เล่ม 1 ตอนที่ 13 คว้าทุกโอกาสแสดงความสามารถ
หนิงเจิงไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่เคร่งขรึมของเขานางก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่นางกำลังหาข้อแก้ตัวแต่เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นผ้าพันแผลที่แปะบนหน้าผากของเขาสายตาของนางจึงเปลี่ยนไปทันที
“ไท่จื่อเจ็บแผลไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มชะงักสีหน้าเล็กน้อย
ดูเหมือนความโกรธที่วนเวียนในอากาศพลอยหยุดค้างไปด้วย
ความกลัวของหนิงเจิงค่อยๆกลายเป็นความรู้สึกผิด นางก้มหน้าหลุบตาเอ่ยว่า “ขอโทษ กระหม่อมมิได้ตั้งใจกระหม่อมวู่วามก็เลยพลั้ง...พลั้งมือไป”
สำหรับเรื่องพวกนี้นางพูดว่าสมควรตายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับเป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยขอโทษ
เซียวหนานสวินเห็นแววตาที่ดูเหมือนทั้งเศร้าเสียใจระคนรู้สึกผิดแล้วนัยน์ตาของเขาก็ลุ่มลึกเล็กน้อย ก่อนจะนึกย้อนไปตอนที่นางหน้าแดงแจ๋ในห้องตำราเมื่อวาน
ทั้งตกใจทั้งเขินอาย
แต่ในวินาทีถัดมาเมื่อเขารู้สึกตัวว่าคิดอะไรลงไปสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาอย่างน่าประหลาดหลายครั้ง
นี่เขาทำอะไรลงไป
เพราะเมื่อวานโดนวางยาจึงทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ยังพอว่าแต่ตอนนี้...ปกติดีนี่นานี่เขาคิดอะไรเหลวไหลกับองครักษ์ที่เป็นชายทั้งแท่งได้อย่างไร
“หุบปาก
น้ำเสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดเผยถึงความตึงเครียดที่มิอาจสังเกตเห็นได้ง่ายๆ
ทันใดนั้นเองก็มีทหารวิ่งกุลีกุจอเข้ามา เซียวหนานสวินจึงหันไปมองทันที “มีเรื่องอะไร”
“ไท่จื่อกระบี่ที่พระองค์ต้องการมาถึงเซิงสื่อเหลี่ยงฉงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เซิงสื่อเหลี่ยงฉงคือสถานบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงนอกจากนี้ยังเป็นแหล่งสินค้าฟุ่มเฟือยอีกด้วย
ถึงแม้คนในเมืองหลวงจะไม่เคยไปแต่ก็รู้จักเป็นอย่างดี...ตรงประตูทางเข้าเซิงสื่อเหลี่ยงฉงหากเลี้ยวซ้ายก็จะเจอบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดหากเลี้ยวขวาก็จะเจอหอโคมเขียวที่ดีที่สุดเช่นกัน ดังนั้นพวกขุนนางและชนชั้นสูงไม่มีใครไม่ชอบสถานที่แห่งนี้
เซียวหนานสวินตอบอืมสั้นๆ
ทว่าเขากลับเหลือบเห็นแววตาวูบไหวและก้มหน้าอย่างประหม่าขององครักษ์ผู้นั้น“มีข่าวลือมาจากในบ่อน มีคนต้องการ...แย่งกระบี่พ่ะย่ะค่ะ
เซียวหนานสวินพลันหรี่ตา
“บังอาจ
นางหันขวับมองเซียวหนานสวินก่อนกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจและเคร่งขรึม “ไท่จื่อให้กระหม่อมไปตามกระบี่ของพระองค์กลับมา เพื่อชดเชยความผิดเถิดพ่ะย่ะค่ะ
เซียวหนานสวินจ้องนางด้วยสีหน้าเย็นชา
มุมปากของหนิงเจิงกระตุกยิกๆ
นางก็คิดว่าตัวเองเล่นใหญ่ไปหน่อยก็แค่กระบี่เล่มเดียว ไม่จำเป็นต้องให้ไท่จื่อลดตัวลงมา
ทว่าตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วมิใช่หรือ
นางจะต้องคว้าทุกโอกาสเพื่อแสดงความสามารถ
แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ขยับริมฝีปากเอ่ยว่า “ได้เปิ่นกงจะพาเจ้าไปเอง แต่ว่า...”
