เล่าเรื่องราวของเลดี้เบิร์ดเด็กสาววัยไฮสคูล เธอมีความคิดนอกกรอบจากที่แม่วางไว้ แถมมีความฝันที่จะออกจากเมือง การก่อกบฏเล็กๆของเธอจึงเริ่มต้นขึ้น
**เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของหนัง **
เป็นหนัง Coming of Age ที่ชอบมาก มากแบบมากที่สุด อยู่ on top of my movie list เลยแหละ ด้วยที่ตัวหนังเล่าเรื่องราวที่มันอิมแพคต่อชีวิตในช่วงไฮสคูลแบบที่สุด การลองผิดลองถูก แถมยังเป็นครั้งแรกของหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว เรื่องเพื่อน หรือแม้กระทั่งเรื่องความรัก ทุกๆอย่างมันเกิดขึ้นอย่างไปพร้อมๆกันอย่างมีมิติ ซึ่งแน่นอนล่ะที่เรื่องราวมันไม่ได้สวยหรูและดีงามเหมือนดั่งที่หวังไว้ แต่เราได้เรียนรู้และเรื่องราวนั้นเป็นเรื่องราวที่ถูกจดจำมันไปตลอดชีวิต
หนังสื่อให้ถึงการล้มเหลวในการทำความเข้าใจกันที่ครอบครัว ทั้งๆที่ทุกคนในครอบครัวยังรักและหวังดีต่อกันอย่างเสมอมา อาจจะเป็นที่ต่างวัยต่างอายุกัน แต่ยังไงก็ตามหนังก็แสดงให้เห็นถึงการที่คนเรามีวุฒิภาวะที่มากขึ้น ได้เรียนรู้โลกเยอะขึ้น จะเข้าใจคำว่าชีวิตเอง
ชีวิตของเด็กช่วงไฮสคูล คือชีวิตที่เป็นช่วงกำลังก้ำกึ่งระหว่างวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ มีเรื่องราวต่างๆมากมายกำลังเกิดขึ้นอย่างทีมิติ ชีวิตของเลดี้เบิร์ดก็เช่นกัน เธอเป็นดั่งเป็นนกน้อยที่อยากจะโบยบินออกจากรังเต็มที
เรื่องที่ใหญ่โตสำหรับเลดี้เบิร์ดคือ เธออยากได้ อยากมี และอยากเป็น ซึ่งที่บ้านไม่สามารถสนับสนุนเรื่องพวกนี้ได้ ปัญหาหลักคือเรื่องเงิน อีกทั้งเธอไม่ชอบชื่อ "คริสทีน" ที่พ่อแม่ตั้งให้สักเท่าไหร่ เธอจึงให้ชื่อกลางตัวเองว่า "เลดี้เบิร์ด" ซึ่งแสดงได้ถึงการไม่ยอมรับตัวตนของตัวเองแบบสุดๆ ต่อมาเธอไม่อยากใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยอยู่ที่เมืองซาคราเมนโต เธออยากกากปีกบินไปมีชีวิตที่ผาดโผนที่เมืองใหญ่ๆอย่างนิวยอร์ก และนี่ก็เป็นประเด็นหลักของเรื่อง
ในช่วงไฮสคูลปีสุดท้ายของชีวิตเลดี้เบิร์ด มันไม่ได้มีแค่เรื่องการอยากย้ายไปอยู่อีกเมือง มันมีเรื่องของการเข้าใจผิด ที่คิดว่าอายุ 18 แล้วคือการโตเป็นผู้ใหญ่ สามารถดื่มเหล้าได้ สูบบุหรี่ได้ และมีเซ็กซ์ได้
จะว่าไป เราก็ชอบซีนนี้ ในวันที่เลดี้เบิร์ดอายุ 18 ปี เธอไปที่ร้านขายของ แล้วซื้อพวกบุหรี่ หนังสือโป๊ เพราะว่าอายุถึงที่จะซื้อได้แล้ว แถมยังบอกคนขายอีกว่า อายุ 18 ปีแล้วนะ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนจะได้รับอิสระจะได้โบยบินในไม่ช้านี้
เรื่องที่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกจดจำอีกเรื่องในช่วงชีวิตเวลานี้คือเรื่องความรัก ในหนังไม่ได้บอกว่าเป็นความรักครั้งแรกหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าสำคัญอะไร สิ่งที่สำคัญตรงนี้คือ "การมีเซ็กซ์ครั้งแรก" เลดี้เบิร์ดสาวอายุ18ที่คิดว่าพร้อมแล้วที่จะมีเสียเวอร์จิ้นให้กับหนุ่มที่ยังซิงเหมือนกัน คิดแล้วว่ามันต้องพิเศษมากๆ สำหรับการเสียสาวให้กับหนุ่มที่ตัวเองชอบซึ่งหนุ่มคนนั้นก็จะเสียหนุ่มให้เธอเช่นกัน แต่โลกชอบเล่นตลกกับชีวิตคนเราเสมอ เหตุการณ์มันไม่ได้เป็นแบบที่คิดเสมอไป มันจึงกลายเป็นความผิดพลาดที่คิดว่าไม่ควรจัดสินใจทำลงไปเลย
ว่าด้วยเรื่องเพื่อน มันแน่นอนอยู่แล้วล่ะที่ วัยรุ่นช่วงนั้นจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ กลุ่มที่รวยๆป๊อปๆหน่อย ก็จะมีแต่คนสนใจ ส่วนกลุ่มที่ฐานะทางบ้านธรรมดาหน่อยก็จะเป็นเหมือนธาตุอากาศที่ไม่มีใครอยากจะสนใจมากนัก ส่วนเลดี้เบิร์ดที่ฐานะทางบ้านไม่ได้รวยก็คบเพื่อนระดับเดียวกันอย่างจูลล์ ต่อมาเลดี้เบิร์ดสนใจไคล์หนุ่มนักดนตรีที่รู้จักกับเจนนาสาวบ้านรวย เธอจึงไปคบกับเจนนาและออกห่างจูลล์ เพื่อเพิ่มระดับฐานะตัวเองโดยการโกหกเจนนาว่าตัวเองรวย และแน่นอนที่จะมีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นหลังจากการเปลี่ยนกลุ่มเพื่อน เลดี้เบิร์ดลองผิดลองถูกลอลเสี่ยงทุกอย่างในชีวิต รวมถึงเรื่องนี้ด้วย
ตรงนี้เป็นประโยคที่โดนใจเรามาก
Marion: I want you to be the very best version of yourself that you can be.
