นตระหนก แต่เมื่อเพื่อนบ้านที่กำลังเก็บของอยู่ถามด้วยความเป็นห่วงว่ามีอะไรให้ช่วยไหม เธอกลับปฎิเสธและวิ่งหนีเข้าบ้าน และกลับออกมาขับรถไปริมทะเล เธอโทรศัพท์หาพ่อแม่และพูดเหมือนกำลังสั่งเสีย แล้วภาพก็ตัดไป แอนนี่กลายเป็นศพอยู่ที่ริมชายหาด
จากนั้นโฟกัสของหนังก็เปลี่ยนมาที่ตัวของ เจย์ (นำแสดงโดย ไมกา มอนโรล) เธอไปออกเดทกับหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ฮิวจ์ (นำแสดงโดย เจค แวรี่) ขณะที่เล่นเกมสวมบทบาทอยู่ในโรงละครเขาก็ดูมีท่าทีตื่นกลัวกับบางอย่าง จึงชวนเจย์ให้ออกมาและไปขับรถเล่นกัน คืนนั้นทั้งคู่มีเซ็กส์กันในรถ แต่หลังจากนั้นเขาก็โปะยาสลบเธอ และบอกให้เธอได้รู้ว่าเขาส่งต่อ 'มัน' ให้กับเธอแล้ว และมันก็จะตามเธอไปทุกที่ ถ้ามันฆ่าเจย์ได้มันก็จะตามมาฆ่าเขาเหมือนเดิม
เรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นการหนีและความหวาดกลัวของเจย์ที่มีต่อมัน ไม่ว่าเธอจะหนีสักเท่าไหร่ หรือพยายามฆ่ามันอย่างไรมันก็ไม่หยุดการเดินตามเธอสักที ('มัน' ใช้วิธีการเดินตาม ถึงมันจะไม่ได้เร็วเหมือนผีที่เราเห็นทั่วๆ ไป แต่ก็น่าหวาดกลัวอยู่ในระดับหนึ่งเลยแหละ แถมยังเปลี่ยนหน้าตาไปเรื่อย และอาจเป็นคนที่เรารู้จัก หรือแม้กระทั่งตัวเราเองได้ด้วย)
สิ่งที่จะสามารถทำให้หลุดพ้นจากมันได้ก็คือการมีเซ็กส์ต่อไปเรื่อยๆ นั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รับประกันได้ว่ามันจะกลับมาตามติดอีกทีเมื่อไหร่ อย่างที่บอกว่าหากคนที่มันตามปัจจุบันตายมันก็จะย้อนกลับไปตามคนก่อนหน้านี้ไปเรื่อยๆ ฉะนั้นคนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับมันก็จะยังใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงไปเรื่อยๆ นั่นเอง
เป็นเพราะเงื่อนไขที่เน้นไปที่การมีเซ็กส์เสียมาก ทำให้เราตีความเนื้อเรื่องออกมาได้ว่าผู้กำกับกำลังแฝงประเด็นของการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกันกลายๆ หรือการมีเพศสัมพันธ์แบบรักสนุกไปเรื่อย และสิ่งที่เกิดจากการกระทำเหล่านั้นก็ไม่พ้นว่าจะเป็นความกังวลในเรื่องต่างๆ ทั้งโรคติดต่อทางเพศ หรือการท้อง
แล้วอย่างที่บอกว่าตัวของ 'มัน' นั้นจะเป็นใครก็ได้ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครมีเชื้อไวรัสร้ายอยู่ในตัวเพียงแค่มองด้วยตาเปล่า บางทีใครคนนั้นก็อาจยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าได้ส่งต่อมันให้กับคนอื่นแล้ว แถมระยะเวลาที่มันจะโผล่มาตามแต่ละคนนั้นก็ต่างกันด้วย อย่างเจย์ใช้เวลาไม่นานหลังจากที่มีอะไรๆ กับฮิวจ์ (ที่ความจริงชื่อเจฟ) ไปแล้ว แต่มันที่ตามเกร็กนั้นกลับใช้เวลาหลายวันกว่าจะมา เหมือนกับโรคเอชไปวีที่แต่ละคนใช้เวลาฟักตัวและแสดงอาการไม่เหมือนกัน รวมถึงการที่คนๆ นั้นจะยังเห็นมันถึงแม้ว่าจะส่งต่อให้คนอื่นแล้ว ดังโรคเอดส์ที่ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด
