เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Love is ...Deux
กล่องของขวัญ
  •    ตั้งแต่ชีวิตก้าวเข้าสู่วัยรุ่นมา ในเช้าของวันพิเศษบางวันจะมีเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น และที่หน้าประตูบ้านจะมีกล่องของขวัญหนึ่งใบวางอยู่เสมอ 

           
         ช่วงแรกๆที่ได้รับกล่องของขวัญนั้น ด้านนอกมักห่อไว้ด้วยกระดาษห่อของขวัญลายน่ารัก สีชมพูหวานๆ ลายการ์ตูน ลายลูกกวาด ตามความนิยมของวัยรุ่น กล่องมักจะใบใหญ่แต่ดูจะเบาหวิวเวลายกมันขึ้นมา

       ด้วยความที่กระดาษห่อนั้นมีลวดลายน่ารัก ฉันจึงไม่เคยแกะห่อขอขวัญเหล่านั้นออกดูของภายในเลย เพราะเสียดายที่มันจะต้องถูกฉีกออก แต่จริงๆแล้วความรู้สึกลึกๆของตัวเองกลับรู้สึกถึงความกลัว กลัวว่าจะพบอะไรอยู่ภายใน เคยได้ยินว่ามีบางคนโดนแกล้งใส่ของเล่นแบบสยองขวัญมาให้ก็มี บางคนเปิดออกมาเป็นกล่องเปล่าเสียความรู้สึกไปเลยก็เคยเจอ กล่องของขวัญลายสวยทั้งหลายก็เลยกองอยู่ในห้องนอน ซ่อนใต้เตียงบ้างก็มี มันอยู่อย่างนั้นนานจนทั้งคนให้และคนรับลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ว่าเคยมีกล่องของขวัญนี้อยู่ในโลกนี้ด้วย

        พอฉันเติบโตขึ้นจากวัยรุ่นมาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ก็ยังมีกล่องของขวัญมาวางอยู่ที่หน้าประตูบ้านเป็นบางครั้ง แต่ไม่บ่อยเหมือนสมัยเป็นวัยรุ่นแล้ว ที่เปลี่ยนไปก็มีหลายอย่าง อย่างกระดาษห่อตอนนี้เป็นกระดาษห่อแบบเรียบหรูดูดีขึ้น บางชิ้นห่อด้วยกระดาษที่ดูแพงระยับ จนไม่กล้าจินตนาการถึงของที่อยู่ภายใน บางชิ้นก็ดูน่ารักแต่ในแบบที่ผู้ใหญ่ชื่นชอบ ไม่ใช่ลายน่ารักแบบเด็กๆอีกต่อไป 

        และจากการยกกล่องของขวัญเหล่านั้นขึ้นไปเก็บที่เดิมๆในห้อง ฉันกลับพบว่ากล่องของขวัญเหล่านี้มีน้ำหนักและตึงมือกว่ากล่องที่ได้รับตอนวัยรุ่นมาก บางกล่องต้องเรียกว่าหนักเลยก็ว่าได้ กว่าจะยกขึ้นไปเก็บเข้าที่ได้ ได้มีเหงื่อออกเป็นทางเลยทีเดียว ซ้ำร้าย บางทีถือไม่ระวังพอ กล่องที่หนักอึ้งนั้นกลับตกลงทับหัวแม่เท้าบ่อยๆ จนฉันต้องเสียน้ำตาและเป็นแผลเดินกระเผลกอยู่นานทีเดียว 

        ยิ่งช่วงหลังๆ มีบ้างเหมือนกันที่ฉันต้องมานั่งร้องไห้คนเดียว เพราะมีเจ้าของกล่องของขวัญบางใบ มาขอมันกลับคืนไปด้วยเหตุผลที่ว่า "คุณไม่เคยใส่ใจ" 

        ก็ใช่สิ ใครจะรู้ว่าคุณใส่อะไรไว้ข้างใน ใครจะกล้าเปิดออกดู คุณก็แค่บอกว่าของข้างใน "วิเศษสุด" พูดเหมือนๆกับที่ทุกคนก่อนหน้าพูดมา แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่เปิดมันออกดูอยู่ดี ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ฉันคิดว่าฉันยังไม่พร้อมหรอก

