เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
องครักษ์หญิงจอมป่วนminimore
เล่ม 1 ตอนที่ 11 คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ากอดขาเขา!
  • เล่ม 1 ตอนที่ 11คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ากอดขาเขา!

     

    ไม่เพียงแต่การเคลื่อนไหวของเขาหยุดลง แต่แม้แต่อากาศรอบตัวเขาก็ดูเหมือนจะหยุดหมุนด้วย!

    หนิงเจิงมองดูหน้าผากของเขาที่มีเลือดไหลหยดลงมาทำให้นางชาวาบไปทั้งร่าง

    จบสิ้นแล้ว

    “ไท่...ไท่จื่อ...”

    เอ่อ

    เซียวหนานสวินเปิดเปลือกตามองอย่างเย็นชาสายตามืดมนมองนางตาแทบถลน

    “หนิงเจิง”

    ณ เวลานี้นอกจากฤทธิ์ยาแล้ว ในร่างของเขายังมีความวู่วามอยากฆ่าคนที่มิอาจควบคุมได้อีกด้วย

    เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเพิ่งปล่อยให้สตรีไปได้แท้ๆ ยังจูบผู้ชายด้วยกันอีก

    เจ้าสุนัขรับใช้ผู้นี้ไม่เพียงแต่เลียแข้งเลียขาเก่งแต่ยังบังอาจกล้าลงมือกับเขาด้วย!

    เขานี่ช่างเลือกองครักษ์ข้างกายได้ไม่มีผิดจริงๆ

    “ไว้เปิ่นกงจะคิดบัญชีกับเจ้าคอยดู!

    เสียงแหบห้าวนั้นช่างน่ากลัวยิ่งกว่าผีสางเสียอีก

    หนิงเจิงอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดน้ำเสียงนางเจือสะอื้นอย่างเห็นได้ชัด “กระ...กระหม่อม...ฮือๆๆกลัวว่าจะทำให้ริมฝีปากพระองค์แปดเปื้อนนี่นา!

    “ออกไป!

    หนิงเจิงขวัญหนีดีฝ่อนางไม่ขอความเมตตาใดๆ อีก จากนั้นก็วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมา

    ในขณะที่เซียวหนานสวินมีสีหน้าถมึงทึง

    ...

     

    หนิงเจิงรีบวิ่งกลับไปที่ห้อง ปิดประตูและล้มตัวลงนอนบนเตียงจากนั้นมองเพดานด้วยหัวใจระทมทุกข์

    นางก็ไม่รู้ว่ากล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร...ตีหัวไท่จื่อแตกช่างบังอาจจริงๆ!

    โชคดีที่วันนี้วิ่งหนีได้ทันท่วงทีแต่วันพรุ่งนี้ นางจะเผชิญหน้ากับไท่จื่อผู้โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างไร

    เขาคงไม่...เอานางถึงตายหรอกกระมัง

    เมื่อพิสูจน์ความจริงเขาคง...

    เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีคนมาทุบประตูห้องนางดังโครมคราม

    “หนิงเจิงข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในห้อง รีบเปิดประตูเดี๋ยวนี้!

    จ้าวซู่ตะโกนเรียกอย่างเหลืออด

    หนิงเจิงมองประตูที่กำลังเขย่าสั่นไหวนางหดตัวอยู่บนเตียงอย่างอกสั่นขวัญแขวน นางไม่กล้าแม้แต่เปิดประตู

    แต่สุดท้ายจ้าวซู่ก็ถีบประตูเข้ามาอย่างเดือดดาลจ้องหน้านางอย่างหงุดหงิด “เจ้าเป็นอะไร ข้าเคาะประตูตั้งนาน ไม่ได้ยินหรือ”

    ขอบตาของหนิงเจิงดำคล้ำใบหน้าบูดบึ้ง “จ้าวกงกง เช้าขนาดนี้ ท่านมีธุระอะไร”

    “ข้าไม่มีแต่ไท่จื่อมี! พระองค์เรียกหาเจ้าน่ะ!” จ้าวซู่พูดอีกว่า “รีบใส่เสื้อผ้าซะ แล้วออกไปกับข้า!

