My Inspiration
based on true events เล็กน้อย
แดเนียลอยู่กับมินฮยอนช่วงตรุษจีน
และ
BOYd KOSIYABONG - The Lost Hour ในคืนที่เราเจอะเจอกันครั้งแรก
feat. Win Sirivongse [OFFICIAL MV]
อยากจะพบ...อีกสักครั้ง
อยากให้คืนนั้นย้อนคืนมาใหม่
Realdefdanik: ฮวังมินฮยอน
Realdefdanik: ตรุษจีนนี้
Realdefdanik: กลับปูซานรึเปล่า
ไม่แน่ใจเหมือนกัน : Optimushwang
Realdefdanik: อืม
มีอะไรรึเปล่า : Optimushwang
Realdefdanik: เปล่า
อืม : Optimushwang
Realdefdanik: แต่จริงๆก็มี
? : Optimushwang
Realdefdanik: ตรุษจีนนี้
Realdefdanik: เรามาเจอกันหน่อยมั้ย
//
ตรุษจีนคือช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันที่คังแดเนียลได้หยุดพักจากการทำงาน โดยก่อนหน้านั้นโหมงานหนักเกือบ 365 วัน ความโด่งดัง, การมีชื่อเสียง และการปีนไต่บันไดขึ้นไปสูงเสียดฟ้า ยิ่งสูงเพียงใดนั้นยิ่งต้องแลกกับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต ไม่มีผู้ใดเป็นผู้ได้รับไปตลอดหรอก เป็นสัจธรรมของประโยคที่ว่า 'ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง'
ความมุ่งมั่น, ความตั้งใจ และความทะเยอะทะยานทำให้เขาได้มายืนตรงจุดนี้
ระหว่างทางได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเต็มเหนี่ยว แดเนียลได้รับความรัก, ความเกลียดชัง, มิตรภาพ, บทเรียน, แฟนคลับ และอื่น ๆ อีกมากมายจนสาธยายไม่หมด เขานึกขอบคุณสิ่งเหล่านั้นอยู่บ่อยครั้ง มันทำให้ไม่ลืมจุดยืน ไม่เสียตัวตน และจุดประสงค์ที่เคยตั้งเอาไว้
เมื่อวันหยุดใกล้เข้ามา...สิ่งแรกที่คิดถึงเลยคือบ้านเกิด
อยากกลับปูซาน
คิดถึงครอบครัว คิดถึงแมวที่บ้าน คิดถึงเพื่อน คิดถึงเนื้อย่างร้านประจำที่เคยกินบ่อย ๆ
แล้วจู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา...คนที่บ้านเกิดอยู่ปูซานเหมือนกัน
เคยทำงานด้วยกันมาก่อน...และเป็นทีมเดียวกันมาก่อน
คิดถึง 'ฮวังมินฮยอน'
ชั่งใจอยู่นานว่าจะติดต่อไปดีหรือไม่ แต่สุดท้ายการกระทำก็ไวกว่าความคิด รัวนิ้วกดบนแป้นพิมพ์ส่งข้อความหาอีกฝ่ายเสียแล้ว...แดเนียลไม่ได้หวังอะไรหรอก เขาพยายามปลอบใจตัวเองว่าหากโดนปฏิเสธก็ไม่เสียหาย เพราะอย่างไรเสียก็ต้องกลับบ้านเกิดตามแผนที่วางเอาไว้อยู่ดี แถมบอกครอบครัวไว้เรียบร้อยแล้วด้วย
"ไปไหนกันดี?"
แดเนียลหลุดจากภวังค์ หลังจากเหม่อมองถนนเบื้องหน้าอยู่นานสองนาน
"ถ้าให้พูดตรง ๆ คือไม่ได้คิดไว้เลย" เขาเอ่ยตอบคนข้างกาย
"ชวนมา แต่ไม่ได้วางแผนไว้เนี่ยนะ?" ฮวังมินฮยอนหันมาถามเสียงขึ้นจมูก ก็อากาศที่ปูซานตอนนี้หนาวน้อยเสียเมื่อไหร่กันล่ะ
"ไม่อะ"
"ย๊า! คังแดเนียล!"
แดเนียลหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นใครอีกคนหน้าบูดบึ้ง เพราะมินฮยอนเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร นิสัยเพอร์เฟ็ค เนี้ยบ เป็นจอมวางแผน เจ้าระเบียบ แถมยังขี้บ่นมาก ดูได้จาก 'คิมแจฮวาน' เพื่อนอายุเท่ากันกับเขาที่โดนดัดนิสัยสิ จริง ๆ ตัวแดเนียลเองก็โดนบ่นอยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งแทนที่จะหัวเสีย เขากลับยิ้มเผล่ส่งให้ไปเหมือนคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวแทน มินฮยอนจึงเลิกจ้ำจี้จ้ำไชได้
"งั้นไปดูหนังไหมล่ะ ช่วงนี้มีหนังน่าดูเข้าพอดี"
"ดูหนังเหรอ?"
"ใช่—หรือคุณฮวังมินฮยอนไม่อยากดูครับ"
"อี๋—เลิกพูดสุภาพเถอะ ขนลุกว่ะ" มินฮยอนเบะปากใส่ เรียกเสียงหัวเราะของแดเนียลอีกรอบ
"งั้นไปดูหนังก่อนแล้วกัน ฉันได้ยินมาว่าเรื่อง Black Panther มาถ่ายทำที่ปูซานด้วยนะ แล้วหลังจากนั้นค่อยคิดว่าจะไปไหนต่อ"
เมื่อตกลงกันได้แล้วจึงจัดการเช็ครอบหนัง พยายามเลือกเวลาที่ใกล้ฉายมากที่สุด เพราะไม่อยากไปเตร็ดเตร่แถวนั้นนาน ๆ ยิ่งเป็นช่วงวันหยุดผู้คนยิ่งเยอะเป็นทวีคูณ
อันที่จริงแดเนียลชอบดูหนังรอบดึก ทว่าเวลาที่มีจำกัดในตอนนี้จึงไม่สามารถทำแบบนั้นได้
หลังดูหนังค่อยพาไปกินเนื้อย่างร้านประจำแล้วกัน
“เซ็ตป๊อบคอร์นคู่กับน้ำหนึ่งแก้วคงพอแล้วมั้ง”
“งั้นฉันเลือกน้ำ—ขอโคล่าครับ” เขาบอกมินฮยอน ก่อนจะหันไปบอกพนักงาน
“อ้าว แล้วป๊อบคอร์นจะเอารสอะไรล่ะ?”
“นายเลือกสิ”
“ฉันชอบคาราเมล” มินฮยอนตอบ
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาคาราเมล”
“แต่นายชอบรสชีส”
ใช่—คังแดเนียลเป็นชีสเลิฟเวอร์ เขาแอบอมยิ้มเพราะอีกฝ่ายจดจำรายละเอียดเล็กน้อยนั้นได้ คิ้วสวยขมวดเป็นปม ชั่งใจอยู่หน้าตู้บรรจุป๊อบคอร์นหลากหลายรส
“มินฮยอน...คนเริ่มสนใจเราแล้วนะ เลือกคาราเมลไปเถอะ ฉันไม่เป็นไร”
“เอ่อ—ผมขอผสมกันได้มั้ยครับ”
“อะ—เอ่อ ได้ค่ะๆๆๆๆๆ” พนักงานรีบพยักหัวรัว ๆ คงเพราะเผลอสบตาเรียวที่ยกหยี เนื่องจากมีรอยยิ้มใต้ผ้าปิดปากสีดำ
“ถ้าอย่างนั้นขอรสชีสครึ่งล่าง แล้วใส่รสคาราเมลไว้ข้างบนแล้วกันครับ”
ถึงแม้มินฮยอนจะเป็นคนสั่งป๊อบคอร์น แต่สุดท้ายมันก็มาอยู่ในมือของแดเนียล ส่วนแก้วน้ำดันไปอยู่ที่ใครอีกคนแทน
“เหลือเชื่อเลยนะ หนังเรื่องนี้”
“นั่นสิ ถ่ายปูซานออกมาได้สวยสุด ๆ...ว่าแต่นายมากินเนื้อย่างร้านนี้บ่อย ๆ เหรอ?” มินฮยอนถามขณะที่กำลังย่างเนื้อบนเตา
“บ่อยสุด ๆ...หลังเต้นเสร็จก็มากินกับเพื่อนก่อนกลับบ้าน”
“อร่อยดี ฉันเคยได้ยินแต่ไม่เคยมากินเลย”
“ก็พามากินแล้วนี่ไงฮวังมินฮยอน” แดเนียลยิ้ม
แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าเป็นปกติอยู่แล้ว แต่วันนี้เขารู้สึกได้ว่าตัวเองยิ้มมากกว่าทุกครั้ง...ยกยิ้มจนเมื่อยแก้มไปหมด ไม่ต้องถามหรอกว่าทำไม ตอบไม่ยากเลยว่าเพราะคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันนั่นแหละ
“วันนี้พาคุณน้าไปเดินช็อปปิ้งมาเหรอ?”
