เล่ม 1 ตอนที่ 10 เสียจูบแรกแล้วหรือ!
เยี่ยเหลียงเซวียนลอบสำรวจนางในขณะที่นางกำลังโค้งคำนับด้วยสายตาที่ยังขุ่นเคืองมิหาย “เจ้าเป็นใคร”
“กระหม่อมหนิงเจิงเป็นองครักษ์ติดตามไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้านี่เอง”นางสบถเสียงเย็นชา “อย่ามาเกะกะแถวนี้ หลีกไป!”
เมื่อนางพูดจบหนิงเจิงยังไม่ทันขยับ นางก็ผลักหนิงเจิงอย่างแรง ก่อนจะเดินย่ำเท้าปึงปังออกไป
มิใช่ว่านางจะจัดการหนิงเจิงแต่วันนี้นางโกรธไท่จื่อจริงๆ ตั้งแต่เมื่อคืนวานที่นางย่างกรายเข้าจวนไท่จื่อก็ไม่ชายตามองนางแม้แต่นิดเดียว มิต้องพูดถึงเรื่องแตะเนื้อต้องตัว
เมื่อคืนกว่านางจะตัดสินใจหายาปลุกกำหนัด มาได้มิใช่เรื่องง่าย ทว่าไท่จื่อไม่เพียงแต่มิตอบสนองพระองค์ยังไล่ตะเพิดนางออกไป ทั้งยังสั่งห้ามมิให้นางเข้ามาในห้องตำราโดยพลการอีก
หรือว่า...พระองค์จะไร้สมรรถภาพจริงๆยาขนานแรงเช่นนี้ ยังมิสามารถปลุกกำหนัดได้
เยี่ยเหลียงเซวียนยิ่งคิดยิ่งแค้นนางยังรับปากกับท่านพ่อก่อนเข้าจวนว่าจะเผด็จศึกไท่จื่อให้จงได้เชียวนะ
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้...
หนิงเจิงมองเงาหลังอันน่าเกรงกลัวของนางไม่เพียงแค่ทำให้ตัวสั่น แต่ยังทำให้นางถอนสายตากลับมาด้วยความผวา
ขณะกำลังเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงแหบพร่าเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้นมาจากในห้อง “ไสหัวไป
หนิงเจิงสะดุ้งตกใจทำไมแต่ละคนถึงได้อารมณ์ฉุนเฉียวขนาดนี้ ทะเลาะกันมาหรือไร
เมื่อคิดถึงตรงนี้นางจึงลดเสียงต่ำ “ไท่จื่อ กระหม่อมหนิงเจิง มารายงานตัวพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงข้างในเงียบไปครู่หนึ่งและไร้ซึ่งคำตอบ
นางเข้าใจด้วยตัวเองว่าความเงียบนี้หมายถึงให้นางเข้าไปได้นางจึงค่อยๆ ย่องเข้าไป
ทันทีที่เข้ามาข้างในนางก็เห็นชายหนุ่มในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มนั่งหลับตาบนเก้าอี้หลังโต๊ะเขียนหนังสือในรัศมีความเย็นชาแฝงไปด้วยความสง่างามที่ดูสูงศักดิ์เพียงแต่เพลานี้เขากำลังผ่อนลมหายใจพยายามข่มอารมณ์แปลกประหลาด
หนิงเจิงขมวดคิ้วแล้วเข้าไปหาเขาอย่างกระวนกระวาย “ไท่จื่อ พระองค์เป็นอะไร ไม่สบายหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มลืมตากะทันหันดวงเนตรเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแดงก่ำ และแววตาแข็งกร้าว “ไปให้พ้น
หนิงเจิงสะดุ้ง“พ่ะย่ะค่ะ!”
แต่นางยังไม่ทันหมุนตัวออกไปก็ถูกบีบข้อมือแน่น แล้วกดลงบนโต๊ะอย่างแรง
“อ๊ะ...”
เกิดความเจ็บแปลบขึ้นฉับพลันหนิงเจิงเจ็บจนส่งเสียงร้องออกมา และวินาทีต่อมาเงาร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มก็ทาบทับลงมา!
นางตกใจหน้าซีดตัวสั่น“ไท่จื่อ!”