        เวลาก็ยังคงผ่านไปเรื่อยๆ กล่องของขวัญใบเก่าๆดูล้าสมัย บางกล่องก็ทับกับบุบบู้บี้ ฉันจึงเอาไปทิ้งก็หลายต่อหลายกล่องจนห้องสะอาดสะอ้าน ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่ใบเดียว แถมกล่องของขวัญที่หน้าบ้านก็นานๆจะมีมาวางซักใบ บางครั้งนานหลายปีจึงจะได้ยินเสียงกริ่งตอนเช้า ฉันแอบดีใจรีบวิ่งจนผลัดตกหกล้มไปก็หลายที กล่องของขวัญชิ้นหลังๆที่มาวางไว้ ฉันไม่ค่อยสนใจกระดาษห่อเท่าไหร่แล้ว แต่ที่ใช้เวลากับมันมากๆคือ การตัดสินใจว่าจะแกะห่อของขวัญออกดูจะดีมั้ย แต่จนแล้วจนรอดฉันก็วางมันนิ่งสนิทในห้องอยู่ดี

        จนวันนั้นที่ได้ยินเสียงกริ่งหน้าบ้านดังอีกครั้ง ครานี้ฉันรีบลุกจากที่นอนวิ่งสุดกำลังไปหน้าบ้านให้ทันพบคนที่นำกล่องของขวัญมาวาง และทันทีที่เปิดประตูบ้านออกฉันก็ได้พบเธอ คนพิเศษที่แสนอบอุ่น คนที่คอยเคียงข้างฉันเสมอแม้ในยามที่ทุกข์แสนสาหัส คนเดียวกันที่ยืนยิ้มพร้อมพร่ำบอกคำยินดีในวันที่ฉันสำเร็จและมีความสุขที่สุด

        แปลกนะไม่มีใครทำได้เหมือนเธอเลย ฉันจึงมั่นใจว่า เสียงกริ่งที่ดังขึ้นเช้านี้ ต้องเป็นเธอแน่ๆที่มามอบกล่องของขวัญเหมือนเช่นคนอื่นๆที่เคยทำมา ฉันถึงรีบออกมารับมันด้วยตัวเอง เธอพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่เคยคำพูดสั้นๆเพียงไม่กี่คำ แต่เพราะตอนนั้นมันตื่นเต้นจนตาลายหูอื้อไปหมด คงจำได้แค่ประโยคสุดท้ายที่เธอกล่าวก่อนจะหันหลังเดินกลับไปว่า 


                  "อย่าลืมเปิดดู และดูแลมันให้ดีนะ"


         ฉันเฝ้ามองส่งเธอเดินจากไปจนลับตา พอปิดประตูบ้านฉันอดดีใจตะโกนกระโดดโลดเต้นไปทั่วบ้านไม่ได้ ฉันตั้งใจว่าฉันจะเปิดกล่องของขวัญกล่องนี้เพียงกล่องแรกและกล่องเดียวเท่านั้น เพราะมั่นใจว่าเธอต้องไม่เล่นแผลงๆ หรือใส่อะไรไร้สาระมาแน่นอน

          ฉันพิจารณากล่องของขวัญใบนี้อย่างพิเคราะห์ มันเป็นกล่องขนาดพอเหมาะ น้ำหนักไม่เบาไปไม่หนักไป หนักแน่นแค่พอตึงมือเวลาถือ กระดาษที่ห่อด้านนอกดูสวยคลาสิคอย่างประหลาด ไม่ได้หวือหวาแต่ไม่ล้าสมัย คาดด้วยโบว์และริบบิ้นลายลูกไม้ เป็นแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน มันน่ารักมากๆจริงๆ

          ฉันมัวแต่ชื่นชมความงามของมันขณะที่กำลังถือมันกลับไปที่ห้องอย่างที่เคย แต่แล้วฉันก็ทำพลาดที่สุดในชีวิต เมื่อเผลอจับมันไม่ระวัง เพราะมัวหลงดีใจที่เธอเป็นคนเอามาส่งให้กับมือ มันพลัดหลุดมือฉันออกไป

         หัวใจฉันเหมือนมันวาบหายไปในพริบตา มันหยุดเต้นไปชั่วขณะ ณ เวลานั้น กล่องของขวัญของเธอหล่นลงกระแทกกับขั้นบันได กลิ้งตกลงไปตามความสูงและแรงโน้มถ่วงของโลก 

         ฉันได้แต่ยืนแน่นิ่งด้วยความตกใจ ได้แต่มองกล่องของขวัญของเธอที่กำลังจะตกกระแทกกับพื้นที่แข็งกระด้างและเย็นเฉียบ นั่นคือภาพก่อนที่สติฉันจะวูบไปราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง ไร้ซึ่งความทรงจำไปช่วงเสี้ยวหนึ่งของมิติเวลา

