เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
องครักษ์หญิงจอมป่วนminimore
เล่ม 1 ตอนที่ 8 ใครใช้ให้เจ้าสาระแนเรื่องของเขา
  • เล่ม 1 ตอนที่ 8 ใครใช้ให้เจ้าสาระแนเรื่องของเขา

     

    สายตาของเซียวหนานสวินเลื่อนมาที่นางโดยที่นางยังมิทันได้โต้แย้ง “ดูเหมือนเจ้ามีอะไรอยากจะพูด”

    นางมีแน่นอน!

    “ไท่จื่อ!

    สีหน้าของหนิงเจิงซีดแล้วซีดอีกซีดจนเขียว ในที่สุดนางก็ระเบิดอย่างทนมิไหว “พระองค์อยากให้กระหม่อมตาย กระหม่อมก็ยอมตายต่อให้พระองค์ให้กระหม่อมทำความสะอาดทั้งจวนก็ย่อมได้กระหม่อมก็ไม่กล้าแม้แต่จะบ่นสักคำ!

    แหมแต่ก็ต้องมีบ่นบ้างนั่นแหละ!

    แต่ว่าตอนนี้พูดออกมาไม่ได้ยังไงเล่า!

    นางทั้งโกรธทั้งรู้สึกไม่ยุติธรรม“แต่ว่า พระองค์ยอมให้เขาเหยียดหยามกระหม่อมเช่นนั้นได้หรือพ่ะย่ะค่ะ!

    เซียวหนานสวินหรี่ตาสายตาอันเฉียบคมมองตามนิ้วมือที่นางชี้ “เหยียดหยามหรือ”

    หลิวอี้ตระหนกตกใจส่ายหน้าพัลวัน “ไท่จื่อ พระองค์อย่าไปฟังคำพูดจาเหลวไหลของเขานะพ่ะย่ะค่ะ!

    เขาพูดขอความเป็นธรรม“กระหม่อมเห็นว่าตะวันโด่งแล้วแต่เขาขี้เกียจอู้งานจึงให้เขาลุกขึ้นมาฝึกกายบริหาร ใครจะไปรู้ ว่านอกจากเขายังไม่สำนึกบุญคุณแล้วยังจะ...”

    “หลิวอี้”

    เซียวหนานสวินเอ่ยขัดเขาด้วยเสียงเรียบนิ่ง

    หนิงเจิงสูดหายใจเฮือกมีลางสังหรณ์ว่าตัวเองกำลังจะจบเห่แล้วเป็นแน่!

    นางมีปากเดียวเสียงเดียวจะไปเถียงสู้พวกหมาหมู่ปากมากนี่ได้อย่างไร ไม่สิ เถียงไม่ชนะแน่นอน!

    ทำอย่างไรดี

    ต้องรอความตายอย่างนั้นหรือ!

    ทว่าวินาทีถัดมาคำพูดของชายหนุ่มก็ทำลายความคิดของนางแตกกระเจิง “ใครใช้เจ้าสาระแนเรื่องของเขา”

    หลิวอี้ตกตะลึง“อะไรนะ”

    เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไปแล้ว

    ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นหนิงเจิงเองก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน

    แววตาเย็นชาของชายหนุ่มนำมาซึ่งความรู้สึกกดดัน“เจ้าเป็นเจ้าของจวนไท่จื่อตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาจะทำงานหรือไม่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า”

    หลิวอี้เบิกตาโต“ไท่จื่อ กระหม่อมก็แค่...”

    “หุบปาก! จ้าวซู่แสยะยิ้มเย็นชา “ไท่จื่อตรัสแล้วเมื่อวานหนิงเจิงลำบากตรากตรำ วันนี้ไม่ต้องทำงาน!

    ตรัสเมื่อไหร่ทำไมเขาไม่รู้!

    ดวงตาของหลิวอี้ยิ่งเบิกกว้างและเต็มไปด้วยความมึนงง

    ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นทุกคนในเหตุการณ์ก็ตกตะลึงอ้าปากค้างด้วยเช่นกัน

    พวกเขาคิดว่าหนิงเจิงเป็นเพียงองครักษ์ตัวเล็กๆที่ต้องอาญาไท่จื่อ ที่ใครๆ ก็สามารถเหยียบย่ำได้ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาช่วยรองหัวหน้ารุมกระทืบและด่าทอสารพัด...

    แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันชักยังไงกันแน่!

