*** เรื่องสั้นจาก TRPG ที่ผมเป็นหนึ่งในผู้เล่นครับ
*** เซตติ้งของ Rahet เป็นผลงานของ GM คุณเบนซ์ และผู้แต่ง คุณทอม
ศักราชที่ 924
แผ่นดินมนุษย์ เมืองหลวงอะคาดอร์
จอห์น ไอส์เลย์--ตาแก่เจ้าของร้านเหล้ากำลังเดินอยู่บนถนนภายในเมืองหลวง สองตาสอดส่ายไปทั่วบริเวณ พร้อมกับพยายามจดจำเส้นทางต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็พยายามหาเส้นทางที่จะใช้ในการเดินทางไปพระราชวังไปพร้อม ๆ กัน
ถึงแม้ว่าอะคาดอร์จะเป็นเมืองหลวงที่กษัตริย์และราชวงศ์ประทับอยู่ แต่ทุกคนต่างก็รู้กันว่าขณะนี้เมืองหลวงตกอยู่ภายใต้การปกครองขององค์กรศาสนา การที่ไอส์เลย์ซึ่งเป็นปิศาจระดับล่างมาเดินเพ่นพ่านบนท้องถนนจึงเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง ถึงแม้เขาจะมั่นใจในการปลอมตัว แต่ตัวเขาเองก็รู้ว่าหากถูกจับได้ เรื่องนี้จะจบไม่สวยอย่างแน่นอน
มีเหตุผลสำคัญอยู่สามข้อ ที่ทำให้เขาตัดสินใจออกมาจากที่ซ่อน เพื่อมาเดินเตร่อยู่บนท้องถนนของเมืองหลวงที่ตัวเขาเคยมาเยือนเมื่อสองปีก่อน
ข้อแรก เขาออกมาสำรวจเส้นทางเพื่อที่จะใช้เขียนแผนที่ของเมืองหลวง ในคืนนี้พรรคพวกของไอส์เลย์จะบุกเมืองหลวงเพื่อชิงตัวนักโทษ การระบุตำแหน่งต่าง ๆ ให้ชัดเจนอีกครั้งน่าจะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น ไอส์เลย์คิดเช่นนั้น
ในช่วงสองปีมานี้ องค์กรศาสนาได้แผ่ขยายอำนาจอย่างกว้างขวางในแผ่นดินของมนุษย์ กลุ่มคนที่พวกมันเห็นว่าเป็นศัตรูต่างก็ถูกกำจัดไม่ก็ถูกคุมขัง ทั้งภาคีอัศวิน เหล่าปิศาจ กองกำลังทหารจากเกาะอินนอธ และกลุ่มอื่น ๆ ที่องค์กรศาสนาเห็นว่าเป็นภัยได้ถูกจับมาขังไว้ยังเมืองหลวง นักโทษเหล่านี้คือเป้าหมายที่พวกเขาจะต้องช่วยออกมาให้ได้
พรรคพวกของไอส์เลย์ที่จะบุกเมืองหลวงในคืนนี้ก็รวมตัวกันขึ้นมาจากเหล่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากองค์กรศาสนาเช่นกัน
การรวมตัวกันอย่างหลวม ๆ นี้ บางครั้งก็นำคนที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันมาไว้ด้วยกัน และนั่นนำไปสู่เหตุผลข้อที่สอง
ในที่ซ่อนตัวนั้นมีกุสตาฟอยู่
กุสตาฟ—อดีตนายทหาร ผู้ชำนาญการใช้และประดิษฐ์อาวุธปืน ไอส์เลย์ไม่ชอบเขา เป็นเรื่องยากสำหรับไอส์เลย์ที่จะให้เขาไปญาติดีกับคนที่ครั้งนึงเคยจับเขา อีกทั้งทัศนคติและความคิดเห็นของทั้งเขาและกุสตาฟต่างก็ไปกันคนละทิศคนละทาง ทำให้ไอส์เลย์ไม่สามารถไว้วางใจกุสตาฟได้
โอ๊ะโอ
เวรยามของอะคาดอร์กำลังลาดตระเวนอยู่ที่อีกฝากของถนน ความสามารถของไอส์เลย์ สัมผัสทองคำ ทำให้เขารับรู้ถึงเครื่องรางห้าอันที่ประดับอยู่บนร่างของพวกมัน เขาคิดว่าพวกมันเป็นคนขององค์กรศาสนา ไอส์เลย์ตัดสินใจเดินผ่านไปอย่างเป็นธรรมชาติ ระวังไม่ให้เกิดพิรุธ พลางนึกหาเส้นทางที่จะนำเขาไปสู่พระราชวัง
...