เขาพูดเสียงเย็นเยียบ“หากวันนี้เอากระบี่กลับคืนมามิได้ นอกจากเจ้าจะชดเชยความผิดไม่ได้แล้วเจ้าต้องเพิ่มโทษอีกหนึ่งเท่า เมื่อถึงเวลานั้น เปิ่นกงจะปลิดชีวิตเจ้าแน่นอน
หนิงเจิง “...”
ตอนนี้นางยังนึกเสียใจทีหลังทันไหม
...
ระหว่างทางหนิงเจิงเอาแต่ก่นด่าในความปากไวของตัวเองตลอดเวลาถึงแม้การทำความดีชดเชยความผิดจะสำคัญอย่างยิ่งแต่ก็ไม่เห็นต้องเอาชีวิตมาแขวนบนเส้นด้ายเลยนี่นา!
นางเพิ่งเข้าจวนไท่จื่อได้แค่สามวันเองก็ต้องเอาชีวิตน้อยๆ มาทิ้งแล้ว ช่างไม่คุ้มกับการสูญเสียเลยนี่นา
นางเดินตามหลังชายหนุ่มด้วยความคับข้องใจแล้วในที่สุดก็มาถึงบ่อนในเซิงสื่อเหลี่ยงฉงจนได้
ทันทีที่เข้าไปข้างในนางก็เห็นเถ้าแก่ของบ่อนกำลังคุยกับใครบางคนอยู่
“ท่านชายต้องขออภัยจริงๆ กระบี่มั่วเหยียนี่มีลูกค้าท่านอื่นจองแล้วขอรับ”
ข้างหน้าเถ้าแก่มีชายคนหนึ่งสวมชุดสีม่วงยืนอยู่ดูจากการแต่งกายก็รู้ว่าเป็นชนชั้นสูง ทั้งยังมีรัศมีความเย่อหยิ่งแผ่ออกมา
แถมชายหนุ่มยังโอบกอดหญิงงามราวบุปผาไว้ในอ้อมกอดอีกด้วยจากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “จองแล้วจะทำไม ข้ารู้จักแค่หมูไปไก่มา ในเมื่อการค้าขายยังไม่สิ้นสุดผู้ใดเงินหนากว่า แน่นอนว่าผู้นั้นต้องได้กระบี่มั่วเหยียไป”
เหอะ!
หนิงเจิงแสยะยิ้มด้วยความหงุดหงิดนางคิดว่าตัวเองหน้าไม่อายมาตลอด คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเจอคนไร้ยางอายยิ่งกว่าเสียอีก
“ท่านชายผู้นี้ดูเป็นผู้ดีสง่าผ่าเผยนี่นา แต่ทำไมถึงได้ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ขนาดนี้ล่ะ”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้น เงาหลังของเขาหยุดชะงัก
เขาโอบไหล่หญิงงามหันหลังมาพร้อมกัน ดวงตาที่เย็นเยียบของเขาก็พุ่งเป้ามาที่นางทันที“สุนัขกระจอกงอกง่อยโผล่มาจากไหน ใครใช้ให้เจ้ากล้าพูดเยี่ยงนี้กับข้า”
หลังจากสิ้นคำพูด บรรยากาศโดยรอบก็เงียบลงทันที
เสียงจ้อกแจ้กจอแจในบ่อนค่อยๆเงียบตามไปด้วย และคนไม่น้อยก็หันมามองทางนี้
พอคนมากมายหันมามองทางนี้หนิงเจิงก็เขินหน้าแดงเป็นเหมือนกันนะ
ในขณะที่หนิงเจิงกำลังจะอ้าปากพูดก็ได้ยินเสียงแหบต่ำของคนข้างๆ เอ่ยช้าๆ อย่างไม่ยี่หระ “ข้าใช้เอง ทำไม มีปัญหาหรือ”
สีหน้าชายชุดม่วงเปลี่ยนไปทันที
สายตาของเขาจ้องหน้าของเซียวหนานสวินหลายวินาที ก่อนที่มุมปากของเขาจะค่อยๆกระตุกยิกๆ
ทำไมอย่างนั้นหรือ?