    ไม่เพียงแต่ห้ามรังแกเท่านั้นยัง...ห้ามทำงานอีกด้วยหรือ

    บรรยากาศเกิดความเงียบสงัด

    ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนจะหันไปมองหนิงเจิงด้วยความประหลาดใจ

    หนิงเจิงกะพริบตาปริบๆอย่างมึนงง แล้วจ้องหน้าเซียวหนานสวิน

    นางคิดว่าไท่จื่อจะให้หลิวอี้สั่งสอนนางเสียอีกดังนั้นนางจึงเลือกที่จะกลืนความโกรธในตอนแรก

    แต่ทว่าตอนนี้...ดูเหมือนจะไม่ใช่ตัวเขาเลย

    ไม่เพียงแต่ไม่เหมือนเขาแต่คิดไม่ถึงว่าเขา...จะช่วยนางจริงๆ หรือ!

    สิ่งที่รับรู้ในตอนนี้ทำให้สายตาของนางยิ่งดูพิลึก

    เซียวหนานสวินเห็นสายตาประหลาดที่ปิดไม่มิดของนางเขาจึงขมวดคิ้วแล้วถลึงตาใส่นางกลับไป

    หนิงเจิงกะพริบตาปริบๆอีกครั้ง แล้วยังคงมึนงงสับสนต่อไป

    เซียวหนานสวิน“...”

    เขาเบือนหน้าหนีอย่างไร้ความรู้สึกริมฝีปากบางเฉียบเอ่ยอย่างเย็นชา “ใครก็ได้...ลากสุนัขรับใช้ที่กำเริบเสิบสานก่อเรื่องทะเลาะวิวาทออกไปแล้วโบยหนักๆ สามสิบครั้ง!

    หลิวอี้หน้าถอดสีเขาเถียงอะไรไม่ออกอีกต่อไป แล้วตะเกียกตะกายไปข้างหน้า

    “ไท่จื่อกระหม่อมผิดไปแล้ว ไท่จื่อทรงเมตตาเห็นแก่ความหวังดีของกระหม่อมด้วยไว้ชีวิตกระหม่อมครั้งนี้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!

    เซียวหนานสวินไม่แยแสเขาสักนิดสายตาเย็นยะเยือกปราดมองทุกคน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนาวสะท้าน“ถ้าหากใครฝ่าฝืนอีก ให้ลงโทษพร้อมกันในวันนี้ซะ!

    “ขอบพระทัยไท่จื่อ!

    เสียงร้องขอความเมตตาของหลิวอี้เริ่มไกลขึ้นเรื่อยๆท่ามกลางลมเหมันต์ในสารทฤดู  ในขณะที่องครักษ์คนอื่นๆ ก็ถอยกลับไปด้วยความหวาดกลัว

    ดังนั้นจึงเหลือเพียงชายหนุ่มร่างสูงตระหง่านและหนิงเจิงที่นั่งคุกเข่ากับพื้นสองคนเท่านั้นบรรยากาศอันเงียบสงบค่อยๆ แผ่ขยายออกไป

    “เจ้าจะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ”

    ทันใดนั้น น้ำเสียงแหบพร่าของชายหนุ่มที่อยู่เหนือศีรษะของนางก็เอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้

    จะให้พูดอะไรเล่า

    หนิงเจิงพิศมองใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็งของเขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ไท่จื่อทำไมพระองค์ไม่เสด็จมาให้เร็วกว่านี้ล่ะ”

    เซียวหนานสวินขมวดคิ้วมุ่น

    นางพูดเสียงเศร้าสร้อย“กระหม่อมผ่าฟืนเสร็จหมดแล้ว ผ้าก็ซักตากแล้วแม้แต่ใบไม้ร่วงก็กวาดจนใกล้จะเสร็จ...”

    “สมน้ำหน้า!

    น้ำเสียงแหบพร่าและเย็นเฉียบพูดตัดบทนาง

    หนิงเจิงชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้วก็พระองค์ถามให้ข้าพูดอะไรบ้างมิใช่หรือ ตอนนี้ข้าพูดแล้ว แต่ก็ยังไม่พอใจอีกหรือไร!

    ไท่จื่อนี่ช่างเอาใจยากจังเลย!

    “ยังไม่ลุกขึ้นมาอีกเจ้าคิดจะคุกเข่าตรงนี้ไปอีกนานเท่าไหร่”

    “อ้อ...พ่ะย่ะค่ะ”แต่อาจเป็นเพราะเขาคุกเข่านานและลุกขึ้นเร็วเกินไปจึงทำให้หนิงเจิงสะดุดกะทันหัน ร่างของนางโอนเอนจนเกือบล้มทับร่างของเซียวหนานสวินแล้ว!

    เซียวหนานสวินถอยหลังหนึ่งก้าวขมวดคิ้วอย่างนึกรังเกียจ “หนิงเจิง เจ้าคงไม่คิดว่าเปิ่นกงชอบบุรุษจริงๆหรอกกระมัง”

    หนิงเจิงกลับไม่เคยคิดเช่นนั้นแต่ทว่า...

