เล่ม
หนิงเจิงเนื้อตัวสั่นเทาอย่างอดมิได้
ขณะกำลังคิดหาคำตอบให้เขาทันใดนั้นก็เหลือบเห็นนางกำนัลเก็บกวาดเดินผ่านมาทางนี้พอดี
วินาทีต่อมาพวกนางก็พากันหยุดฝีเท้า พร้อมกับถอนสายบัวหันมาทางนี้ “ถวายบังคมไท่จื่อเพคะ
รูม่านตาของหนิงเจิงหดตัวพลันเงยหน้าขึ้นขวับ
ไท่...ไท่จื่อ?
แล้วใครคือไท่จื่อกันเล่า
เมื่อจ้าวซู่เห็นนางหน้าถอดสีก็ถอนหายใจพรืดด้วยความโล่งอกจู่ ๆ ก็รู้สึกสะใจขึ้นมา... เรื่องอัดอั้นที่เขาพูดไม่ได้มาสองวันในที่สุดก็มีคนพูดออกมาแทนสักที!
“เจ้าสุนัขรับใช้
ฮะ?
หนิงเจิงแข้งขาอ่อนแรงก่อนจะคุกเข่าลงไปเสียงดังตุ้บ
นางช้อนสายตาพิศมองดวงหน้าหล่อเหลาของเซียวหนานสวินอ้าปากพะงาบๆ ด้วยความตกตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดตะกุกตะกัก “จะ...เจ้า เจ้า...”
นางลอบกลืนน้ำลายดังเอื้อกดูเหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่างได้ จากนั้นจึงพลิกลิ้นทันควัน“พระองค์คือ...ไท่จื่อหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหนานสวินยิ้มเยาะมุมปากเขายิ้มร้ายๆ มองนางอยู่อย่างนั้น
ตอนแรกหนิงเจิงคิดว่าเขาจะโต้แย้งทว่า...เขากลับไม่ ไม่โต้แย้งเลยเจ้าค่ะ!
ดังนั้นผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือเซียวหนานสวินไท่จื่อองค์ปัจจุบันจริงๆและคือผู้มีพระคุณที่พ่อบุญธรรมต้องการให้นางดูแลยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมด้วยใช่หรือไม่
โอ้สวรรค์
จู่ๆ หนิงเจิงก็รู้สึกถึงหายนะมาเยือน
เมื่อวานเป็นวันที่แต่งพระชายารององค์ใหม่เข้ามาในวังไม่ใช่หรือ
ในฐานะที่ไท่จื่อเป็นเจ้าของงานเหตุใดจึงไม่ไปรับพระชายารองของเขาที่หน้าตำหนักและเข้าห้องหอกับพระชายาล่ะ แล้วมาทำอะไรแถวสวนหลังตำหนักให้นางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยกันเล่า
ไม่ เต็ม เต็ง ชัดๆ
เซียวหนานสวินมองสีหน้าเปลี่ยนไปมาราวกับกิ้งก่าของนางเขามักรู้สึกว่านั่นมิใช่สีหน้าเกรงกลัว แต่เป็น...เดือดดาลและลำบากใจ?
ทว่าเขามีอะไรให้น่าโมโหกัน
“ทำไม เปิ่นกง
“ปะ...เปล่าๆ พ่ะย่ะค่ะ”หนิงเจิงสะดุ้งสุดตัวและส่ายหน้าระรัวเหมือนกลองป๋องแป๋ง “กระหม่อมขอถวายบังคมไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ
เซียวหนานสวินแสยะยิ้มเย็นชาเขาจ้องหน้านางสักพัก ทันใดนั้นก็เดินไปหยุดตรงหน้านาง แล้วค่อยๆ โน้มกายลงมา
“นกเขาของไท่จื่อไม่ขันไม่นิยมสตรี” ริมฝีปากบางของเขาเปิดแย้มเล็กน้อยและใช้ระดับเสียงที่ได้ยินเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น “แล้วยังมีงานอดิเรกพิเศษคือชมชอบบุรุษ หืม?”
“...”
หนิงเจิงอยากร้องไห้ทั้งไร้น้ำตา
ใครเป็นคนพูดจาพล่อยๆเยี่ยงนี้ นางจะตบปากให้!