    หนิงเจิงสะท้านไปทั้งร่างพยายามกล่อมตัวเองว่าอย่าหนีเป็นอันขาด จากนั้นนางจึงตามจ้าวซู่ออกไป

    ...

     

    จ้าวซู่ไม่ได้พานางไปที่เรือนหลักที่ไท่จื่ออาศัยไม่ได้พาไปห้องทรมาน แต่กลับพามาที่หลังเขาแทน

    ตอนนี้ตะวันชี้โด่เหนือศีรษะแท้ๆแต่นางกลับรู้สึกเหมือนมีลมหนาวพัดผ่านจากทั่วสารทิศ ช่างเยือกเย็นวังเวงพิลึก!

    ยิ่งเดินไปข้างหน้านางก็ยิ่งใจเต้นระส่ำ “จ้าวกงกง นี่พวกเรากำลังไปที่ใดหรือขอรับ”

    สถานที่หลังเขาเยี่ยงนี้...ไท่จื่อคงไม่ฝังร่างนางหรอกกระมัง

    ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้คิดทำเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรกสักหน่อย

    จ้าวซู่หันหน้ามองนาง“ก็ในจวนนี่แหละ”

    “...”

    นางรู้แล้วว่าอยู่ในจวน!

    หนิงเจิงถามอีกครั้ง“ถ้าอย่างนั้นไท่จื่อเรียกหาข้าด้วยเหตุอันใด”

    “ข้าจะไปรู้ได้ไง”

    จ้าวซู่ถลึงตาใส่นาง“หนิงเจิง ข้าเคยพูดแล้วในฐานะองครักษ์ติดตามไท่จื่อเจ้าจะต้องปกป้องพระองค์อย่างไรใช่หรือไม่ นี่แค่ทำหน้าที่ได้ไม่กี่วันเองก็ปล่อยให้ไท่จื่อได้รับบาดเจ็บแล้ว ข้าผิดหวังในตัวเจ้าจริง!

    หนิงเจิง “...”

    นางก็ผิดหวังในตัวเองเหมือนกัน

    ไม่สิสิ้นหวังต่างหาก

    หนิงเจิงเลิกเซ้าซี้ถามแล้วนางจึงเดินเตาะแตะก้มหน้าตามหลังจ้าวซู่ไปเงียบๆ

    ทว่ายังไม่ทันถึงก็ได้ยินเสียงสัตว์คำราม “โฮกกก” ดังกึกก้องมาจากที่ไกลๆ

    นางหยุดฝีเท้ากะทันหันแล้วหันหน้าไปมองจ้าวซู่

    จ้าวซู่เองก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัดสีหน้าขาวซีดพร้อมกับลอบกลืนน้ำลาย “ทะ...ทำไม มองหน้าข้าก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะใครกล้าขัดคำสั่งของไท่จื่อเล่า”

    หนิงเจิง “...”

    นางหมดความหวังอย่างสิ้นเชิงยื่นศีรษะออกไปก็เจอคมดาบ หดคอกลับมาก็เจอคมดาบ ฉะนั้นรีบตายรีบไปเกิดใหม่ดีกว่า!

    เมื่อคิดถึงตรงนี้นางก็ยิ่งเร่งฝีเท้าเร็วยิ่งขึ้น

    นางเห็นเพียงแสงตะวันที่ปกคลุมภูเขาข้างหน้าที่ไกลๆเหล่าองครักษ์เบียดกันเป็นกลุ่มก้อนแต่สิ่งที่ดึงดูดสายตามากที่สุดกลับไม่ใช่คนพวกนี้แต่เป็น...กรงเหล็กยักษ์ที่อยู่ตรงกลางนั้นต่างหาก!

    ในกรงเหล็ก...ขังเสือโคร่งยักษ์ตัวหนึ่งเอาไว้!

    ส่วนด้านนอกกรงเหล็ก...กลับมีเก้าอี้วางไว้หนึ่งตัว!

    และมีชายหนุ่มผู้หนึ่ง...กำลังนั่งบนเก้าอี้ตัวนั้น!

