กลับถึงที่พัก ทานอาหารเช้า
เจอน้องผู้หญิงเดินเข้ามาทัก
“ เมื่อเช้าโดนรถทิ้งหรอคะ “
โถวววว
บทสนทนาเริ่มต้นทีิ่ทำให้ได้มิตรภาพใหม่
มีเพื่อนนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน
แม้ในห้วงเวลาสั้นๆ
ก็เป็นรูปแบบหนึ่งในการสร้างสานสัมพันธ์
ที่เกิดขึ้นมาที่นี่
มันจะถูกเก็บเป็นส่วนหนึ่ง
ในตัวละครของความทรงจำเรา
…
“ไปล่องแพตอนไหนดีพี่”
แชตเด้งมา ในขณะที่เรากำลังจะพักผ่อน
ด้วยความคุ้นชินกับการทำอะไรคนเดียว
ในใจคิดว่า ตอนไหนก็ได้ป่ะ
แน่นอนการเดินทางของเราคือ
มักเป็นแบบไม่มีแบบแผนตายตัว
การต้องแพลนเวลาชัดเจน
สำหรับเรามันเป็นการเพิ่มกรอบให้ตัวเอง
ฉันไม่อยากคิดอะไรทั้งนั้น ~
..
ใช่แล้ว
เมื่อมนุษย์เริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
ย่อมต้องลดความปรารถนาตัวเอง
หันไปรับฟัง และเปิดพื้นที่เข้าใจ
วงกลมวงอื่นที่โคจรเข้ามาใกล้
ทั้งหมดก็เพื่อไม่สร้างบาดแผล
ให้กันและกัน
ให้ทุกการกระทำในปัจจุบัน
แปลงเปลี่ยนเป็นเรื่องราวดีๆ
ที่จะกลายเป็นความทรงจำของเรา
:
เรานัดหมายเวลากับน้องเรียบร้อย
คิดว่ายังไงถ้าไม่ได้สมาชิกเพิ่ม
ก็ไปจอยกันสองคน
-
ถึงเวลาออกจากที่พัก
ที่พักให้เรายืมรถมอเตอร์ไซต์ออกมาเที่ยวเล่น
ระหว่างรอเข้าพักอีกที่หนึ่ง
มอเตอร์ไซต์แบบเกียร์เหมือนเดิม
ถีบๆ ๆ สตาร์ทขาไม่ติด
พี่ๆเดินมาหา
ทำไมไม่กดสตาร์ทมือ
🤣🤣
จังหวะซิตคอมมาก
อ่อ รถแบบเกียร์ก็สตาร์ทมือได้
.
เราแวะไปคาเฟ่ที่น้องแนะนำ
คาเฟ่ สวัสดีเมืองคอง
ที่นี่มองเห็นวิวเมืองคอง ภูเขา ทุ่งนา
บรรยากาศดีเลย
ใช้เวลาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่
/
ก่อนแวะเข้าไปเที่ยวดูน้ำตกลำธารหลังที่พักน้อง
เพราะใกล้เวลานัดหมายที่จะไปล่องแพ
เราตั้งใจว่าจะขี่ไปรับน้องไปด้วยกัน
พี่หนุ่ยกับพี่หนุ่มชวนไปเที่ยวด้วยกันก่อนถึงเวลาล่องแพ
พี่ๆไปเช็คมาแล้วว่า พวกเราได้คิวกันบ่ายสาม
ตอนนี้เรามีแก๊ง 4 คน
ไม่เหงาแล้ว
น้ำตกที่เป็นธารน้ำเล็กๆ รอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่
ผืนฟ้า ก้อนเมฆ
ทำหน้าที่เป็นฉากหลังอย่างลงตัว
ในแบบที่แต่ละสิ่งกำลังแสดงบทบาทของตัวเอง
เสียงน้ำไหล และความเย็นของธารน้ำ
ชวนให้เราอยากนั่งแช่น้ำอยู่ที่นี่นานๆ
ถ้าไม่มีอะไรทำต่อ คงได้นั่งแช่น้ำที่นี่แล้ว
..
เรามารับน้องเตรียมซ้อนมอเตอร์ไซค์
พจนภัยไปด้วยกัน
ก่อนบิดเครื่องไป บอกก่อนแล้วว่า
ถ้าเห็นท่าไม่ดี แค่เอาขาพยุงไว้ก็พอ
ไม่ได้บอกให้โดดลงหนีไป
🤣
แน่นอนนี่คือผู้โชคดีรายแรกที่ได้ซ้อนท้าย
ฉันที่ไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์มีเกียร์เช่นกัน
บวกกับเรากำลังจะต้องขี่ออกจากที่พัก
ที่เป็นดินเป็นหิน
สองข้างทางเป็นทุ่งนา
ไปจ้าาา..