ดวงตาเรียวดุจหงส์ของเซียวหนานสวินหรี่ลงพูดด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เจ้าคิดว่าเจ้าหน้าตาดีกว่าใครมิใช่หรือมั่นใจว่าสามารถเข้าวังได้แน่นอน ฉะนั้นเอาแต่ก้มหน้าอยู่ทำไมล่ะ”
นางก็มิได้แค่อยากก้มหน้าหรอกนางอยากดำดินหนีไปเลยด้วยซ้ำ!
ทว่าทันทีที่ความคิดนี่ผุดขึ้นมาในหัวนางกลับถูกคว้าหมับเข้าที่คาง แล้วบีบให้นางเงยหน้าขึ้นสบตา
ทันใดนั้น หนิงเจิงตกใจระคนหวาดกลัวมองชายหนุ่มตรงหน้าแววตาสั่นระริก “ทะ...ไท่จื่อ!”
“หืม?”
หืมอะไรเล่า
บุรุษและสตรีห้ามแตะเนื้อต้องตัวกันมิรู้หรือไร!
หนิงเจิงจะร้องไห้อยู่รอมร่อ“พระองค์...อย่าทำให้พระหัตถ์ต้องแปดเปื้อนเลยพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวหนานสวินขำพรืดและแสยะยิ้มเย็นยะเยือกที่มุมปาก “ไม่หรอก เจ้าเป็นคนของเปิ่นกงมิใช่หรือสัมผัสคนของตัวเองจะทำให้มือแปดเปื้อนได้อย่างไร”
ฮือๆๆนางสำนึกผิดแล้วจริงๆ!
นับแต่นี้ไปนางไม่กล้านินทาผู้อื่นลับหลังอีกแล้ว!
“กระหม่อมสมควรตาย
“อ๋อ”ในที่สุดเซียวหนานสวินก็ยอมปล่อยนาง เขาค่อยๆ เหยียดกายลุกขึ้นและชำเลืองมองนางจากเบื้องบน“เจ้าจำเรื่องราวเมื่อวานมิได้แล้วมิใช่หรือ จำเปิ่นกงมิได้หรือ”
“เป็นเพราะกระหม่อมมีตาหามีแววไม่
“ไม่ให้อภัย”
“...”
หนิงเจิงเริ่มอยากตายขึ้นมาแล้ว
นางเม้มริมฝีปากเงยหน้าขึ้นช้อนสายตามองเขาอย่างน่าสงสาร“ไท่จื่อก็ทราบดีว่ากระหม่อมเพิ่งเห็นพระพักตร์เป็นครั้งแรกแล้วรู้สึกว่าพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตากรุณามิฉะนั้นจะทรงใจกว้างปล่อยให้คนปากหอยปากปูอย่างกระหม่อมไปได้อย่างไร”
เซียวหนานสวิน “...”
โตมาขนาดนี้ มิเคยได้รับการสรรเสริญเยินยออะไรทั้งนั้นมีครั้งนี้ที่ได้ยินคนพูดว่าเขามีเมตตากรุณา
ช่างรู้สึกละเอียดอ่อนจริงๆ
หนิงเจิงเห็นเขาเอาแต่ขมวดคิ้วมิเอื้อนเอ่ยนางจึงกัดฟันพูดต่อ “อีกอย่าง ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย มีพระองค์ใดมิอยากโอ้อวดสถานะบ้างมีเพียงพระองค์ที่แตกต่าง ใครจะคิดว่าพระองค์มีเจตนาปิดบังสถานะนี่พ่ะย่ะค่ะ
ช่างชั่วช้าและสารเลวจนน่าตายจริงๆ
นางก่นด่าในใจทว่ากลับมีสีหน้าจริงจัง จากนั้นยกยอปอปั้นเขาด้วยความจริงใจ“พระองค์เป็นคนถ่อมตนที่สุดเท่าที่กระหม่อมเคยพบเห็น ช่างเป็นผู้ลึกซึ้งอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ
ทุกคน “...”