“อ่า...รู้ได้ไงเนี่ย”
“รูปเต็มโซเชียลไปหมด ใครจะไม่รู้กันล่ะ”
“ก็เป็นคนดัง...ช่วยไม่ได้” เขาแกล้งยักไหล่จนโดนมินฮยอนเตะขาอย่างแรงเพราะหมั่นไส้
“ถ้ากินเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ?”
เมื่อโดนถาม แดเนียลจึงยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกา พวกเขามีเวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากเข็มนาฬิกาล่วงเลยผ่านเที่ยงคืนไป ไม่เกินตีสองคงต้องบอกลากัน และในตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วด้วย
“ฉันอยากไปแวะไป Fuzzy Navel เป็นบาร์ของพี่ที่รู้จัก นายอยากไปหรือเปล่า?”
“ไปก็ได้”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ดื่มหรอก”
“คังแดเนียล…ฉันรู้นิสัยนายดี จริง ๆ นายจะดื่มตอนกินเนื้อย่างก็ได้ แต่นายไม่ยอมดื่ม เพราะฉะนั้นตอนไปหารุ่นพี่ที่บาร์ ถ้าอยากดื่มก็ดื่ม…ฉันจะนั่งรอ” มินฮยอนสบตากับแดเนียล
“แต่หลังจากไปบาร์ นายต้องพาฉันไปเขาฮวังรยองซานด้วยเข้าใจไหม?”
“เข้าใจครับฮวังมินฮยอน”
คังแดเนียลยิ้มกว้างอีกแล้ว
//
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะมึง เพราะคนที่นั่งรอตรงโต๊ะนู่นหรือเปล่า?”
“นิดนึงว่ะพี่” แดเนียลหันมาตอบรุ่นพี่ที่เอ่ยแซวอยู่หลังบาร์
“ไม่คิดจะพามาทำความรู้จักบ้างหรือไง?”
