เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Little Worldขอบฟ้าสีจาง
ออกเดินทาง. . .แล้วเราจะยิ้มได้กว้างกว่าเดิม PART II
  • วันที่ 14 ตุลาคม 2560

             เช้านี้เราสะดุ้งตื่นตอน 05.40 น. ทั้งที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 05.15 น.  พอเห็นเวลาเท่านั้นล่ะ เรารีบลุกตาลีตาเหลือกทันที  คิดว่าจะมาไม่ทันใส่บาตรซะแล้ว  เพราะอ่านกระทู้รีวิวตั่งต่างมาว่าเค้าใส่บาตรกันตอน  6 โมงเช้า  พอมาถึงสะพานก็รีบจ้ำอ้าวไปฝั่งมอญทันที  มีร้านขายของใส่บาตรพระหลายร้านให้เลือกซื้อ  ราคาชุดละ 99 บาท แถมของที่ระลึกให้ด้วย

    เราซื้อที่ร้าน "ป้าหยิน" ได้ของที่ระลึกเป็นโต๊ะไม้อันน้อย

     แต่เนื่องจากร้านที่เราซื้ออยู่ใกล้สะพาน  คนขายเลยแนะนำให้เราเดินขึ้นไปจะได้ไม่ต้องรอพระนาน  เราก็เลยเดินย้อนขึ้นไปเรื่อยๆ  สองข้างทางก็จะมีชุดตักบาตรวางไว้บนเก้าอี้ให้ได้เลือกซื้อมากมาย


    ระหว่างทางจะมีชุดตักบาตรวางเรียงเป็นแถวยาวตลอดแนว


    เดินมาได้สักพักเห็นคนเยอะมาก  เลยตัดสินใจซื้อเพิ่มอีก 1 ชุดแล้วนั่งคอยพระ
    เรานั่งคอยพระตรงหน้าร้านพี่คนนี้  พี่เค้าใจดีมาก มาถ่ายรูปให้เราด้วย 

      เพราะคนมาใส่บาตรเยอะมาก  กว่าพระจะเดินมาถึงที่เรานั่งก็ปาไปแปดโมงกว่าแล้ว


    พระที่นี่ไม่มีให้พรนะคะ 


    ระหว่างรอพระก็เห็นน้าคนนี้เดินมา  เป็นความสามารถของคนที่นี่สินะ

    เจอพี่เจนนี่ "เทยเที่ยวไทย" ด้วยแหละ

    อิ่มบุญแล้วแต่ท้องยังไม่อิ่มเลยเดินเข้าร้านขึ้นชื่อ "โจ๊กนั่งยอง" คนแน่นเต็มร้านไปหมด  ต้องงัดวิชาที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก  ตอนสมัยที่เล่นเก้าอี้ดนตรีขึ้นมาใช้เล็กน้อย ฮาาาาา

    รสชาดอร่อยดี  ตอนแรกกะจะชิมโรตีโอ่งด้วย  แต่คนเยอะมากจนสู้ไม่ไหวจริงๆ

    หลังจากอิ่มท้องแล้ว  เราก็เดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศเล็กน้อย


    ตอนเราตัวเท่านี้  ยังนอนดูดนมดูการ์ตูนอยู่เลยมั้ง

    เด็กที่นี่ช่วยพ่อแม่หารายได้กันตั้งแต่เช้าเลย

    การพูดเรียกลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแพทเทิร์นเดียวกัน ฮาาา


    ดูปุยเมฆนั่นสิ


    เสียดายไม่ได้ลงไปเดินข้างล่าง  เพราะเปลี่ยนแผนไม่ไปดูวัดจมน้ำ


    หลังจากที่เราถ่ายรูปจนพอใจก็ขี่รถไปวัดวังก์วิเวการามเพื่อสักการะหลวงพ่ออุตะมะ 

    สะพานไม้จากมุมระหว่างทางไปวัดวังก์ฯ


    ถึงแล้ววัดวังก์ฯ


    รูปถ่ายหลวงพ่ออุตตะมะ


    หุ่นจำลองหลวงพ่อ

    หลังจากสักการะขอพรหลวงพ่อแล้ว  เราก็ขี่รถไปเจดีย์พุทธคยาต่อ

    บนยอดเจดีย์มีพระบรมสารีริกธาตุส่วนที่เป็นกระดูกนิ้วหัวแม่มือขวา 2 องค์ ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารประดิษฐานอยู่


    พื้นผิวองค์เจดีย์มีลักษณะเป็นช่อง โพรง 


    ภายในโพรง มีพระพุทธรูปองค์เล็กๆ ในพุทธลักษณะต่างๆ วางอยู่

    จากที่เคยคิดว่าชอบทะเล  หลังจากที่ได้มาสังขละฯ  เลยได้รู้ว่าเราก็ชอบ "เขา" เหมือนกันนะ



    สรุปทริปสังขละบุรี  ถึงจะไกลไปหน่อย  แต่เราว่ามันคุ้มค่าที่ได้มา  อาจจะมีปัญหาติดขัดบ้าง แต่พอได้ มาเห็นธรรมชาติ  วิถีชีวิตของคนที่นี่  เห็นสิ่งต่างๆ  มันช่วยเยียวยาความเครียดจากการทำงาน  ทำให้เรามีแรงกลับไปสู้ต่อได้  เหมือนได้กลับไปชาร์จแบตให้ร่างกายตัวเอง  ดีใจที่ครั้งหนึ่งเราได้มา  และมันให้ทำเราอยากออกเดินทางเพื่อพบเจอสิ่งใหม่ๆอีกครั้ง 


    เพื่อทำให้รอยยิ้มเราได้กว้างขึ้นกว่าเดิม :)

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in