เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
องครักษ์หญิงจอมป่วนminimore
เล่ม 1 ตอนที่ 12 สำนึกอะไรได้
  • เล่ม 1 ตอนที่ 12 สำนึกอะไรได้

     

    “หนิง...เจิง!

    เสียงเย็นเยียบดังออกมาจากลำคอของชายหนุ่ม

    ตอนนี้หนิงเจิงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้วนางกอดขาเขาร้องไห้โฮ “ไท่จื่อ กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว! ไม่ว่าพระองค์จะให้กระหม่อมทำอะไรก็ยอมทุกอย่างพระองค์โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!

    ทุกคน “...”

    ไม่ว่าต้องการให้อะไรอย่างนั้นหรือแล้วต้องการให้ทำอะไรล่ะ!

    หรือว่าไท่จื่ออยากเป็นฝ่ายรุก แต่องครักษ์หนิงเจิงไม่ยอมให้รุกดังนั้นก็เลยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ใช่หรือไม่

    สวรรค์!

    สายตาของผู้คนโดยรอบหันมาสบตากันสายตาทุกคนต่างเปล่งแสง ไฟความสอดรู้สอดเห็นกำลังแผดเผา

    เซียวหนานสวินโกรธจนสีหน้าบูดบึ้งนัยน์ตาสีเข้มแทบจะกลั่นออกมาเป็นน้ำหมึก จากนั้นจึงแผดเสียงคมกริบ“หากเจ้ายังไม่ไสหัวไป เปิ่นกงจะฆ่าเจ้าเชื่อหรือไม่!

    แต่ถึงกระนั้นเจ้าสุนัขรับใช้นี่ก็ไม่ยอมปล่อยสักทีแถมยังกอดขาเขาแน่นกว่าเดิมอีก “ไท่จื่อเมตตาไว้ชีวิตกระหม่อมสักครั้งเถิด!

    “ปล่อย!

    “ฮือๆๆไม่ปล่อย...”

    เซียวหนานสวินโมโหถึงขีดสุดและเมินเสียงร้องน่ารำคาญของนาง“พวกเจ้ายังไม่รีบจับเจ้าสุนัขรับใช้ตัวนี้โยนเข้าไปในกรงอีกหรือ!

    “พ่ะย่ะค่ะ...!

    ทันใดนั้น พวกองครักษ์ก็ก้าวไปข้างหน้าและดึงตัวหนิงเจิงขึ้นมา

    หนิงเจิงตกใจกลัวจนหน้าซีด

    ในขณะที่นางดิ้นขัดขืนพวกองครักษ์ก็เปิดกรงแล้วผลักนางเข้าไปข้างในอย่างไร้ความปรานี

    ทันทีที่คล้องประตูเหล็กเซียวหนานสวินขี้เกียจแม้แต่จะปรายตามองนางจากนั้นเขาก็ลุกจากเก้าอี้แล้วหันหลังเดินไป

    “โฮกกก...!

    ดูเหมือนเสือโคร่งที่อยู่ในกรงเหล็กจงใจข่มขู่นางเพราะในขณะนั้นจู่ๆ มันก็คำราม!

    หนิงเจิงสั่นไปทั้งสรรพางค์กาย“ไท่จื่อ!” นางตะโกนลั่น “พระองค์เพิ่งเลือกองครักษ์มานี่เองหากกระหม่อมตายไปอย่างนี้แล้ว พระองค์ต้องเสียเวลาเลือกองครักษ์ใหม่มิใช่หรือ”

    ฝีเท้าของเซียวหนานสวินหยุดลง

    มีเพียงจี้หลิวเฟิงที่สามารถสังเกตเห็นว่าฝีเท้าของชายหนุ่มช้าลงไปมาก

    เขาคิดว่าคงมีฉากเด็ดให้ดูทว่าวินาทีถัดมา กลับได้ยินเสียงหนิงเจิงร้องโวยวายอีกครั้ง“กระหม่อมเต็มใจทำทุกอย่างจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ!

    จี้หลิวเฟิง“...”

