เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เจอ-พบ-จาก เมืองคอง ss2AROMINT
EP 03 เรื่องมหัศจรรย์

  • เช้าวันใหม่ 

    ตีห้าสิบสามนาที เสียงนาฬิกาปลุก 

    เรารีบลุกมาจัดการตัวเองแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า 


    ตีห้าครึ่ง 

    ออกมารอข้างนอก ทำไมมันเงียบแปลกๆ

     เรียกใครไม่มีใครตอบเลย

     โดนทิ้งหรือเปล่าเนี่ย

     ตอนอยู่ในห้องน้ำได้ยินเหมือนคนเรียกคิดว่าไม่น่าจะเรียกเรา 

    ลองโทรหาพี่มัทคนนัดหมายสิ 

    เปิดแชตพี่มัทเท่านั้นแหละ อ๊ากกก พี่มัททักมาหาตั้งแต่5.21 ว่ารถมาแล้ว

     แสดงว่าเสียงที่ได้ยินตอนอยู่ในห้องน้ำคือเสียงเรียกเรา 

    ใช่แล้ว เราตกรถ 😂😂


    “พี่มัท ทำไมไม่มีใครเลย

     เราแกล้งทำไม่รู้เรื่อง


    “ ได้ๆ เด่วพี่โทรให้รถมารับ 

    พี่มัทโทรเรียกรถอีกคัน ไม่นานรถก็มารับ


    เรากระโดดขึ้นท้ายกระบะหลังปิดหลังคา

    ท้ายกระบะ มีนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว 5 คน


    “ขอโทษนะค้า

     เราส่งเสียงตะโกนบอกคนขับ 

    ขอโทษที่เขาเสียเวลามารับเรา


    รถขับขึ้นเขาเรื่อยๆ 

    ถนนลูกรังตลอดทางทำให้ต้องจับขอบรถตลอดเวลา

     เส้นทางมืดมาก ขับผ่านป่าเขา 

    บวกกับอากาศที่หนาวเย็นในช่วงเวลาใกล้รุ่ง

     เราสวมเสื้อ2ชั้น

     ข้างในเป็นเสื้อแขนยาวคอเต่ากับเสื้อตัวใหญ่อีกชั้น

     เท่านี้ไม่พอต่อความหนาว

    และลมที่พัดมาปะทะใบหน้าและร่างกาย



     นั่งรถมาราว20นาที

     ก็ถึงลานกว้าง 


    มีนักท่องเที่ยวมารอชมอาทิตย์ขึ้นด้วยกันจำนวนหนึ่ง

     ที่นี่ดวงอาทิตย์ขึ้น 7โมงกว่าเลย


    ตอนนี้หกโมงสิบเอ็ดนาที 

    เรากระโดดลงจากรถเดินตามพี่คนขับ 

    พี่คนขับบอกให้นั่งรอแถวๆนี้ก่อน


    “อ่า นี่มาคนเดียวเหมือนกัน

     ไปอยู่เป็นเพื่อนคุยไปละกันนะ

     คนอื่นๆเขามาเป็นแก๊งหมด


    น้องผู้ชายวัยรุ่น เดินตามพี่คนขับมาด้วยกัน 

    ต่างไม่มีใครถามชื่อ 

    ต่างฝ่ายน่าจะตื่นไม่เต็มตา

    น้องดูเหมือนวัยรุ่นมัธยมปลายหรือมหาลัย

    ที่แบกเป้มาเที่ยวคนเดียว 


    ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเราจะสามารถปรับตัว

    เข้าหากันได้ไหม  


    อีกอย่างเด่วลงจากเขา เราก็แยกย้ายกันแล้ว

    เราจึงไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์ประดอยถอยคำ

    มากมาย


    ชวนคุยโน้นนี่ ดูดาว ดูทิศตำแหน่งดวงอาทิตย์


    ตอนนี้รู้สึกว่าเราเป็นพวกกันแล้ว

    ไม่เหมือนตัวคนเดียวละ

     ก็โอเคนะ 

    ..