Lady Bird: What if this is the best version?
เป็นช่วงที่เลดี้เบิร์ดไปลองชุดเพื่อใส่ไปงานพรอม เธอชอบชุดสีชมพูมาก แต่ผู้เป็นแม่ก็บอกว่า "มันชมพูไปรึเปล่า" เลดี้เบิร์ดน้อยใจที่ไม่ว่าจะชุดไหนอะไรยังไงแม่ก็ยังไม่พอใจในตัวเธอ ผู้เป็นแม่จึงพูดขึ้นมาว่า "แม่แค่อยากให้ลูกเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดที่ลูกจะเป็นได้" เลดี้เบิร์ดถามกลับไปว่า "แล้วถ้านี่เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดแล้วล่ะ" ตรงนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงความหวังดีของคนเป็นแม่ อยากให้ลูกเจอแต่สิ่งดีๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
และซีนนี้เป็นซีนที่มาริยงผู้เป็นแม่บ่นว่ากว่าจะเลี้ยงลูกมาถึงตอนนี้ใช้เงินไปหลายบาทนะ เลดี้เบิร์ดฉุนเลยตอบกลับไปว่า
Marion: Whatever we give you,it's never enough.Do you have any idea what it costs to raise you?
Lady Bird: You give me a number for how much it cost to raise me.And I'm going to get older and make a lot of money,and write you a check for what I owe you.
เอาจริงๆเหตุการณ์นี้อาจเป็นเหตุการณ์ที่นกน้อยทั้งหลายเคยตั้งคำถาม "ตั้งแต่เราเกิดมา พ่อแม่ใช้เงินในการเลี้ยงดูเราไปเท่าไหร่" และในบริบทของหนังเรื่องนี้เป็นบริบทที่เลดี้เบิร์ดฉุนเฉียวที่ผู้เป็นแม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แล้วก็ถามกลับไปว่า "แม่ใช้เงินเลี้ยงหนูมาเท่าไหร่ล่ะ ตอนหนูโตไปจะใช้คืนให้เอง"
ส่วนซีนที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดคือซีนท้ายๆของเรื่อง ที่เลดี้เบิร์ดตัดสินใจโทรหาแม่ และเรียกแทนตัวเองว่า "คริสทีน" มันเป็นเหมือนกับว่าเธอเข้าใจและยอมรับตัวเองที่แท้จริงของตัวเองได้แล้ว ถึงแม้จะเป็นการฝากข้อความก็เถอะ อีกทั้งเธอยังเล่าถึงเรื่องการขับรถครั้งแรกในซาคราแมนโต้ เรื่องที่เธออยากคุยกับแม่มากๆ แต่กลับคุยไม่ได้ เพราะตอนนั้นแม่ยังโกธรเธออยู่ และจบท้ายเรื่องตรงที่ประโยค "I wanted to tell you, I love you. Thank you. I'm...Thank you." เป็นประโยคปิดท้ายที่กลั้นนำตาไว้ไม่ไหวจริงๆ การได้ออกมีอิสระอย่างที่ต้องการมันต้องแลกกับบางสิ่งที่เราไม่ต้องการเช่นกัน
เวลาผ่านไป อะไรๆก็เปลี่ยนแปลง นกน้อยที่ตอนอยู่ในรังกับครอบครัวนกนั้น อยากจะโบยบินออกมาจากรังแทบตาย และเมื่อถึงเวลาโบยบินออกมารับอิสระแล้ว เธอก็ได้เข้าใจโลก ได้รู้จักการใช้ชีวิตที่แท้จริง ว่าการใช้ชีวิตมันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คิดไว้ตลอดหรอกนะ
และสุดท้ายนี้ พวกเราทุกคนต่างเคยเป็นเลดี้เบิร์ดในช่วงหนึ่งของชีวิต อยากจะโบยบิน อยากจะมีอิสระ และอยากจะรู้จักโลกมากกว่าเดิม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in