เล่ม 1 ตอนที่ 6 เลือกหนิงเจิงชัดๆ!
การที่เซียวหนานสวินพูดถึงหนิงเจิงแค่เพราะเขาอารมณ์ไม่ดี เมื่อครู่นี้จึงนึกถึงองครักษ์ ผู้ไม่เหมือนใครขึ้นมาเฉยๆ
ทว่าเขากลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าสุนัขรับใช้คนนี้ยังคงทำให้เขา ‘ประหลาดใจ’
“เหอะ”
จ้าวซู่
พูดตามตรง เขาเคยเห็นคนที่กล้าหาญมากมายในชีวิตของเขาคนเหล่านั้นอาจตายไป หรือไม่จารึกประวัติศาสตร์ แต่ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร เขารู้สึกว่าหนิงเจิงไม่สามารถเป็นอย่างหลังได้ดังนั้นองครักษ์ตัวเล็กๆ คนนี้กำลังจะตายในวันนี้แล้วใช่ไหม
ช่างบังอาจจริงๆ!
ไท่จื่อทำโทษนางด้วยการให้ยืนบนเสาไม้ถึงแม้นางจะแอบอู้บ้างก็ช่างปะไร แต่คิดไม่ถึงว่านางยังกล้านอนแผ่สองสลึงกับพื้นแบบนี้ด้วย
“หนิง...เจิง!”
เสียงตวาดดุดันดังขึ้น หนิงเจิงนิ่งชะงักในทันที
จ้าว...จ้าวกงกง?!
ไหนเขาเพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่นี้มิใช่หรือนางยังจับตาอยู่เลยนะ ทำไมเขาถึงกลับมาจากข้างหลังนางล่ะ
หรือว่าแอบสังเกตนาง ดูว่านางแอบอู้ใช่หรือไม่
นี่ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว!
เสียงฝีเท้าด้านหลังดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆหนิงเจิงไม่ทำอะไร นางจึงหลับตาลง...แกล้งตายดีกว่า!
“หนิงเจิง”
มีคนเรียกชื่อนางด้วย
ทว่าคราวนี้...ไม่เหมือนเสียงจ้าวกงกงเลยนี่นา
มันเหมือนเสียงของ...
หนิงเจิงใจร่วงไปที่ตาตุ่ม แล้วเบิกตาโพลงทันที
เมื่อนางสบตากับใบหน้าหนุ่มหล่อเหลาที่อยู่เหนือศีรษะตอนนี้นางแข็งทื่อไปทั้งตัวแล้ว “ทะ...ไท่จื่อ?”
จ้าวซู่รู้สึกสาแก่ใจยิ่งนักจากนั้นจึงก้มลงฉุดนางลุกขึ้นมา
แต่ก่อนที่เขาจะขยับตัวชายหนุ่มข้างกายก็ก้าวมาข้างหน้าแทรกกลางระหว่างเขากับหนิงเจิง แล้วถามด้วยสีหน้ามืดหม่น“เปิ่นกงให้เจ้ายืนบนเสาไม้ แล้วเจ้ากำลังทำอะไรอยู่”
“กระหม่อม...เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”นางพูดตะกุกตะกัก
“อ๋อหรือ” ชายหนุ่มหรี่ตามอง
นางตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลด้วยสีหน้าซีดเผือดดูเหมือนสามารถล้มลงไปได้ทุกเมื่อ!
เซียวหนานสวินมองนางที่กำลังแสร้งสำออยก็แสยะยิ้มอย่างโมโห“ดูเหมือนเปิ่นกงเคยบอกไว้ว่า ถ้ายืนไม่ครบสองชั่วยาม จะต้องถูกตัดหัวมิใช่หรือ”
ร่างของหนิงเจิงโอนเอนคล้ายจะเป็นลมแล้วจึงพูดอย่างหวาดกลัว “กระหม่อมยืนจนครบสองชั่วยามแล้ว เพียงแต่ว่า...”
“อย่างนั้นหรือ”
“กระหม่อมมิกล้าโป้ปด
“ตกลงมาตายแล้วไง ถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี
โอ้โห ไอ้...!
หนิงเจิงจุกจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
นางประเมินไท่จื่อผู้ไร้คุณธรรมนี่ต่ำไปจริงๆดั่งที่คิด...นางตายแล้วมีประโยชน์อะไรกับเขา เขาตั้งตารอนางตายใช่หรือไม่
นางกัดฟันพูดด้วยสีหน้าเศร้า “กระหม่อมตายไปสักคนคงมิใช่เรื่องใหญ่แต่ถ้าพระองค์พลอยเดือดร้อนไปด้วยเพราะแจกันใบนี้แตก
เซียวหนานสวิน “...”
เขาหรี่ตาและมิอาจคาดเดาสีหน้า“ต่อให้สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงทั้งหมดทว่าตอนนี้แจกันเจ็ดมณีก็วางกับพื้นอย่างปลอดภัยแต่ทำไมเจ้าถึงไม่รอให้จ้าวซู่กลับมาก่อน”
หนิงเจิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างลังเลว่า“ก็กระหม่อม...เป็นลมมิใช่หรือ”
อย่างนางเรียกว่าเป็นลมหรือ
เซียวหนานสวินแย้มสรวล “หนิงเจิงเจ้าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะรอดตายหรือ”
หนิงเจิงยิ้มขมขื่นส่ายหน้าและหลบตาอย่างเศร้าสร้อย “กระหม่อมกล้าหวังแบบนั้นที่ไหนตอนนั้นแค่คิดไม่ว่าอย่างไร ต่อให้สิ้นลมหายใจ กระหม่อมก็จะไม่ให้ไท่จื่อพลอยเดือดร้อนไปด้วยเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ
เซียวหนานสวิน “...”
