เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Reminds me of you ฉันจะไม่ปล่อยมือเธอ (เรื่องสั้น)gonnbhak
Umeshu Season
  • เดือนมีนาคม ย่างเข้าฤดูร้อนของทุกปี สิ่งที่ฉันมักนึกถึงคือการ “ดองเหล้าบ๊วย” ราวกับว่ามันเป็นวันสำคัญหรือเทศกาลพิเศษประจำปี ที่เราทำมันเพื่อเป็นการแสดงถึง “การเริ่มต้นชีวิตใหม่” อย่างตรุษจีนหรือสงกรานต์อะไรทำนองนั้น 




    การทำเหล้าบ๊วยในฉบับของฉัน ไม่ใช่กิจกรรมที่ต้องใช้ความสามารถพิเศษ หรือแรงกายอะไรมากมาย เพราะงานพิถีพิถันหรือการทำอะไรง่ายๆให้เป็นงานศิลปะล้ำค่า สำหรับฉันแล้วมันไม่ใช่ ‘เรื่อง’ ถนัด เท่าไหร่นัก




    แต่การทำเรื่องง่ายให้ยิ่งง่าย อันนี้ขอบอกเลยว่าเป็นสิ่งที่ฉันเก่งที่สุดเลยล่ะ





    ขั้นตอนแรก เริ่มด้วยการสั่งบ๊วยสดจากช่องทางการสั่งซื้อออนไลน์ 




    คลาสสิคใช่มั้ยล่ะ?




    (เพราะการต้องไปเลือกเองที่ตลาด ต้องเจอคนไม่น้อยกว่าร้อยคน วิธีการเดินทางที่ซับซ้อน และขนส่งสาธารณะที่ขูดเลือดเนื้อ พอคิดถึงตรงนั้นก็จะพาลให้ไม่อยากจะต้องทำขั้นตอนอื่นต่อไปอีกเลย)


    จากนั้นก็ไปซื้อเหล้าขาวและน้ำตาลกรวดที่ร้านขายของชำเก่าๆแถวบ้าน ทุกครั้งที่ไปซื้อพนันได้เลยว่าไม่มีครั้งไหนที่สินค้าที่ได้มา จะไม่มีฝุ่นเกาะจนหนา เหมือนว่านอกจากฉันแล้ว คนแถวนี้ก็ไม่มีใครมาซื้อของที่นี่อีกเลย



    แต่ก็ได้แต่ภาวนาว่าวันนึงอากงจะมีลูกค้ามากพอ มากพอที่ที่ขจัดแววตาแห่งความว่างเปล่าของอากงที่มองไปที่ร้านสะดวกซื้อที่ตั้งถัดไปแค่คูหาเดียว




    เมื่อวัตถุดิบทุกอย่างพร้อมแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการล้างบ๊วย




    สิ่งที่ต้องทำก็คือนำบ๊วยเทลงในถังหรือกะละมัง แล้วเติมน้ำให้ท่วม ถ้าบ๊วยลูกไหนลอยขึ้นมาเหนือน้ำก็แปลว่าเน่า ซึ่งนำไปดองไม่ได้ เพราะจะส่งผลต่อทั้งรสชาติและกลิ่นของเหล้า



    ในทั้งหมดของบ๊วยในถัง ส่วนมากก็จะมีแค่ไม่ถึง 10% เท่านั้นแหละ



    แต่การจะเก็บเอาไปทิ้งเลย นั่นก็ไม่ใช่ ‘เรื่อง’ ที่ฉันชอบทำอีกเหมือนกัน




    ฉันจะค่อยๆหยิบมาตรวจดูด้วยตัวเองทุกลูก ว่ามันเน่าจริงรึป่าว และถ้ามันเน่าจริงๆ มันเน่าถึงขั้นกินไม่ได้มั้ย ถ้าดูแล้วสภาพมันไม่ได้แย่จนเลวร้าย ฉันก็จะเก็บไว้กินสดๆแทน แต่ถ้าลูกไหนที่มันเน่าจริงๆ ก็คงต้องจำใจเก็บทิ้งไป




    แล้วก็นำบ๊วยที่สภาพสมบูรณ์ไปตากจนแห้งดี




    ขั้นตอนต่อไปนี่แหละ ที่ส่วนที่ฉันชอบมากที่สุดของการทำเหล้าบ๊วย เป็นขั้นตอนที่น่าเบื่อที่สุด ใช้เวลานานที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับทำให้เหล้าบ๊วยของฉันมีสิ่งที่เรียกว่า ‘มิติ’ ที่เป็นนามธรรมที่มีแค่ฉันเท่านั้น ที่จะรู้ถึงการมีอยู่และรับรู้เรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้



    ฉันจะค่อยๆเอาไม้ปลายแหลมจิ้มลงไปรอบๆตัวบ๊วย ขั้นตอนนี้จะช่วยทำให้เหล้าซึมเข้าไปในเนื้อบ๊วย และบ๊วยก็จะปล่อยกลิ่นและรสชาติของมันออกมา



    บ๊วยทุกๆลูกที่ฉันนำมาทำ ในนั้นมีความรู้สึก เรื่องราวบางฉากของชีวิต หรือสิ่งที่ฉันจะสามารถนึกถึงมันขึ้นมาได้ ณ ขณะนั้น 



    หลังจากนั้นก็นำไปดอง โดยวางบ๊วยสลับชั้นกับน้ำตาลกรวด เทเหล้าขาวบ้านๆของไมยใส่ลงไปจนเต็มโหลแบบส่งๆ ไร้ซึ่งการชั่งตวงใดๆทั้งสิ้น  อาศัยกะปริมาณด้วยสายตาเพียงเท่านั้น สุดท้ายก็นำผ้ามาห่อโหลให้มิดชิดและนำไปวางไว้ในที่เย็นและมืดที่สุด



     รอจนเวลาผ่านไปอย่างน้อย 1 ปีก็ถึงจะได้เริ่มนำเหล้าบ๊วยออกมาดื่ม 



    รสชาติที่ต่างกันสุดขั้วของวัตถุดิบที่ใช้เมื่อนำมารวมกัน กลับได้ผลลัพธ์ของออกมาเป็นเหล้าบ๊วยที่หอมหวาน โดยมีเวลาเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพของเหล้า




    และเมื่อครั้งใดที่ฉันนำเหล้าที่ดองได้ที่แล้วมาดื่ม ในทุกหยดที่ได้ลิ้มรสก็ทำให้นึกถึงช่วงเวลาของชีวิตในปีนั้นๆ ราวกับว่าสิ่งนี้นี่แหละที่เป็นไดอารี่แห่งชีวิต อดีตที่ผ่านการคัดสรรความทรงจำมาแล้ว และนำมาบ่มจนได้ที่ บ่มนานหน่อยแอกอฮอล์ก็ต่ำลงและมีรสชาติหวาน 



    แต่หากยังบ่มไม่นานพอ แล้วรีบดื่มก็จะได้ทั้งความขมและแอลกอฮอล์ ที่บางครั้งก็ตีแรงจนเมามายได้อย่างง่ายๆ









    ไม่ต่างกับอดีต







    ใช้เวลา 







    มีรสขม 






    ทว่าความหอมหวานของมันก็ดึงดูดเราดื่มด่ำ 







    แต่กระนั้นก็นะ










    มันก็ทำร้ายร่างกายเราไปทีละช้าๆเหมือนกัน


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in