เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
องครักษ์หญิงจอมป่วนminimore
เล่ม 1 ตอนที่ 22 นี่ไม่ใช่ว่ากำลัง…ยั่วยวนเขาหรอกหรือ!
  • เล่ม 1 ตอนที่ 22 นี่ไม่ใช่ว่ากำลังยั่วยวนเขาหรอกหรือ!

     

    ไม่มีใครช่วยนาง ทุกคนล้วนอยู่ฝ่ายตรงข้ามนาง

    หนิงเจิงหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่แน่วแน่มากขึ้น ขอถามเซวียนเช่อเฟย กฎระเบียบข้อใดในจวนไท่จื่อที่บอกว่าเวลานี้ห้ามออกมาชมจันทร์กัน

    เยี่ยเหลียงเซวียนหน้าเหวอ

    หนิงเจิงหัวเราะขึ้นกะทันหันมีแสงวาบผ่านดวงตา เดิมที เรื่องสืบหาคดีพรรค์นี้กระหม่อมไม่ได้ยุ่งด้วย แต่ทว่าเรื่องในจวนไท่จื่อทุกคนล้วนมีส่วนรับผิดชอบดังนั้นกระหม่อมขอไปตามหาคนร้ายที่วางยาปลาจิ่นหลี่ด้วยตนเอง!”

    สีหน้าของเยี่ยเหลียงเซวียนแปรเปลี่ยนทันทีเดิมทีนางมั่นใจว่าหนิงเจิงจะต้องเสียเปรียบกลายเป็นใบ้เป็นแน่แต่ตอนนี้เขากลับบอกว่าจะตามหาคนร้ายตัวจริงอย่างนั้นหรือ

    หรือว่าขณะที่หลิวอี้จัดการเรื่องหลงเหลือร่องรอยเอาไวกัน

    คนร้ายตัวจริงอะไรกัน!”นางกล่าวเคร่งขรึม เจ้านั่นแหละคนร้ายตัวจริงยังคิดจะใส่ร้ายคนอื่นอีกหรือ

    เหลียงเซวียนเจ้ากังวลอะไรไป”

    เสียงนิ่งไม่มีความตกใจใดๆ ดังขึ้นข้างหูลมหายใจของเยี่ยเหลียงเซวียนหยุดชะงัก จากนั้นก็ฟังคำของชายหนุ่ม ในเมื่อเขามีวิธีเช่นนั้นก็ให้เขาลองดู

    แต่ทว่า...เยี่ยเหลียงเซวียนยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่หนิงเจิงรีบขัดขึ้น “ขอบพระทัยไท่จื่อ!”

    กล่าวจบ นางก็หันตัวกลับไปทางจ้าวซู่ยื่นศีรษะไปข้างหูพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างลับๆ

    จ้าวซู่มองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

    ผู้คนต่างมองหน้ากัน

    หลังจากรอคอยไปไม่นานจ้าวซู่ก็อุ้มของสิ่งหนึ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว มีชาดแดง กระดาษเหลือง และพู่กัน!

    หนิงเจิงหยิบกระดาษเหลืองออกมาแผ่นหนึ่งต่อหน้าทุกคนจากนั้นก็ใช้พู่กันจุ่มชาดแดงขึ้นมาแล้ววาดยันต์

    พลางวาดพลางกล่าวว่า ก่อนเข้าจวนข้าเคยเป็นนักพรตในลัทธิเต๋าที่ภูเขาเหมาซานได้ฝึกวิชาอัญเชิญวิญญาณสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาจากองค์พระอาจารย์เดิมคิดว่าหลังจากลงมาจากภูเขาแล้วจะไม่ได้ใช่วิชานี้อีก คาดไม่ถึงจริงๆว่าวันนี้กลับต้องได้ใช้มันต่อหน้าผู้คนเสียแล้ว

    ผู้คนได้ยินดังนั้นก็ตะลึงงัน!

    ดวงตาของเซียวหนานสวินหรี่ลง

    หนิงเจิงกล่าวขึ้นอีก ประเดี๋ยวข้าจะนำยันต์ที่วาดเสร็จแล้วไปแปะไว้ที่ข้างสระดอกบัวเมื่อถึงยามเที่ยงคืนดวงวิญญาณของปลาจิ่นหลี่ที่ตายไปจะบอกเราให้ทราบเองว่าใครเป็นคนฆ่าพวกมัน!”