ใครๆต่างก็เลียแข้งเลียขาเจ้านายเพื่อปากท้องกันทั้งนั้นทว่าเหตุใดทักษะเลียแข้งเลียขาของนางถึงทำให้พวกเขารู้สึกฝีมือห่างกันลิบลับเลยล่ะ
เซียวหนานสวินหรี่ตามององครักษ์ที่กำลังพยายามแสดงความจริงใจแล้วหลุดขำออกมา “ในเมื่อเจ้าพูดมาขนาดนี้แล้วหากเปิ่นกงลงโทษสถานหนักเกินไปคงไม่ดี”
หนิงเจิงหน้าระรื่นทันที
ชายหนุ่มนวดคลึงปลายนิ้วที่ดูเหมือนว่ายังมีไออุ่นที่หลงเหลือจากการสัมผัสเมื่อครู่นี้เขาแสยะยิ้มมุมปากลึกขึ้นกว่าเดิม “อาจเลี่ยงโทษประหารได้ทว่าโทษสถานอื่นคงหนีไม่พ้น”
“หา?”หนิงเจิงยังดีใจได้ไม่ทันเท่าไร เมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่นี้ นางก็ยิ้มค้างทันที
“ทำไมเจ้าอยากรับโทษประหารหรือ”
“ไม่
“เปิ่นกงก็คิดเช่นนั้นว่าเจ้าชอบอย่างหลังมากกว่า”
“...”นางไม่ชอบสักอันต่างหาก ขอบพระทัย!
“จ้าวซู่”เซียวหนานสวินตรัสสั่ง “นำแจกันเจ็ดมณีที่เสด็จพ่อพระราชทานให้เมื่อวานมาให้เขาถือซิ”
จ้าวซู่ไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าต่อไปแล้วเขาจึงพยักหน้าอย่างมึนงง “พ่ะย่ะค่ะ!”
...
ตอนแรกหนิงเจิงยังแอบคิดว่าให้นางอุ้มแจกันพระราชทานนี่เรียกว่าบทลงโทษแล้วหรือ
นางยังคิดว่าอย่างน้อยน่าจะโดนโบยยี่สิบทีด้วยซ้ำ
ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ท่านพ่อบุญธรรมกล่าวไว้ไม่มีผิดไท่จื่อทรงเป็นคนปากร้ายแต่ใจดีจริงเชียว!
ทว่าไม่นานนางถึงได้รู้ว่าตัวเองไร้เดียงสามากเพียงใด...
เมื่อจ้าวซู่กลับมาพร้อมกอดแจกันเจ็ดมณีหนิงเจิงมองไกลแวบๆ ก็รู้สึกทะแม่ง ดูเหมือนเขาใช้แรงเยอะมาก
ทว่า...ถึงอย่างไรจ้าวกงกง
นางฉงนสงสัยยิ่งนักกระทั่งจ้าวซู่เดินมาถึงตรงหน้า และเผยให้เห็น...ปากแจกันที่ใส่น้ำจนล้นปริ่ม
หนิงเจิง “...???”
จ้าวซู่ยังส่งยิ้มให้นางอีกด้วย“เจ้าคือหนิงเจิงใช่ไหมล่ะ ข้าไปสืบชื่อเสียงเรียงนามเจ้ามาเรียบร้อยแล้ว”
หนิงเจิง “...”
เอาล่ะกงกงท่านหุบยิ้มได้แล้ว
จ้าวซู่กลับมิได้ยินเสียงจากใจของนางเขาหัวเราะอย่างเอร็ดอร่อย “ไปเถิด ข้าจะพาเจ้าไปที่ชอบๆ”
หนิงเจิงหนาวสั่นสะท้านและมองเขาด้วยแววตาน่าสงสาร “ไม่ไปไม่ได้หรือ”
จ้าวซู่ยิ้มเจ้าเล่ห์“ไม่ได้ร้อก”
“กงกง...”
“องครักษ์หนิงเอ๋ย”จ้าวซู่ชี้แนะจากใจจริง “เจ้ามองข้าเยี่ยงนี้ไร้ประโยชน์เปล่าๆเจ้าไปถามไท่จื่อเองเถิด ดูซิว่าพระองค์จะยอมปล่อยเจ้าไปหรือไม่”
เมื่อหนิงเจิงได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลัง
เมื่อนางสบตาเย็นเยียบ นางก็สั่นสะท้านและกลืนคำพูดลงไปทันที
ช่างเถิดๆ ก็แค่แจกันที่มีน้ำเต็มล้นเองมิใช่หรือ
เมื่อเทียบกับภูเขาน้ำแข็งเช่นไท่จื่อมีอะไรที่ทำไม่ได้บ้าง!
หนิงเจิงเดินตามหลังจ้าวซู่ใจตุ๊มๆต่อมๆ เดินไปสักพัก ในที่สุดก็มาถึงส่วนลึกของสวนบุปผา...
เท่าที่สายตามองเห็นคือเสาไม้สูงราวสองศอกตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นและแหลมจนน่าหวาดเสียว ทั้งดูน่าเกรงขามเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก
ทันใดนั้นหนิงเจิงก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in