ดวงเนตรแดงก่ำของชายหนุ่มจ้องนางเขม็งแววตากราดเกรี้ยวร้อนแรง ทั้งยังแฝงไปด้วยไฟราคะที่มิอาจแยกแยะสิ่งใดได้“เปิ่นกงให้เจ้าไปให้พ้น เจ้าหูหนวกหรือไง”
“กระหม่อมก็กำลังจะไปให้พ้นหน้านี่ไงเล่า”หนิงเจิงแทบอยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา
ถึงแม้เขาจะทะเลาะกับเซวียนเช่อเฟยแต่เช่อเฟยก็ออกไปแล้วนี่นา นี่เขายังเอาความโกรธมาลงที่นางอีกหรือ
ทว่าในขณะที่ความคิดนี้เพิ่งผุดเข้ามาในหัวนางก็เหลือบไปเห็นเข็มสีเงินบางละเอียดหลายเล่มจิ้มอยู่ที่แขนของเขา
สีหน้าของหนิงเจิงพลันเปลี่ยนไป
อะไรกันเนี่ย
นางได้ยินเสียงหายใจอดกลั้นของเขาทันใดนั้นความคิดน่ากลัวก็ผุดขึ้นในหัวของนาง
ชายหนุ่มผู้นี้...โดนวางยาใช่หรือไม่
นางสูดหายใจเฮือกแล้วเงยหน้าด้วยความตกใจ “ไท่จื่อ กระหม่อมไม่รบกวนเวลาพักผ่อนพระองค์แล้วพระองค์ปล่อยกระหม่อมเถิด!”
แต่ดูเหมือนเขาไม่คิดจะปล่อยไปเลยสักนิดและจ้องนางด้วยดวงตาดำขลับราวกับน้ำหมึก “แต่ว่า เปิ่นกงถูกเจ้ารบกวนแล้วเจ้าคิดว่า...ควรทำเยี่ยงไรดี”
แล้วนางจะทำอะไรได้
หนิงเจิงอยากร้องไห้หากรู้ว่าเขาโดนวางยาตั้งแต่ทีแรก ต่อให้ถูกโบยจนตายนางก็ไม่มีทางเข้ามาในนี้เด็ดขาด!
นางมองเขาตาปรอยพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “หากพระองค์ต้องการ ให้กระหม่อม...แทนพระองค์...”
“หืม?”ริมฝีปากบางของชายหนุ่มปัดผ่านข้างหูนาง ดูเหมือนมีแรงบางอย่างดึงดูดเขา
ชายหนุ่มรูปงามหล่อเหลาปกติมักเย็นชาเย่อหยิ่งและสูงส่งจนดูห่างเหิน ทว่าตอนนี้เขากลับใกล้ชิดนางมากเส้นผมของเขาแผ่สยาย เบื้องหลังเสน่ห์อันชั่วร้ายของเขา แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความยั่วยวน
ด้วยความที่หนิงเจิงอยู่ใกล้เขามาก
คงไม่พูดไม่ได้ว่าไท่จื่อรูปงามเหนือผู้ใดจริงๆ...ถุย นี่นางกำลังคิดอะไรเหลวไหลอยู่เนี่ย
หนิงเจิงหลับตาปี๋ละทิ้งความคิดพิลึกทั้งหมดไป แล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ไปเรียกเรียก...เรียกเซวียนเช่อเฟยมาแทนพระองค์ไงพ่ะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มหยุดชะงักไปทั้งร่างสายตาพลันเย็นชา
“เจ้าสุนัขรับใช้ใครให้เจ้าสอดเรื่องของข้า”
“กระหม่อมมิบังอาจ
อีกอย่างนางก็ไม่อยากยุ่งด้วยหรอกนะถ้าหากตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ผิดปกติ นางจะไม่หนีไปจริงๆ หรือ
หนิงเจิงทั้งหงุดหงิดทั้งรู้สึกเห็นใจเรื่องนกเขาไท่จื่อไม่ขันเป็นเรื่องที่แก้ไขไม่ได้...มาถึงขั้นนี้แล้วขนาดได้ยินว่าจะไปตามสตรีมาให้ยังกริ้วเพียงนี้หรือแม้แต่วิธีการวางยาก็รักษาเขาไม่ได้แล้ว
ช่างน่าสงสารจริงๆ
นางหยั่งเชิงถาม“ให้กระหม่อมไปเตรียมน้ำเย็นให้ไหม พระองค์จะได้...อ๊ะเจ็บ ไท่จื่อทำอะไรน่ะ
ทำอะไรเขายังมีหน้าถามอีกหรือ!