    สายตาของชายหนุ่มผู้นี้หมายความว่าอย่างไรแล้วคำพูดพวกนี้หมายความว่าอย่างไร นี่เขาคิดว่านางจงใจยั่วยวนเขาจริงๆ หรือ!

    หนิงเจิงอ้าปากพะงาบๆแต่ขณะที่จะพูดอยู่นั้นชายหนุ่มกลับหันหลังเดินจากไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อีกเช่นเคย

    นาง “...”

    นางสูดหายใจเข้าลึกๆถึงจะสามารถระงับอารมณ์วู่วามที่อยากหาเหตุผลกับเขาลงไปได้ จากนั้นจึงเร่งรุดตามไป

    แต่ทนแล้วทนเล่านางก็ยังอดเหยียบเงาเขาระบายอารมณ์มิได้จากนั้นก็ก้มลงไปลูบหัวเข่าที่เจ็บปวดของตนเอง

    เซียวหนานสวินสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวที่ข้างหลังของตนริมฝีปากบางค่อยๆ เหยียดยิ้มเย็นชาจนเป็นเส้นตรง

    เจ้าสุนัขรับใช้ที่ไม่รู้จักกฎไม่รู้จักกาลเทศะผู้นี้ผ่านการคัดเลือกองครักษ์เข้ามาได้อย่างไรกันแน่

    ส่วนเขาเขามองข้ามตัวเลือกนับพันนับหมื่นแล้วเลือกคนผู้นี้มาอยู่ข้างกายได้อย่างไร

    “...ไท่จื่อ”เสียงของผู้นั้นที่อยู่ข้างหลังดังขึ้น

    “มีอะไร”เซียวหนานสวินพูดด้วยน้ำเสียงไร้ความเมตตา

    หนิงเจิงรีบตามประกบแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “กระหม่อมมิได้แอบอู้งานจริงๆรองหัวหน้าหลิวให้กระหม่อมทำงาน กระหม่อมก็ทำเสร็จหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

    “อืม”

    เขาช่างเย็นชายิ่งนัก

    บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดอีกครั้ง

    หนิงเจิงขบเม้มริมฝีปากอย่างลังเลครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ “เพราะเขา...คิดทำมิดีมิร้ายกับกระหม่อม!

    เซียวหนานสวินหยุดชะงักจากนั้นก็หันกลับมาปรายตามองนาง

    หนิงเจิงสบตาเขาโดยไม่ได้ตั้งใจทันใดนั้น ใจก็เต้นตึกตัก “พระองค์ไม่เชื่อหรือ”

    “เจ้ารูปร่างหน้าตาแบบนี้คิดว่าหลิวอี้ตาบอดหรือ”

    “...?!

    ครั้งที่สองแล้วนี่เป็นครั้งที่สองที่ชายหนุ่มเหยียดรูปร่างหน้าตาของนาง!

    หนิงเจิงเดือดปุดๆถึงแม้ว่านางจะมิใช่สตรีงามล่มเมือง แต่ท่านพ่อบุญธรรมก็ชมว่านางสวยตลอดรูปร่างหน้าตาแบบนี้หมายความว่าอย่างไร!

    นางกล่าวอย่างไม่พอใจ“ไท่จื่อ คงเป็นเพราะเห็นความหล่อเหลารูปงามของตนเองหน้ากระจกทุกวันก็เลยคาดหวังกับคนอื่นไว้สูงใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”

    “สามหาว!

    สีหน้าของเซียวหนานสวินนิ่งขรึมทันที“หนิงเจิง เปิ่นกงขอเตือนเจ้า อย่าคิดว่าให้เจ้าเป็นองครักษ์ข้างกายแล้วจะวิเศษวิโสกว่าผู้อื่น...เปิ่นกงมิได้ชอบบุรุษหากเจ้ายังกล้าไม่รู้จักกาลเทศะแบบนี้อีก อย่าหาว่าเปิ่นกงไม่เกรงใจ!

    นางก็ไม่ได้สนใจผู้ชายเหมือนกันนี่นา!

    ไม่ไม่สิ...เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ

    องครักษ์ข้างกาย!

    หนิงเจิงตกใจเบิกตาโตนางกลายไปเป็นองครักษ์ข้างกายเขาตั้งแต่เมื่อไหร่!

    ข้างกายเปิ่นกงยังขาดองครักษ์ไปหนึ่งคน

    ทันใดนั้น นางก็จำคำพูดที่ไท่จื่อตรัสเมื่อวานได้แล้วยังมีสีหน้าแปลกๆ ของจ้าวกงกงในตอนนั้นอีกด้วย...

    ตอนนั้นเขาหมายความเช่นนี้หรือ!

    “ไท่จื่อ!

    หนิงเจิงมองชายหนุ่มที่เดินจากไปไกลแล้วอุทานด้วยความตกตะลึง

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in