หรือจะเป็นในตอนเกือบท้ายเรื่องที่ 'มัน' ถูกพอลยิงตาย ตอนนั้นน้ำในสระกลายเป็นเลือดสีแดงฉาน ฉากนี้อาจตีความเป็นการทำแท้งหรือประจำเดือนก็ได้ ซึ่งก็สอดคล้องกับความตายของมัน แต่หลังจากนั้นเจย์ก็ไปมีเซ็กส์กับพอลอีก แล้วก็วัฏจักรของมันก็จะยังคงวนเวียนต่อไป
อ้อ แล้วหนังยังชวนให้เราได้คิดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวด้วย ผู้ใหญ่แทบจะไม่มีบทบาทในเรื่องเลย แถมออกมาแต่ละทีก็เป็น 'มัน' หรืออย่างอื่นที่ไม่สำคัญเสียด้วย อย่างตอนที่มันตัวสุดท้ายของเจย์โผล่มาที่สระว่ายน้ำ (ซึ่งมีเฉลยในตอนท้ายว่าเป็นพ่อของเธอ) เธอหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดที่บอกว่าไม่ทำแล้วได้ไหม ขอออกไปจากที่นี่เถอะ น่าจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของพ่่อลูกที่ย่ำแย่ หรือเธออาจจะโดนพ่อทำร้ายมาก่อนก็ได้ แล้วก็ไม่ได้มีแค่เจย์คนเดียวที่มีปมในเรื่องของผู้ใหญ่ในครอบครัว เกร็กก็ดูจะมีปมเรื่องแม่ของเขาเช่นเดียวกัน ดูจากบทสนทนาตอนที่ทุกคนขับรถหนีมันไปที่บ้านพัก และตอนที่เกร็กตายโดยที่มันรูปร่างเป็นแม่ของเขา มันตัวแรกที่เจย์เห็นก็เป็นแม่ของฮิวจ์/เจฟด้วย
นอกจากเนื้อเรื่องชวนให้ตีความจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นของหนังเรื่องนี้แล้ว การเคลื่อนกล้องก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน โดยเทคนิคที่นำมาใช้โดยส่วนมากคือการที่กล้องค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้เรื่อยๆ ชวนให้เรารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวเข้าไป คล้ายกับว่าเรากำลังตามชีวิตของเจย์อยู่ นอกจากนี้ยังมีการแพนกล้องให้เห็นถึงฉากรอบๆ เป็นการสร้างบรรยากาศความไม่ไว้วางใจว่าเราจะได้เห็นอะไรต่อจากนี้ และบางทีก็มีมุมกล้องแอบดู ทำให้เรารู้สึกลุ้นตามไปด้วย
การสร้างบรรยากาศหวาดระแวงก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยส่วนตัวแล้วเรารู้สึกไม่ไว้วางใจร่วมไปกับตัวละครด้วยนะ ถึงแม้เธอจะนำมันไปปล่อยต่อให้กับคนอื่นแล้ว แต่ชีวิตก็ไม่ได้กลับมาสงบสุขเหมือนเดิม บางทีก็มีแอบแว่บมาว่าเจย์จะตายแบบไหนรึเปล่านะ (ฮ่าๆๆ)
อีกอย่างที่ชอบก็คือการที่ผีในเรื่องไม่ใช่ผีแบบ jump-scare หรือมาตุ้งแช่ให้เราตกใจเล่นๆ แต่การใช้เสียงและภาพก็ทำให้เราเกิดหวาดๆ ในใจได้ไม่แพ้กัน
เสน่ห์ของ It Follows นั้นอยู่ที่มุมมองของคนดูที่แตกต่างกันจริงๆ อยากให้ลองปิดหูจากคำว่างงของคนอื่น แล้วลองเปิดใจรับหนังฟอร์มเล็กๆ เรื่องนี้มาอยู่ในลิสต์ดูหนังของทุกคนกันค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in