    ชายหนุ่มรูปงามราวกับเทพเจ้าเพียงแต่ว่ากลับมีผ้าพันแผลแปะบนหน้าผากของเขาราวกับว่าได้รับบาดเจ็บและทำแผลเรียบร้อยแล้วดวงตาดำขลับมืดมนคู่นั้นจ้องนางจากที่ไกลๆ

    หนิงเจิงเข่าอ่อนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น

    นางคิดว่าไท่จื่อน่ากลัวมาโดยตลอดแต่ตอนนี้นางก็ได้รู้แล้วว่า...ก่อนหน้านี้ยังแค่จิ๊บๆ!

    หากเมื่อก่อนเป็นเพียงแค่ก้อนน้ำแข็งเช่นนั้นตอนนี้ก็กลายเป็นธารน้ำแข็งแล้วสินะ!

    หนิงเจิงใช้ความพยายามอย่างมากที่สุดในชีวิตก้าวไปข้างหน้าช้าๆ“กระหม่อมถวายบังคมไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ!

    ชายหนุ่มตอบแค่อืมสั้นๆจากนั้นสายตาเย็นชาก็เลื่อนมองไปที่ศีรษะของนาง “หนิงเจิงเจ้าคิดว่าเสือโคร่งตัวนี้เป็นอย่างไร”

    เสือตัวนั้นผงาดศีรษะคำรามดังก้องไปทั่วฟ้าตามเสียงของเขาทันที!

    หนิงเจิงตัวสั่นเทิ้ม

    นางเหลือบหางตามองก็เห็นว่าหัวของเจ้าเสือตัวนั้นทั้งใหญ่ทั้งกลมขนเงางามทั่วทั้งตัว และเต็มไปด้วยลายพาดกลอนสีดำแค่มองก็รู้สึกว่ามันดูแข็งแกร่งและสง่างาม!

    นางเข่าอ่อนอีกแล้วก่อนจะพูดปนเสียงสะอื้นว่า“กระ...กระหม่อมไม่เคยเห็นเสือตัวไหนที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อนพ่ะย่ะค่ะ!

    เซียวหนานสวินยกยิ้มมุมปาก

    “เปิ่นกงก็คิดว่าเจ้าน่าจะชอบเหมือนกัน”

    เพียงแค่เขายิ้มก็น่ากลัวยิ่งกว่าธารน้ำแข็งอันหนาวเหน็บเมื่อครู่นี้เสียอีก!

    หนิงเจิงตัวสั่นงันงกขาแข็งก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดเสียงสะอื้น “กระหม่อมสำนึกผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!

    แต่เซียวหนานสวินทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของนางเขาแสยะยิ้มมุมปาก และเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ในเมื่อเจ้าชอบเปิ่นกงก็จะให้พวกเจ้าได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันลำพังดีหรือไม่”

    อยู่ด้วยกันลำพัง!

    หนิงเจิงเบิกตาโตนี่เขาอยากให้นางถูกเสืองาบหรือไง

    เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวนางก็เห็นเซียวหนานสวินยกมือขึ้นลง หันหน้าไปสั่งจี้หลิวเฟิงที่อยู่ข้างกาย“เปิดกรงให้เขาเข้าไป”

    จี้หลิวเฟิงมองหนิงเจิงด้วยความเห็นใจ“ขอรับ”

    “ไท่จื่ออย่านะ...!

    หนิงเจิงกรีดร้องและพยายามวิ่งหนี

    แต่ทิศทางของนางไม่ใช่ให้หันหลังหนี แต่กลับเป็น...

    เซียวหนานสวินพลันเปลี่ยนสีหน้าเขามองเจ้าสุนัขรับใช้คนนี้ที่กระโจนใส่เขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ...แล้วยังกล้าถือดีกอดขาเขาอีกอย่างนั้นหรือ!

    ทุกคนต่างเบิกตาโตและสูดหายใจเฮือก!

    นี่...

    นี่มัน...

    หนิงเจิงล่วงเกินไท่จื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่กลับได้ขึ้นเป็นองครักษ์ข้างกาย ความสัมพันธ์นี้ไม่ธรรมดา แต่ว่าตอนนี้...ยังจะพูดว่าไม่ธรรมดาได้อีกหรือ

    นี่เรียกว่าพิเศษมากๆต่างหากเล่า!

    ผู้ที่นั่งเก้าอี้คือใคร

    นั่นคือไท่จื่อที่เย็นชาไร้ความรู้สึกตั้งแต่ไหนแต่ไรเชียวนะ!

    คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้ากอดขาเขา!

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in