..
เรากลับไปเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์
เอามาจากที่พักอีกที่ แล้ววนกลับมารับน้อง
ที่อยู่คนละหมู่บ้านกัน
เหตุผลที่ต้องมารับเพราะน้องขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้
ไหนๆเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว
ไปไหนไปกันงานนี้
เราเชิญชวนให้น้องลองขี่มอเตอร์ไซค์
เห็นว่าตรงนี้เป็นถนนลาดยาง ปลอดภัย
น่าจะไม่ยาก
น้องสนใจอยากลอง
หลังจากบิดมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว
เรารับรู้ทันทีว่า คนเริ่มหัดขับครั้งแรกเป็นยังไง
😂
ห้ามไม่ทันแล้วด้วยค๊าบ
เรานั่งซ้อนท้ายไปด้วยกัน
ขี่ไปไม่ถึง 5นาที
โคร่มมมมมมม
รถหักเลี้ยวโค้งไปชนกับพุ่งไม้หน้าโรงเรียน
เรียบร้อยโรงเรียนเมืองคอง
เรากลายเป็นผู้ประสบภัยทันที
😂😂
ตัวเราไม่ได้แผลอะไรมาก แค่ถลอกนิดหน่อย
แต่น้องได้แผลที่ขามา
ยังอีกกก
ใจยังสู้ ยังจะขี่ต่อ
ข้างหน้ามีร้านขายของชำ
คิดว่าควรล้างแผล ทายาห้ามเลือดก่อน
จัดการล้างแผลปิดพาสเตอร์แผลไว้
น้องยังใจสั่นตื่นเต้นกับอุบัติเหตุ
การขี่มอเตอร์ไซค์ครั้งแรกในชีวิต
ทำเรารู้สึกผิดมากๆ
ความหาทำ ไปเอ่ยชวนคนไม่เคยขี่
มาให้ลองกับรถเกียร์ในป่าบนเขาแบบนี้
….
ถึงเวลาล่องแพของพวกเรา
หนึ่งแพนั่งได้ 4 คนพอดี เราไปขึ้นที่ต้นน้ำ
ล่องผ่านแม่น้ำจากต้นน้ำที่มาจากเวียงแหง
มีลุงมือพาย ชื่อ ลุงบูรณ์
สายน้ำเย็นสบายจนน่าเอาเท้าลงไปจุ่มน้ำ
เอาดีๆ ล่องแพนี่คือหลับได้เลย
เพราะน้ำนิ่งมาก
จนลุงบูรณ์ต้องคอยหยอก กลัวสมาชิกจะหลับกัน
เราเลยพยายามสร้างเสียงหัวเราะ
ทำให้บรรยากาศไม่เงียบ
เพราะระหว่างเรา
จริงๆแล้ว เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า
เราต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน
จนมาเป็นมิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นแบบเฉพาะกิจ
เพื่อเป้าหมายเดียวกัน
/
พี่หนุ่ยกับพี่หนุ่มเตรียมวาดภาพระหว่างล่องแพ
ซึ่งแพนิ่งพอที่พี่หนุ่มสามารถวาดรูป
พวกเราบันทึกไว้จนเสร็จได้
ลุงบูรณ์กับไม้พาย
คอยจัดการทิศทางแพ
ให้ไหลไปตามผิวน้ำ
ด้วยท่วงท่าที่คล่องแคล่ว
ทางฝั่งน้องก็ล่องแพในสภาพที่เลือดที่ขาไหลไม่หยุด
เราใช้เวลาชมบรรยากาศริมแม่น้ำ
สูดอากาศสดชื่นที่หมู่บ้านกลางหุบเขา
ลุงบูรณ์บอกเล่าเรื่องราวของเมืองคอง
ชี้ให้พวกเราดูนก ความอุดมสมบูรณ์ของที่นี่
ความสวยงามที่เชื่อมโยงกันของธรรมชาติ
แม่น้ำ ภูเขา ท้องฟ้า ก้อนเมฆ
กลายเป็นภาพสะท้อนลงผืนน้ำ
ถูกจัดวางโดยไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ
นี่คือความพิเศษของธรรมชาติ
ที่ทำให้เราตกหลุมรัก
♡
//
Next Read to EP 05
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in