        รู้ตัวอีกที ตัวเองก็นั่งกองกับพื้นพร้อมกอดกล่องของขวัญที่เธอมอบให้ไว้ในอ้อมแขนด้วยน้ำตาที่ไหลริน ราวกับว่ามันจะไม่มีวันหยุดไหลแล้วในชาตินี้ สภาพของฉันดูไม่ได้เลย เช่นเดียวกับกล่องของขวัญใบนั้น ใบที่ก่อนหน้านี้งดงามเกินสิ่งใดเปรียบ ตอนนี้บุบยุบริบบิ้นลายลูกไม้หลุด และขาดวิ่นในหลายตำแหน่ง กระดาษห่อขาดและฉีกออกเป็นทางยาว เผยให้เห็นกล่องกระดาษแข็งสีน้ำตาลสภาพยับยู้ยี่ด้านใน

         ตอนนี้ฉันไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว ฉันจึงรีบแก้กระดาษห่อ ดึงริบบิ้นที่พันกันยุ่งเหยิงออก รีบแกะฝากล่องกระดาษสีน้ำตาลด้านในออกในทันที..........

         โอ้........นี้มันเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตของฉันเลย น้ำตาที่ไหลอยู่ก่อนหน้า ตอนนี้มันหลั่งรินหนักกว่าเดิมเสียอีก ไม่มีเสียงอื่นใดที่ดังอยู่ในตอนนี้ มีเพียงเสียงสะอื้นไห้ที่พยายามกดไว้ไม่ให้ดังออกมาในลำคอ มือที่สั่นเทากำลังค่อยๆขยับเข้าหยิบสิ่งที่อยู่ในกล่อง.....


                                   .....รักแท้.......


        มันแตกสลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี ถึงจะเหลือเพียงเศษซาก ก็รู้ได้ว่าก่อนหน้านี้มันงดงามเพียงใด คงไม่มีอัญมณีหรือสิ่งมีค่าใดที่จะงามได้เท่านี้อีกแล้วเท่าที่ฉันรู้สึก แต่ตอนนี้มันเป็นเพียงเศษธุลีของสิ่งที่เคยมหัศจรรย์ที่สุดของชีวิตคนคนหนึ่ง...เท่านั้นเอง

        ฉันได้ทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่ เพราะความไร้เดียงสา ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องของขวัญจะงดงามเยี่ยงนี้ และที่สำคัญคือ มันบอบบางและต้องการความใส่ใจและถนุถนอมยิ่งนัก ใครจะรู้ได้เล่า หากฉันได้ลองเปิดกล่องของขวัญใบอื่นๆก่อนหน้านี้ ฉันคงรู้ว่าจริงๆแล้วในกล่องล้วนบรรจุสิ่งมีค่าที่สุดเอาไว้ และถ้ารู้อย่างนั้นแล้วละก็ ฉันคงไม่ปล่อยให้กล่องของขวัญของเธอหลุดมือ แต่จะกอดไว้ให้แน่นราวสิ่งหวงแหนที่สุดในชีวิต

         แต่ก็คงสายเกินไปที่จะคิด มันคงไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว ฉันน่าจะตั้งใจฟังคำอธิบายของเธอก่อนหน้านี้ให้ดี หรืออย่างน้อยที่สุดก็สังเกตุคำเตือนข้างกล่องกระดาษแข็งสีน้ำตาล ที่ถูกห่อไว้ด้วยกระดาษห่อของขวัญสีสดสวยที่ฉันเคยได้รับครั้งไม่ถ้วน แต่กลับไม่เคยแกะกระดาษห่อออกดูด้วยซ้ำ....

        ชะตาคงกำหนดไว้อย่างนี้สินะ คงให้คนโชคร้ายอย่างฉันไม่ให้มีโอกาสได้ครอบครองรักแท้.....แม้เพียงซักคราเดียว
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
         เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น จนฉันตกใจตื่นขึ้นจากฝันร้าย พร้อมคราบน้ำตาที่อาบแก้มจากความเจ็บปวดในความฝัน

        ฉันรีบวิ่งไปที่ประตูบ้านทันที และคราวนี้ฉันรู้แล้วว่าชีวิตจะเดินต่อไปเยี่ยงไร รอก่อนนะ "เธอคนนั้น" ฉันกำลังไปรับกล่องของขวัญที่เธอนำมันมา แต่คราวนี้ฉันจะไม่ถือมันกลับขึ้นห้องแล้ว แต่ฉันจะขออนุญาตแกะมันต่อหน้าเธอ แล้วค่อยๆแกะกล่องกระดาษออกช้าๆ พร้อมประคอง "รักแท้" ขึ้นมาอย่างแผ่วเบาที่สุด แล้วแบ่งปันมันกับเธอ 

                                    "สุดที่รัก" 



    หมายเหตุ : กรุณาสังเกตุเครื่องหมายข้างกล่องเสมอก่อนเคลื่อนย้าย
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in