แน่นอน เขาไม่สามารถทำอะไรกับเสด็จพี่ไท่จื่อผู้นี้ได้หรอก
แต่เมื่อกี้เขากำลังคิดว่าผู้ใดกันที่แส่หาเรื่อง...ที่ไหนได้ ไม่ใช่แส่หาเรื่องอะไรหรอกถึงอย่างไรไท่จื่อก็เป็นผู้จองกระบี่มั่วเหยียนี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่ดูเหมือนไท่จื่อจะเป็นคนพาองครักษ์ผู้นี้ออกมาด้วย
แต่...เขาไม่สนหรอกว่าจะเป็นใครหน้าไหนตอนนี้เขาชักถูกชะตากระบี่มั่วเหยียขึ้นมาเสียแล้วสิ
เซียวเฉิงอิ่งยิ้มกริ่มแล้วเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ก็ไม่ทำไม” เขาหันหลังกลับไป “เถ้าแก่ ท่านชายผู้นี้เป็นคนจองใช่หรือไม่ไม่ว่าเขาจะเสนอเงินให้เจ้ามากแค่ไหน ข้าก็จะให้เป็นสองเท่า”
ดวงตาของเถ้าแก่เป็นประกายเล็กน้อย
หนิงเจิงเห็นท่าไม่ดีแต่ก็ได้ยินเซียวหนานสวินเอ่ยเบาๆ ว่า “ข้าดูขัดสนหรือ”
นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะตอนนี้กระบี่เล่มนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตของนาง
เซียวเฉิงอิ่งเลิกคิ้ว“ดูท่าทางไม่น่าขัดสน เพียงแต่ว่า...” เขาหันไปมองหญิงงามในอ้อมแขนเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “หรงซัง เจ้าว่ากระบี่มั่วเหยียสามหมื่นตำลึงนี้ จะสามารถปั่นราคาได้สูงสุดเท่าไหร่”
ฮว๋าหรงซังอิงแอบอ้อมกอดเขาแล้วยิ้มอ่อนหวาน “ขอเพียงแค่ท่านชายต้องการ จะเท่าไหร่ก็ย่อมได้เจ้าค่ะ”
เซียวเฉิงอิ่งหัวเราะสะใจ“ไม่เลว เพียงแค่ข้าต้องการ ไม่รู้ว่าสุดท้ายกระบี่เล่มนี้จะราคาเท่าไหร่”
หนิงเจิงค้นพบว่าผู้ชายคนนี้สารเลวจริงๆ
เดิมทีนางคิดว่าเขาแค่ต้องการกระบี่มั่วเหยีย ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะได้ดาบหรือไม่มิใช่เรื่องสำคัญ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังใช้โอกาสปั่นราคาให้สูงขึ้น!
บุญคุณความแค้นอะไรกัน
เถ้าแก่นั่นก็มิใช่คนดีอะไรคิดไม่ถึงว่าจะพยักหน้าเออออห่อหมก แล้วพูดจาหน้าระรื่น “ถ้าอย่างนั้น ท่านชายทั้งสองเสนอราคาอย่างยุติธรรมเถิด
“เสนอราคาอะไรกัน
มองปราดเดียวก็รู้ว่าชายผู้นี้ร่ำรวยและเสเพลหากสมมุติสุดท้ายไม่ยอมถอยให้จะทำอย่างไร
เมื่อคิดเช่นนั้นนางก็หันขวับไปมองเซียวเฉิงอิ่ง แล้วเชิดคางขึ้น “เจ้าอยากได้กระบี่นักมิใช่หรือปล่อยให้บ่อนพนันได้เงินจากตรงนี้ไปแล้วมีความหมายอะไร ทำไมไม่ประลองกันไปเลยล่ะผู้ใดชนะ ผู้นั้นก็ได้กระบี่มั่วเหยียนี่ไป”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in