    เซียวหนานสวิน“...”

    ทุกคน “...”

    ทุกคนเห็นเพียงว่าไท่จื่อเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นและเดินไปไกลลิบตา

    จี้หลิวเฟิงแอบกุมขมับและถอนหายใจเงียบๆ

    แต่ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงร้อง “ไอโยว” ของจ้าวซู่

    ทุกคนต่างตกตะลึงทันใด

    ร่างของเซียวหนานสวินหยุดชะงัก

    เมื่อมองไปทางต้นเสียง ก็จ้าวซู่ตะโกนเรียกด้วยความหวาดกลัว“หนิงเจิง เจ้าจะไปไหน!”

    หนิงเจิงต่อสู้กับเสือในกรงแล้วเห็นนางชกหน้าเสือโคร่งเต็มแรง!

    “จ้าวกงกงท่านจะตะโกนทำไมเล่า ข้านึกว่าต่อยโดนหน้าท่านเสียอีก!

    “เจ้าต่อยข้าข้าไม่ร้องหรอก!” จ้าวซู่โมโห“แต่เสือที่ไท่จื่อทรงเลี้ยง เจ้าก็กล้าต่อย!

    “...”

    ไท่จื่อทรงเลี้ยง?

    หนิงเจิงกระหยิ่มยิ้มย่องไท่จื่อทรงเลี้ยงน่ะสิถึงจะดี!

    นางก็แค่โชคร้ายไปหน่อยแล้วบังเอิญเจอเขาโดนวางยาพอดี หากเขาไม่ทำรุ่มร่ามกับนางก่อนแล้วนางจะทุบเขาหัวแบะหรือ แล้วตอนนี้มีสิทธิ์อะไรมาโยนนางให้เสือกินมิทราบ!

    นางก็ให้เขาทุบเอาคืนได้นี่นาแต่เขาเอาจูบแรกของนางคืนกลับมาได้หรือเปล่าล่ะ

    รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้!

    เมื่อคิดเช่นนี้นางต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ!

    หนิงเจิงโมโหกำหมัดแน่นนางมองเสือที่ประชิดเข้ามาข้างหน้าราวกับมองเซียวหนานสวิน!

    “หนิงเจิง!

    เซียวหนานสวินตวาดลั่น

    แต่กำปั้นของหนิงเจิงมิอาจหยุดได้ในทันทีทันใด

    นางคิดไม่ถึงว่าไท่จื่อจะย้อนกลับมาเร็วขนาดนี้และนางก็คิดไม่ถึง...ตอนที่เห็นเขาตัวเป็นๆความกล้าเมื่อครู่นี้ก็หายไปอย่างไม่ย้อนกลับแล้วนางยังเกิดความรู้สึกที่เรียกว่าเสียใจทีหลังอีกด้วย

    ทว่ามันสายไปเสียแล้ว...นางสอยเสือร่วงกับพื้นไปแล้ว!

    แม้ว่าเจ้าเสือนั้นอยากลุกขึ้นสู้อีกครั้งแต่น่าเสียดาย...ต่อให้ร่างของมันใหญ่โตแค่ไหน ก็ปีนลุกขึ้นมาไม่ไหวแล้ว

    “ลากเขาออกมาให้เปิ่นกง!

    “...”

    ดูเอาเถิดสิ่งที่น่ากลัวที่สุดมิใช่เสือหรอก แต่เป็นไท่จื่อต่างหากเล่า!

    กระแสลมสี่ทิศเงียบจนวังเวงน่ากลัว

    ทุกคนไม่กล้าส่งเสียงเล็ดลอดออกมามีเพียงเสียงคำรามของเสือในกรงเป็นครั้งคราวเท่านั้น

    หนิงเจิงคิดในใจคราวนี้ต้องตายแน่ๆ

    “เมื่อกี้ยังกล้าอยู่เลยมิใช่หรือ”เซียวหนานสวินจ้องนางด้วยแววตาเย็นเยียบ และกล่าวช้าๆ ชัดๆ “เจ้าคิดว่าตอนนี้หลับตาแล้วจะหนีพ้นหรือ”