    เยี่ยเหลียงเซวียนเบิกตากว้าง ไร้สาระบนโลกนี้ไม่มีวิญญาณจริงๆ จะใช้วิธีนี้หาตัวคนร้ายพบได้อย่างไรกัน

    หนิงเจิงกะพริบตา แล้วหันศีรษะมองนางเซวียนเช่อเฟยผลลัพธ์ยังไม่ออกมาเลย พระองค์จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไปไม่ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลองดูสักตั้งมิใช่หรือ

    กล่าวจบ ไม่ทันได้ให้โอกาสนางขัดแย้งรีบวาดยันต์ออกมาสองสามใบอย่างรวดเร็ว แล้วแปะบริเวณรอบๆ สระดอกบัวอย่างลับๆพร้อมกับท่องอะไรบางอย่างอยู่ในปาก!

    ทุกคนต่างจ้องมองที่ท่าทางของนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น!

    แม้นว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเรื่องผีสางวิญญาณมาบ้างแต่หากว่าเห็นด้วยตาเปล่านั้นยังเป็นครั้งแรกสำหรับหลายคน!

    ไม่พูดว่าวิธีนี้จริงหรือปลอมแต่นี่ทั้งวาดยันต์ทั้งร่ายคาถา ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้อยากรู้อยากเห็นแล้ว!

    เยี่ยเหลียงเซวียนขมวดคิ้วมุ่นกำผ้าเช็ดหน้าของตนในมือแน่น หากหนิงเจิงหาคนร้ายตัวจริงได้จริงๆ

    ไม่ไม่มีทาง!

    นางปลอบตนเอง บนโลกนี้ไม่มีภูตผีวิญญาณ!

    หนิงเจิงทำทุกอย่างเสร็จ จากนั้นมองไปรอบๆอย่างเคร่งขรึมมีหนึ่งสิ่งที่ข้าต้องแจ้งเสียก่อนดวงวิญญาณนั้นไม่สามารถออกมาพบคนได้ตามใจ ดังนั้นก่อนยามเที่ยงคืนทุกคนในที่นี้จะต้องกลับไปในห้องของตน ห้ามเข้าใกล้บริเวณสระดอกบัวเป็นอันขาดมิเช่นนั้นหากวิญญาณของปลาจิ่นหลี่ตกใจหายไปเช่นนั้นก็ไม่มีใครมาบอกตัวคนร้ายจริงๆ ให้กับเราแล้ว!”

    ผู้คนรอบๆ ต่างพยักหน้าตามกัน

    มุมปากของเซียวหนานสวินยกน้อยๆ แทบมองไม่เห็น

    ภายในการจัดการของจี้หลิวเฟิงและจ้าวซู่ทุกคนล้วนออกจากที่เกิดเหตุอย่างเป็นระเบียบ

    ภายในพริบตา บริเวณสระดอกบัวก็ไร้ผู้คน!

    รอบๆ เงียบสงัด ไร้เสียงใดๆ

    หนิงเจิงเอี้ยวตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ถอนหายใจอย่างโล่งอก พร้อมกับมองไปยังด้านหน้าถี่ๆ

    ครึ่งชั่วยามผ่านไป นางเองก็เมื่อยขาเมื่อยเอวแล้ว แม้แต่ดวงตาก็แทบจะบอดแล้ว!

    เหตุใดจึงยังไม่มาอีก

    ขณะที่นางพึมพำอยู่นั้นเงาดำเงาหนึ่งก็วาบผ่านสายตาของนางอย่างรวดเร็ว!

    หนิงเจิงดวงตาเป็นประกาย กำลังจะออกไปจับคนแต่ทว่ามีกลิ่นอายเย็นเยือกเข้าใกล้นางจากทางด้านหลัง

    และมีมือวางบนไหล่ของนาง

    “…อุ๊บ!”

    นางเบิกตากว้างตกใจจนส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อย แต่ถูกคนคนนั้นปิดปากไว้อย่างรวดเร็ว อย่าส่งเสียง

    หนิงเจิงหยุดชะงัก เสียงนี้มัน

    เซียวหนานสวิน?!

    นางหันตัวกลับไปเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลา พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “…ไท่จื่อ?นางพึมพำขึ้น “พระองค์ทำอะไรน่ะ กระหม่อมคิดว่าเป็นภูตผีเสียอีก

    แม้นนางจะเป็นคนคิดวิธีนี้ในการล่อคนร้ายตัวจริงออกมาแต่นางก็กลัวผีมากเช่นกันนะ!