จ้าวซู่ “...”
สีหน้าจ้าวซู่เขียวอมม่วงนี่มันการละครเสียจนมิสามารถอธิบายด้วยคำพูดใดๆ ได้
เขาคิดว่าชาตินี้ได้เห็นโลกกว้างมากมายทว่าตอนนี้...มันยากที่จะแสดงความรู้สึกออกมาจริงๆ!
แต่กระนั้นตอนนี้หนิงเจิงมีอารมณ์สนใจเขาซะที่ไหนนางประหม่าในใจอย่างยิ่ง แม้แต่ยังมิกล้าสู้หน้าเซียวหนานสวินตรงๆและทำได้เพียงลอบชำเลืองมองเขาเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่จ้องนางโดยไม่พูดอะไรนางก็ยิ่งใจเต้นระส่ำ ในขณะที่นางแทบกลั้นใจสารภาพออกมากลับได้ยินเขาหัวเราะอย่างมีเลศนัย
“หนิงเจิง”
เสียงหัวเราะเงียบไปแล้วทว่าน้ำเสียงแหบของเขายังคงเจือแววขบขัน
หนิงเจิงลอบช้อนสายตามองเขาแล้วถามอย่างระมัดระวัง “พระองค์ทรงมีรับสั่งอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เปิ่นกงขาดองครักษ์ข้างกายหนึ่งคน”
จ้าวซู่หันหน้าขวับมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
หนิงเจิงงงเป็นไก่ตาแตก “ฮะ?”
ทว่าชายหนุ่มกลับทิ้งคำพูดชวนสงสัยเอาไว้แบบนั้นแล้วหันหลังเดินจากไปทันที
หนิงเจิงกะพริบตาปริบๆ “จ้าวกงกง...”นางกล่าวอย่างมึนงง “นี่ไท่จื่อหมายความว่าไง”
ยังดีที่นางไม่พูดเรื่องนี้ ถ้าพูดเรื่องนี้สีหน้าจ้าวกงกงคงยิ่งแปลกประหลาดไปแล้ว!
เมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์ไท่จื่อทำให้องครักษ์ที่คุ้มกันพระองค์เสียชีวิตจึงต้องมีคนมารับหน้าที่นี้แทนคนใหม่ เมื่อครู่ไท่จื่อหมายความว่าพระองค์ทรงเลือกหนิงเจิงแล้วอย่างเห็นได้ชัด!
แต่ว่า...
จ้าวซู่ไม่เข้าใจจริงๆหนิงเจิงผู้นี้เพิ่งเข้าจวนได้สองวันก็ปากพล่อยล่วงเกินไท่จื่อแล้วทั้งยังมอบหน้าที่สำคัญใหญ่หลวงเช่นนี้ให้อีก ไม่รู้ไท่จื่อถูกชะตาอะไรเขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็อดถลึงตาใส่นางมิได้“ใครจะกล้าคาดเดาความคิดเจ้านาย เจ้าไปสำนึกเองก็แล้วกัน
หนิงเจิงมองเงาหลังเขาด้วยความคับแค้นใจ
ทำไมในจวนไท่จื่อถึงได้มีแต่คนแปลกๆ ไม่รู้ว่าแต่ละคนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
แต่ถึงกระนั้นนางก็โชคดีที่ยังรักษาหัวบนบ่ามาได้
...
เรื่ององครักษ์ข้างกายไท่จื่อ ไม่มีผู้ใดทราบนอกจากจ้าวซู่แม้แต่คนในจวนไท่จื่อล้วนคิดว่าหนิงเจิงเพิ่งเข้าจวนก็ล่วงเกินไท่จื่อแล้วจะต้องโชคร้ายอย่างแน่นอน
ช่วงหนึ่งทุกคนมองนางด้วยสายตาเหยียดหยามและขยะแขยงเหมือนกัน
“พวกเจ้ารู้จักหนิงเจิงนั่นไหม ได้ยินว่าเขาล่วงเกินไท่จื่อจึงถูกลงโทษให้ยืนบนเสาไม้ตลอดช่วงบ่าย!”
“เข้าจวนวันแรกก็โดนลงโทษซะแล้ว ต่อไปคงใช้ชีวิตลำบากแน่ๆเลย!
“ใครใช้ให้เขาเข้ามาใหม่ก็แกว่งปากหาเสี้ยนกันเล่าสมน้ำหน้า เจ้าคนโง่”
“ต่อไปต้องอยู่ให้ห่างหนิงเจิงเข้าไว้นะเดี๋ยวจะพลอยซวยไปด้วย!”
“...”
หนิงเจิงรู้ดีว่าต่อไปคงอยู่ยากแต่นี่จะโทษนางคนเดียวได้ไง!
นางก็เป็นผู้ถูกกระทำเหมือนกันมิใช่หรือ
นางนอนไม่หลับและพลิกตัวไปมาบนเตียงกว่าค่อนคืนเนื่องจากความตื่นตระหนกระคนประหม่า
สรุปวันรุ่งขึ้นฟ้ายังไม่ทันสางนางก็ถูกลากลงจากเตียง
คนข้างเตียงจ้องมองนางอย่างเหยียดหยาม เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มเห็นได้ชัดว่ามีเจตนาร้าย!
หนิงเจิงจำเขาได้...คนผู้นี้คือหลิวอี้รองหัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ข้างกายไท่จื่อเมื่อวาน
นางลอบกลืนน้ำลาย หยั่งเชิงถาม “รองหัวหน้าองครักษ์หลิวท่าน...มีบัญชาอะไรหรือ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in