“พี่ก็รู้จักเขาอยู่แล้วนี่”
“มึงหวงก็บอกมาไอ้ดานิค”
“เปล่าสักหน่อย”
“ดี—งั้นกูเข้าไปทำความรู้จักดีกว่า”
“เฮ้ยพี่!” แดเนียลเอ่ยเรียกรุ่นพี่ที่เดินฉับ ๆ ไปหาใครอีกคนที่นั่งรออยู่ เขารีบสาวเท้าเข้ามาสมทบบทสนทนาทันที
“ไหน ๆ ก็อายุเท่ากัน ขอเรียกมินฮยอนเฉย ๆ แล้วกันนะ”
“ได้เลย” มินฮยอนยิ้มรับ
“ตอนนายเป็นเซ็นเตอร์เพลง Never ฉันน่ะเชียร์นายสุดใจเลยนะ แถมยังช่วยโหวตนายด้วย”
“อ้าวพี่ ไหนบอกโหวตผมไง” เขาโวยวาย
“กูโหวตทุกคนที่กูชอบ”
“โหย~ ไรว้า~” แสร้งทำเป็นงอแง เรียกร้องความสนใจ
“ไว้วันหลังแวะมาได้บ่อย ๆ เลยนะมินฮยอน ฉันจะลดราคาให้ คนกันเองทั้งนั้น”
“ผมเป็นคนไม่ดื่ม แต่จะพยายามชวนเพื่อนมาแล้วกัน”
แผนที่เคยวางเอาไว้ว่าอยากพาฮวังมินฮยอนมาทำความรู้จักเพื่อนพี่น้องของคังแดเนียลสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีโดยไม่หลุดพิรุธอะไร เขาคิดมาตลอดแต่ไม่เคยได้ทำสักที ถึงตอนนี้ที่เห็นรอยยิ้มจริงใจของคนข้างกาย ยิ่งทำให้ตัวเองรู้สึกมีความสุขตามไปด้วย เห็นฮวังมินฮยอนมีความสุข…แค่นี้ก็ดีมากมายแล้ว
//
“วิวที่มองจากบนเขาฮวังรยองซานแม่งสวยจริง ๆ ด้วย” แดเนียลว่าก่อนจะสูดลมหายใจเอาอากาศเย็น ๆ เข้าไปเต็มปอด
“ฉันบอกแล้ว” มินฮยอนตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
“สงสัยเพราะเรียกว่า ‘ฮวัง’ เหมือนนายมั้ง…ก็เลยสวย”
“น้อย ๆ หน่อยคังแดเนียล”
“ฮ่า ๆ ๆ”
ใครอีกคนกรอกตาใส่เขาอีกรอบ เคยเป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ภาพของคังแดเนียลผู้ร่าเริงที่มักยืนหัวเราะอยู่ข้างกายฮวังมินฮยอนผู้ไม่เคยอินหรือรับมุกใด ๆ เลย เป็นภาพชินตาที่ไม่เคยเปลี่ยน แม้ในตอนหลังจะไม่มีภาพเหล่านั้นอีกแล้วก็ตาม
ลักษณะนิสัยและไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างแตกต่าง ทำให้ไม่เคยคาดคิดว่าเราทั้งคู่จะปรับเข้าหากันได้ แม้แต่คนในทีมเก่ายังคิดว่าการเป็นอยู่ของเราดูเกร็งจนเหมือนไม่สนิทกันเลยสักนิด เมื่อเวลาผ่าน...ความเคอะเขินที่เคยมีมากมายได้มลายหายไปจนหมดสิ้น และแน่นอนว่ามีแค่เราเท่านั้นที่รู้กันเองในใจ
“นายจะอยู่ด้วยกันจนฉันแยกกับเพื่อนหรือเปล่า?”
คังแดเนียลส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันแค่อยู่รอจนกว่าเพื่อนของนายจะมาถึง...แล้วค่อยกลับ ไม่อยากรบกวนเวลารียูเนียน” เขาอธิบายเหตุผลต่อ “แค่ทำความรู้จักกับเพื่อนของนาย เหมือนที่ฉันพานายไปทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อนของฉัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ใกล้หมดเวลาแล้วสิ”
“อืม”
ถามตอบด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดา เหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ ทั้งที่ต่อจากนี้ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้กลับมาเจอหน้ากัน เดินด้วยกัน หรือใช้ชีวิตด้วยกันแบบนี้อีก
หนึ่งปีที่เราทุกคนแยกจาก...มันเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดมาอยู่แล้ว ในตอนนั้นมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา กอดกันแน่นเหมือนความรู้สึกช่วงเริ่มต้นที่ถูกคัดเลือกมาอยู่ทีมเดียวกัน ถึงจะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ แต่ถือว่าคังแดเนียลทำใจและวางตัวได้ดีทีเดียว
“ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก” มินฮยอนพูด ทั้งที่ดวงตาเหม่อมองไปยังวิวทิวทัศน์เบื้องล่าง “แต่วันนี้ฉันมีความสุขมากจริง ๆ”
“ขอบคุณนะแดเนียล”
แดเนียลยกยิ้ม “ฉันเฝ้ารอวันนี้มาเป็นปี...วันที่เราได้กลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอีกครั้ง ขอบคุณเหมือนกันที่ยอมมาตามคำชวน”
ใคร ๆ อาจจะมองว่าก่อนหน้านั้น ทีมของพวกเราเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานเฉพาะกิจ มีสัญญา มีระยะเวลาที่แน่นอน—ใช่ มันเป็นแบบนั้น
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาระหว่างร่วมงานนี่สิ
มันคือชีวิตช่วงหนึ่งของคนหลายคนที่ร่วมแบ่งปันกัน ความสุข, ความทุกข์, ความสามัคคี, ความมุ่งมั่น, ความทะเยอะทะยาน, ความเหนื่อยล้า และความรัก
เราแบ่งปันและรับกลับไปคนละเล็กละน้อย
หลายสิ่งที่เลือกรับ
และหลายสิ่งที่เลือกทิ้งเอาไว้ตรงนั้น
“ฮวังมินฮยอน”
เขาเอ่ยเรียกคนข้างกายขณะที่ก้าวไปชิดใกล้กว่าเดิม และเมื่อใครอีกคนหันมา...ริมฝีปากของคังแดเนียลก็สัมผัสกับความนุ่มหยุ่นสีอมชมพูนั้นทันที มินฮยอนเบิกตากว้าง ก่อนจะปิดตาลงตอบรับจูบแสนหวาน
สองมือใหญ่ประคองใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นของเทพเจ้าเอาไว้ บดเบียดละเมียดละไมบนริมฝีปากบางและดูดดึงอย่างโหยหา ก่อนจะส่งเรียวลิ้นเข้าไปทักทายในโพรงปากของมินฮยอน กวาดชิมทุกซอกทุกมุม ไล้ลิ้นไปตามแนวฟัน หยอกล้อกันอย่างไม่กลัวเหน็ดเหนื่อย...และปล่อยให้ลมหายใจอุ่นร้อนโลมเลียผิวหน้าของกันและกัน
จูบกับมินฮยอนไม่จำเป็นต้องกลั้นหายใจเลยสักนิด
จูบให้เหมือนกับไม่เคยจูบกันมาก่อน
จูบให้เหมือนกับเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอหน้า
จูบให้เหมือนกับปีที่แล้ว...ก่อนเราบอกลา
รสจูบแสนหวานจะตราตึงในหัวใจไปอีกเนิ่นนาน แม้ในอนาคตอาจจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้...หรืออาจะไม่มีโอกาสนั้นอีกเลย
ฮวังมินฮยอนคือหนึ่งสิ่งที่คังแดเนียลเลือกทิ้งเอาไว้
คังแดเนียลเองก็เป็นสิ่งที่ฮวังมินฮยอนเลือกที่จะปล่อยไปเช่นกัน
"..."
"..."
ดวงตาสองคู่สบประสาน เหมือนพยายามจดจำใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้ และซึมซับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันเปี่ยมล้น
นัยน์ตาของคังแดเนียลมีฮวังมินฮยอนอยู่
และนัยน์ตาของฮวังมินฮยอนก็มีคังแดเนียลเช่นกัน
"โชคดีนะมินฮยอน"
บอกลาด้วยคำนี้ แทนการพูดว่า 'ลาก่อน'
เหมือนการบอกลาในปีที่แล้ว
ที่ต่างคนต่างไม่ยอมบอกลาตรง ๆ
มีเพียงคำอวยพรขอให้ใครอีกคนโชคดี
"โชคดี" แดเนียลย้ำอีกรอบ
ก่อนจะผละตัวออกห่างคนตรงหน้า ในขณะที่กลุ่มเพื่อนของมินฮยอนเดินทางมาถึงพอดี
ในคืนที่เราเจอะเจอกันครั้งแรก(หลังจากที่ไม่ได้เจอมานาน)
...ก็เป็นคืนที่เราต้องลาจาก
เธอทำให้คืนที่เราพบกันครั้งแรก...
กลับเป็นคืนที่ไม่ลืมไปจากใจ
Twitter: @pitpeachaa
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in