ไอส์เลย์เดินทางมาถึงธารน้ำสายหนึ่ง การเดินทางจากเขตที่เขาอยู่ไปยังเขตของพระราชวังจำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์ขนส่งทางน้ำ มันเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีลักษณะเป็นแผ่นกลม ๆ ลอยน้ำ ซึ่งจะพาผู้ที่ยืนอยู่ข้างบนลอยทวนกระแสน้ำและจะหยุดรับส่งผู้โดยสารไปยังจุดต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดไว้
ไอส์เลย์รออุปกรณ์รับส่งที่จุดหนึ่งข้างธารน้ำ ทันทีที่มันเข้ามาจอดที่จุดรอ เขาก็ก้าวขึ้นไปบนอุปกรณ์รับส่งและเลือกเป้าหมาย
น่าแปลกที่ครั้งนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
...
ทหารยามประจำประตูหน้าพระราชวังกำลังซักถามชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ชายแปลกหน้านั้นมีอายุประมาณสี่สิบเศษ ไม่สูงไม่เตี้ย มีใบหน้าที่ดูภูมิฐาน ชายคนดังกล่าวมาติดต่อกับพวกเขาเพื่อขอผ่านประตู เขาแจ้งกับทหารยามว่าเป็นพ่อค้าเหล้าซึ่งได้ติดต่อกับคนครัวของพระราชวังไว้
“พ่อหนุ่ม ข้านำสินค้าตัวอย่างมาส่งให้กับคนครัวน่ะท่าน”
ชายแปลกหน้าชี้ไปที่รถเข็นขนาดเล็กที่บรรทุกถังเหล้ามาสองถัง ในขณะที่หัวหน้าทหารยามหนุ่มทำการตรวจสอบรายชื่อของผู้ที่มีสิทธิผ่านเข้าพระราชวังวันนี้
“แจ้งนามของท่าน”
“ข้าชื่อ ฌอน ข้าติดต่อกับคนครัวเรื่องสินค้าตัวอย่างไว้เมื่อสองวันก่อนน่ะท่าน”
“ไม่มีชื่อท่านในรายชื่อ ท่านติดต่อกับคนครัวคนไหนไว้หรือท่านฌอน”
พ่อค้าเหล้าทำท่าครุ่นคิดชั่วครู่
“ข้าไม่แน่ใจชื่อของเขานะท่าน เราพบกันในร้านเหล้าเมื่อสองวันก่อน เขาชิมวิสกี้ของข้าแล้วถูกใจ จึงขอสินค้าตัวอย่างจากข้า”
พ่อค้าเหล้าบอกเช่นนั้น พร้อมกับรื้อค้นสัมภาระของตน จากนั้นจึงส่งเอกสารรับรองตัวตนจากสมาคมการค้าแก่ทหารยาม
“หากท่านไม่เชื่อ สิ่งนี้คือหลักฐานรับรอง ข้านำวิสกี้หายากมาเสนอขายให้กับวัง พวกท่านสนใจจะลองชิมสักหน่อยมั้ยล่ะ”
พ่อค้าเหล้าส่งรอยยิ้มการค้าให้ พร้อมกับตั้งท่าแกะจุกคอร์กที่ปิดถังเหล้า กลิ่นหอมของเหล้าที่เจือกลิ่นอ่อน ๆ ของเชอร์รี่ได้อวลไปทั่วบริเวณ ทำเอาทหารยามหลายคนถึงกับน้ำลายสอ
ทหารยามหนุ่มพินิจท่าทางของพ่อค้าเหล้าแต่ไม่พบพิรุธใด ๆ เอกสารรับรองของสมาคมการค้าก็เป็นของจริง อีกทั้งเรื่องที่คนครัวมักจะติดต่อสั่งสินค้าจากต่างแดนเข้ามาประกอบมื้ออาหารก็เกิดขึ้นบ่อย ๆ มีหลายครั้งเช่นกันที่คนครัวไม่ได้เรื่องเหล่านั้นจะเมาหัวราน้ำจนลืมแจ้งรายชื่อกับทหารยามอย่างเขา
เมื่อสรุปได้ดังนั้นทหารยามหนุ่มจึงตัดสินใจปล่อยให้พ่อค้าเหล้าผ่านประตูเข้าไป
...
“แน่ใจหรือท่านว่าจะไม่ลองสักหน่อยน่ะ”
ลูกน้องของเขาส่งสายตาเป็นเชิงเห็นด้วยกับพ่อค้าเหล้า ทหารยามหนุ่มตัดบท
“เราไม่รับสินบน”
“ข้าชอบเรียกสิ่งนี้ว่า สินน้ำใจ มากกว่า แต่เอาเถอะ หากคราวหน้าพบกันข้าจะกำนัลวิสกี้ที่ดีที่สุดของข้าให้ท่านขวดนึง”
พ่อค้าเหล้าเก็บข้าวของ ก่อนที่จะโบกมือลา พร้อมกับทิ้งท้ายว่า
“บ้านเมืองเราคงจะดีกว่านี้ ถ้าทหารทุกคนซื่อสัตย์เช่นท่าน ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง”
...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in