    ขนตาของหนิงเจิงสั่นระริก

    วินาทีต่อมานางก็ลืมตาแดงๆ แล้วมองเขาตาปรอยอย่างน่าสงสาร “ไท่จื่อ กระหม่อมมิได้กล้าหาญอะไรแต่เป็นเพียงสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเท่านั้นเอง”

    เอาตัวรอดหรือชายหนุ่มเยาะเย้ยทันที“เจ้ากระทำผิดร้ายแรง แต่ยังกล้าเอาตัวรอดอีกหรือ

    หนิงเจิงขบเม้มริมฝีปากเล็กน้อย“กระหม่อมยอมรับผิดของตนเอง แต่สัญชาตญาณก็คือสัญชาตญาณนั่นมันควบคุมตัวเองไม่ได้นี่นา”

    เซียวหนานสวิน“...”

    นางเห็นชายหนุ่มมีสีหน้านิ่งขรึมจึงรีบแสดงความจริงใจเพิ่ม “พระองค์วางพระทัยได้ กระหม่อมจะมิบังอาจอีก กระหม่อมสำนึกผิดอย่างสุดซึ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ!

    เหอะ

    เซียวหนานสวินแสยะยิ้ม“แล้วไงล่ะ เจ้าจะสำนึกอะไรได้”

    เมื่อหนิงเจิงได้ยินดังนั้นก็หัวใจกระตุกวูบ

    ยอมรับผิดเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับนางมิใช่หรือ

    “ประการแรก...”นางมองเขาอย่างซื่อสัตย์ “ตอนที่กระหม่อมเข้าไปในห้องตำรา ได้ยินพระองค์ไล่แต่กระหม่อมหนีไม่ทัน จึงก่อให้เกิดความผิดพลาดที่มิอาจเอากลับคืนมาได้เป็นความผิดของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

    เซียวหนานสวินหรี่ตา

    หนิงเจิงยังพูดต่ออีกว่า“พระองค์คือนาย ไม่ว่าจะทำอะไรกระหม่อม...แม้ว่าการกระทำของพระองค์จะก่อให้เกิดบาปกรรมมหันต์กระหม่อมก็ไม่ควรขัดขืน!

    เซียวหนานสวินคิ้วกระตุกอย่างแรง

    แม้ว่าจะก่อให้เกิดบาปกรรมมหันต์อย่างนั้นหรือ

    เขาไตร่ตรองคำพูดนางก็นึกโมโห“ทำไมเปิ่นกงรู้สึกว่าเจ้ากำลังล้างความผิดตัวเองแต่กลับโยนให้เป็นความผิดของเปิ่นกงล่ะ”

    ฮะ

    หนิงเจิงตกตะลึง“กระหม่อมจะกล้าได้อย่างไร”

    “เจ้ามีอะไรที่ไม่กล้าบ้างล่ะ”

    สีหน้าชายหนุ่มพลันเคร่งขรึมเขาบดขยี้สันกรามแล้วเอ่ยว่า “เปิ่นกงคิดว่าความกล้าของเจ้าคงสูงเสียดฟ้า!

    การประชุมขุนนางเช้าวันนี้เหล่าขุนนางบู๊บุ๋นเต็มท้องพระโรงต่างแอบมองหน้าผากของเขาอย่างสงสัยสายตาสอดรู้สอดเห็นเหมือนองครักษ์พวกนี้ไม่มีผิด หลังจากประชุมขุนนางแล้วเสร็จเสด็จพ่อยังรั้งตัวเขาเพื่อถามว่าแผลนี้ไปโดนอะไรมาอีก!

    จะให้เขาพูดอะไรได้...จะให้บอกว่าโดนองครักษ์ข้างกายตัวเองทุบหัวหรือแล้วยังโดนทุบเพราะมีเจตนาไม่ดีด้วยอย่างนั้นหรือ

    เหอะ

    แต่เจ้าตัวซวยนี่ยังกล้าพูดเรื่องน่าอายในเวลานี้อีกหรือ

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in