สิ่งที่ดึงดูดความสนใจขณะรับชม คือแมสเสจที่ผู้กำกับ “ยอนซังโฮ” ได้สื่อไว้ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งไดอะล็อกที่ต้องใช้เวลาในการตีความ การกระทำที่ต้องมองให้ลึกลงไปเพื่อทำความเข้าใจกับตัวละคร แม้กระทั่งความขัดแย้ง ความหวาดกลัว สิ่งที่แปรเปลี่ยนหรือหล่อหลอมขึ้นมาเป็นศรัทธาของมนุษย์
เรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนชวนให้ตั้งคำถาม และเปิดโอกาสให้หยิบยกข้อพิพาทมาถกกันในชีวิตจริง หากเพ่งมองย้อนกลับมาในสังคมที่เราอยู่ เปรียบเทียบเรื่องราวความแฟนตาซีกับความเป็นจริงในสังคมแล้วนั้น ความโกลาหลและศรัทธาอันสุดโต่งที่เกิดขึ้นในซีรีส์เรื่องนี้ ต่างเป็นสิ่งที่มองเห็นได้อยู่กลาย ๆ
นอกจากเนื้อเรื่องที่จุดประเด็นสำคัญต่าง ๆ ขมวดกันไว้ได้อย่างดี ฝีมือการแสดงของนักแสดงแต่ละท่าน ยิ่งทำให้เนื้อเรื่องออกมาสมบูรณ์แบบ ทั้งนักแสดงหลักและนักแสดงสมทบ ต่างเข้าถึงบทบาทและถ่ายทอดศักยภาพทางการแสดง ทำให้มองเห็นความรู้สึกนึกคิดของตัวละครได้อย่างเต็มที่
ท้ายที่สุดแล้ว Hellbound ถือเป็นซีรีส์ความยาวเพียง 6 ตอน แต่อัดแน่นไปด้วยประเด็นที่ทิ้งเอาไว้ให้ได้ลองค้นหาคำตอบอย่างน่าสนใจ เส้นเรื่องที่ร้อยเรียงระหว่าง นรก - กลุ่มคน - พระเจ้า ยังคงทิ้งไว้ซึ่งการกระทำที่ต้องการคำตอบ หรือหากมองเห็นถึงแก่นในเรื่องนี้แล้ว คงได้อะไรกลับไปไม่มากก็น้อย
.
.
.
-----------------------------------------------------------
ตัวละครที่หยุดพูดถึงไม่ได้เลยคือจองจินซู เป็นตัวละครที่ชวนให้ตั้งคำถาม และชวนให้วิเคราะห์ในหลากหลายมิติ การนำเอาประกาศิตที่ตนได้รับ มาเชื่อมโยงกับความเชื่อ อาศัยความหวาดกลัวของมนุษย์ แปรเปลี่ยนให้กลายเป็นอาวุธที่เรียกว่าแรงศรัทธา รู้สึกเลยว่าเป็นตัวละครที่มีหลายเลเยอร์มาก ๆ เป็นตัวละครที่ซับซ้อนมากจริง ๆ และยูอาอินสามารถถ่ายทอดบทบาทของจองจินซูออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นตัวละครที่ชวนให้ติดตาม ตีความความต้องการ และอดสงสัยในการกระทำจนละสายตาไม่ได้จริง ๆ
.
.
.
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านบันทึกซีรีส์ของเราในครั้งนี้นะคะ หวังว่า Hellbound จะเป็นซีรีส์ที่หลาย ๆ ท่านชอบและให้ความสนใจนะคะ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in