    เซียวหนานสวินมองตาตกใจกลัวของนางขณะที่นางกำลังพูด เขายังคงปิดปากนางไว้อยู่ดังนั้นไอความร้อนจึงได้พ่นอยู่ในฝ่ามือของเขาโดยตรง

    ความรู้สึกร้อนชื้นภายใต้อากาศอันหนาวเย็นน้อยๆทำให้เกิดกลิ่นอายคลุมเครือออกมาอย่างบอกไม่ถูก

    ลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไหว รีบหลบสายตา ผีเผออะไรกัน! ข้ายืนอยู่ที่นี่นานแล้ว เจ้าตาไม่ดีเอง”

    หนิงเจิง “…”

    ตาไม่ดีก็ตาไม่ดี แต่ทว่าเหตุใดพระองค์ยังปิดปากข้าไม่ปล่อยเล่า

    หนิงเจิงอยากจะดึงมือเขาออกแต่ทว่าชายคนนี้เป็นคนยอมให้คนในวังจุดเชื้อไฟ แต่ไม่ยอมให้ปุถุชนดับไฟ[1]ต้องบอกว่าไม่ให้นางจับแน่ๆเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไปหนหนึ่งแล้ว!

    แต่หากว่านางใช้คำพูดเตือนเขาชายคนนี้จะรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตนถูกทำลายแล้วก่นด่านางอีกครั้งหรือไม่

    หนิงเจิงลังเลไปครู่หนึ่ง ตัดสินใจพูดอ้อมๆ!

    นางสูดหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็ถอนหายใจออกเบาๆ

    บนฝ่ามือมีไอความร้อนชื้นเกิดขึ้นอีกครั้งสีหน้าของเซียวหนานสวินแปรเปลี่ยนทันที

    ต่อมาใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาราวกับบิดเบี้ยวเล็กน้อยรีบหันศีรษะกลับมาจ้องนางด้วยสายตาอำมหิต ทำอะไรของเจ้า

    บ่าวคนนี้กล้าพ่นลมหายใจใส่เขาอย่างนั้นหรือ

    นี่ไม่ใช่ว่ากำลังยั่วยวนเขาหรอกหรือ!

    เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็ดึงมือออกทันทีโดยไม่ต้องคิด ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นดำจนแทบจะเป็นถ่านแล้ว!

    หนิงเจิงตกใจกับท่าทางเช่นนี้ของเขา ไม่ไม่ทำอะไรพ่ะย่ะค่ะกระหม่อมเพียงแค่ถอนหายใจปกติ!”

    นางไม่รู้ว่าเหตุใดชายคนนี้ถึงสีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหันเช่นนั้นจึงทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา พระองค์มาที่นี่ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ

    เปิ่นกงอยู่ที่นี่แน่นอนว่าต้องมาสืบคดีอยู่แล้ว!”

    ชายหนุ่มดูเหมือนคิดอะไรบางอย่างออกแล้วหรี่ตามองนาง ในแผนการของเจ้าไม่มีเปิ่นกงอย่างนั้นหรือ

    ใครจะไปกล้าลำบากองค์ไท่จื่อกันเล่า

    นางรีบส่ายศีรษะ กล่าวด้วยความนับถือ กระหม่อมได้ให้ผู้บัญชาการจี้และจ้าวกงกงช่วยเหลือแล้วไม่มีปัญหาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ พระองค์เพียงแค่รอดูผลลัพธ์ก็เพียงพอ

    แสดงว่าไม่มีจริงๆ?!

    เซียวหนานสวินสีหน้าเย็นชา เจ้าไม่กลัวเปิ่นกงไม่เชื่อในผลลัพธ์ที่คนอื่นเห็นเลยหรือ

    หนิงเจิง “…”

    ดังนั้นแล้วความหมายของชายคนนี้คืออยากมาช่วยนางจับตามองด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ



    [1]ยอมให้คนในวังจุดเชื้อไฟแต่ไม่ยอมให้ปุถุชนดับไฟ คือยอมให้คนมีอำนาจทำเรื่องผิดได้แต่กับประชาชนธรรมดาแม้แต่เรื่องถูกกฎหมายก็ยังถูกห้าม

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in