    และแล้วแสงสีส้มอ่อนค่อยๆ

    ทอแสงแทรกตัวสว่างไสว

    จากหลังหมู่เมฆ 

    เบื้องล่างถูกปกคลุม

    ด้วยปุยหมอกขาวค่อยๆฟุ้งตัวขึ้น


     07.17 AM.

     

    กว่าดวงอาทิตย์ดวงโตจะออกมาทักทายพวกเรา

     มันโผล่ขึ้นมาจากบรรดาเหล่าเทือกเขา

    ที่ทับซ้อนเป็นแนวยาว ส่องแสงสีส้มเป็นประกาย


     เป็นสัญญาณว่า เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นแล้ว

     


    ไอความเย็นที่สัมผัส 

    เป็นเช้าวันใหม่ที่ชาร์จพลังให้ชีวิตได้ดีมากๆ



    เราเริ่มอิจฉาชาวบ้านบนเมืองคอง

    ที่พวกเขามีอากาศดีๆ 

    มีธรรมชาติที่คอยโอบกอดอยู่รอบตัว

    รถขับพามาเสพไอความเย็นท่ามกลางไอหมอกหนา

    ที่เรามองเห็นดวงอาทิตย์เพียงชั่วครู่


    ดวงอาทิตย์ก็หายลับไปในหมู่เมฆหมอก

    กลางหุบเขาเช่นนี้ ความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่สามารถ

    เอาชนะอุณหภูมิที่หนาวเย็น 12 องศาเช่นนี้ได้

    แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาแปดโมงแล้วก็ตาม

    ..

    เรากับน้องผลัดกันถ่ายรูปกับบรรยากาศ 

    ดื่มด่ำกับความสดชื่นจากธรรมชาติ

    ที่หาไม่ได้จากสังคมที่เราอยู่


    “ไปล่องแพกันไหมพี่”

    น้องชวนไปทำกิจกรรมกันต่อ


    นี่เป็นสิ่งที่ไม่อยู่ในแผนมาก่อน

    แต่ก็ดีใจมากที่จะได้ลองทำกิจกรรม

    แบบที่นักท่องเที่ยวอื่นๆทำกัน


    แน่นอนว่า เราตอบตกลงทันที

    อีกสองคนที่ผุดมาในหัว คือพี่หนุ่ยพี่หนุ่ม

    คิดว่า อยากชวนพี่ๆมาจอยทริปล่องแพกัน


    เรากำลังจะกลับลงในหมู่บ้านกัน

    เราชวนน้องนั่งท้ายกระบะหลัง

    พร้อมกับนักท่องเที่ยวคู่เพื่อนซี้อีกสองคนที่นั่งในรถ


    ตอนนี้เราก้าวสู่ความก้ำกึ่ง

    ของการเดินทางคนเดียว

    และการมีเพื่อนร่วมทริปเดินทาง


    แน่นอนว่า การทำอะไรคนเดียว 

    เราจะได้ทำอะไรในแบบเรา

    ยังไง เมื่อไร แบบไหน ตอนไหนก็ได้


    แต่เมื่อมีอีกหนึ่งวงกลมมาอินเตอร์เซก

    การเว้นระยะของวงกลม

    การแบ่งปันพื้นที่

    ย่อมเกิดขึ้นตามมา


    เราเข้าใจตอนนี้ว่า การมีเพื่อนมันอุ่นใจกว่ามาก

    อย่างที่เขาว่ากัน สองหัว ดีกว่าหัวเดียว


    อีกคน ทำให้เราต้องหยุดหันไปมอง

    อีกคน ทำให้ช่วยกันตัดสินใจ

    อีกคน ทำให้เราเจอสิ่งใหม่ๆ

    อีกคน ทำให้เราต้องดูแลกัน


    ในแบบที่

    รักษาพื้นที่วงกลมของตัวเองไว้


    วงกลมสองวง มีโอกาสมาโคจรพบกัน

    และถอยห่างออกจากกัน


    สิ่งนี้เป็นความสัมพันธ์ของมนุษย์

    ที่เราเข้าใจมันดีมาก


    เราต่างต้องเข้าใจว่า

    เราไม่สามารถรักษาทุกคนไว้

    ในพื้นที่รอบวงกลมของเรา


    เราเห็นด้วยกับทฤษฎี


    ‘ ความสัมพันธ์แบบโยงใยของมนุษย์ ‘


    แม้มนุษย์จะมีความเป็นปัจเจกแค่ไหน

    แต่แท้จริงมนุษย์ย่อมเต็มใจ

    ที่จะสร้างสานสัมพันธ์กับบุคคลอื่น

    ที่ไม่ทำให้กระทบความสุขตัวเอง


    ดังนั้น ทุกความสัมพันธ์ที่เราพบเจอ

    เราจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด 

    เพราะนั้นคือส่วนหนึ่ง

    ที่กำลังจะกลายเป็นความทรงจำ

    ในวันข้างหน้า


    การ

    เจอ พบ จาก

    สำหรับเรา จึงไม่ใช่ความสัมพันธ์

    แบบพบเพียงผ่าน




    Next read to Ep 04



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
tinie (@tinie)
เหมือนได้ไปสัมผัสเองเบยยยย