เซียวหนานสวินออกแรงกระชับมือสัญชาตญาณบอกว่าควรจะโยนเจ้าสุนัขรับใช้นี่ออกไปซะ แต่ทว่า...
ยาของเยี่ยเหลียงเซวียนรุนแรงมากทั้งยังมีเครื่องหอมที่โรยบนผ้า ซึ่งยากต่อการป้องกันตัวและเขาไม่อยากสร้างปัญหาด้วยเรื่องเช่นนี้ ให้ผู้อื่นรู้ว่า ข่าวลือพวกนี้เป็นแค่เรื่องหลอกลวง ดังนั้นเขาจึงไม่ตามหมอหลวงมาและเพียงแค่ฝังเข็มอุดชีพจรเท่านั้น หากอดทนอีกสักหนึ่งชั่วยามเขาก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว
เขาคิดว่าสามารถควบคุมได้แต่คิดไม่ถึงว่าหนิงเจิงจะทะเล่อทะล่าเข้ามาตอนนี้
เมื่อมองไปที่ลำคอระหงขาวนาลและดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คละคลุ้งที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายในอากาศนัยน์ตาของเซียวหนานจวินจึงยิ่งดำดิ่งลงไปหลายส่วน
หนิงเจิงเห็นเขาแน่นิ่งไปและขณะกำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกนางกลับเห็นใบหน้าหล่อเหลาใกล้เข้ามาหลายนิ้ว...
“ไท่จื่อ
ชายหนุ่มชะงักครู่หนึ่งแต่กลับไม่หยุดการกระทำ ริมฝีปากอุ่นร้อนยังคงแนบชิดข้างหูนาง
หนิงเจิงนิ่งค้างไปทั้งร่าง
วินาทีต่อมาใบหน้านางก็แดงแจ๋ทันที “ไท่...ไท่...จื่ออย่าทำแบบนี้นะ
หรือว่าเขาไม่มีอารมณ์กับสตรีแต่มีอารมณ์กับบุรุษจริงๆ!
นี่มิใช่ปัญหาทางกายแต่เป็นรสนิยมทางเพศต่างหากเล่า!
คราวนี้หนิงเจิงน้ำตาไหลลงมาจริงๆ
นางลองดิ้นขัดขืนแต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกจับประคองศีรษะ จากนั้นริมฝีปากบางของชายหนุ่มก็ประกบลงมา
“อื้อ...”
รูม่านตาหนิงเจิงหดตัวทุกการเคลื่อนไหวแน่นิ่ง และทันใดนั้นปรางแก้มร้อนฉ่าจนลามไปถึงหู
เขา...กำลังจุมพิตนาง
นี่นาง...เสียจูบแรกให้เขาแล้วหรือ
นางเข้าจวนไท่จื่อมาไม่เพียงแต่ต้องปกป้องเขาแม้แต่สิ่งสำคัญของตัวเองก็ยังต้องอุทิศให้เขาอีกด้วยหรือ
ไม่ นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ แม้ว่านางเต็มใจเสียสละตัวเองอย่างกล้าหาญจริงๆแต่ถึงอย่างไร นางก็เป็นเพียงสตรีที่ปลอมตัวเป็นบุรุษนะ
หากเขามีรสนิยมทางเพศเช่นนี้จนกว่าเขาจะค้นพบตัวเองและความคาดหวังของเขา นางจะต้องตายอย่างไร้ที่ฝังอย่างแน่นอน!
หนิงเจิงหัวใจแตกสลาย
เมื่อเห็นเสื้อของตัวเองถูกดึงรั้งมากองที่ไหล่ด้วยฝีมือชายหนุ่มนางก็กรีดร้อง จากนั้นก็คว้าหินฝนหมึกใกล้มือแล้วทุบศีรษะเขาโดยไม่ทันคิด
ปึก...
ทันใดนั้น ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in