เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แล้วชีวิตปกติสุขของผมก็หายไปuryd1999
3 Hey guy

  •  
                    “คุณวิคตอเรียน้ำหนักลงไปตั้งเยอะ เป็นเพราะพวกเขาใช่ไหมล่ะเซนเดฟคงไม่ได้ให้เธอกินของดีๆ ใช่ไหมคุณวิค”กิจวัตรประจำวันของหนุ่มมืดมนก็ยังเป็นการพูดคุยกับแมวเหมียวเหมือนเดิม
                    “เมี๊ยว...”
                    “นี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วป่านนี้พวกนั้นจะเป็นยังไงบ้างน้า ฉันคิดว่าโจชัวก็คงไม่อยู่ที่ฐานทัพนั่นหรอกนะเพราะเขาไม่ชอบเซนเดฟนี่นา อันที่จริงฉันก็ไม่ค่อยชอบเซนเดฟนะเพราะเขาพิลึกแล้วก็จับวิคตอเรียของฉันไปนี่นา” สเวนพูดพลางตักชิ้นปลาหนาเตอะที่ปรุงรสอย่างดีให้คุณวิคตอเรียนกินเป็นมื้อเช้า(มันคงเป็นแมวที่ลัคกี้ที่สุดในจักรวาลแล้ว)
                    “ฉันไปก่อนนะเจอกันตอนเย็น”
                   

                    โรงเรียนมัธยมชารอน
                    วันนี้สเวนก็มาสายเป็นปกติแต่สายไปหน่อย เพราะเขามาถึงโรงเรียนก็เที่ยงวันซะแล้ว (อย่าลอกเลียนแบบเชียวนาจา)สเวนเป็นพวกอืดอาดอยู่บ้าง เพราะหลังจากออกจากบ้านเขาก็แวะร้านหนังสือระหว่างทางอ่านการ์ตูนไปนิดหน่อยแล้วก็แวะร้านกาแฟอ่านข่าวแล้วก็จิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์รู้ตัวอีกทีก็สิบเอ็ดโมงแล้วแต่สเวนก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกวันหรอกนะ
                    “แบบนี้ก็ดีแฮะไม่ต้องเจอกรรมการนักเรียน” สเวนพูดอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะเดินไปที่โรงอาหารเพื่อซื้อมื้อกลางวันแต่ระหว่างทางก็เจอเข้ากับคนคุ้นเคย
                    “นี่นายน่ะที่เจอกันที่คฤหาสน์ไม่ใช่หรอ” วันนี้ฝนต้องตกทั่วเมืองเป็นแน่ก็มีคนคุยกับสเวนที่โรงเรียนนี่นา ใครตากผ้าไว้ต้องรีบเก็บแล้วล่ะ
                    “...”สเวนพยายามนึกชื่อของเธอให้ออก เธอเป็นผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในที่แห่งนั้นเป็นผู้หญิงที่ปากร้ายและมีรังสีอัมหิตที่แรงกล้าจนน่ากลัว
                    “ฉันชื่อเอวาจำได้ไหม”
                    “อ่อ...จริงด้วยเธอนั่นเอง ฉันสเวน ควินน์ เธอก็เรียนที่นี่หรอ” สเวนตอบรับอย่างเก้ๆ กังๆเขาไม่ค่อยอยากคุยกับเธอเลย กลัวว่าจะทำให้เธอถูกคนอื่นรังเกียจไปด้วย
                    “เพิ่งย้ายมาวันนี้วันแรกน่ะ ว่าแต่นายเรียนชั้นไหน”
                    “ชั้น1 นี่เองไม่ต้องขึ้นบันไดเลย”
                    “นายนี่มันซื่อบื้อจริงๆหรือแกล้งทำ” เอวารู้สึกขัดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังรู้สึกดีกว่าคุยกับผู้ชายทั่วไปปกติแล้วเอวาจะเกลียดผู้ชายอย่างมาก แค่เข้าใกล้ก็คันยิบๆแต่กับหมอนี่เธอรู้สึกว่าไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร
                    “อ่อม.5/3 น่ะ”
                    “งั้นก็เป็นรุ่นพี่สิฉันม.4/3” 
                    “พาทัวร์โรงเรียนหน่อยได้มะฉันยังไม่รู้จักอะไรเลย” เอวา
                    “เอ่อ...ฉันไม่ถนัด...”
                    “ถ้าปฏิเสธนายตายแน่”จิตสังหารเต็มขั้น ไม่ได้พูดเล่นแม้แต่น้อยสเวนจำใจต้องเดินนำทางเอวาอย่างช่วยไม่ได้
                    “เห้ย...แกน้องคนนั้นไงเด็กใหม่ที่สวยๆ อ่ะ เห็นบอกว่าเป็นลูกครึ่งด้วยนะแต่ทำไมมาอยู่กับไอ้คนแบบนั้นได้เนี่ย อย่าบอกนะว่าน้องกำลังโดนข่มขู่”ใครข่มขู่ใครกันแน่ สเวนคิดทบทวนในใจระหว่างทางที่เดินไปมีแต่ผู้คนสนใจเอวาอย่างออกนอกหน้า ก็จริงอยู่ที่ว่าเธอสวยมากผมสีบลอนด์อ่อนประบ่าทำให้เธอดูน่ารักสมวัยแล้วยังตัดหน้าม้าเข้ากับรูปหน้ายิ่งทำให้เธอสวยปานนางฟ้าซึ่งมันขัดกับนิสัยของเธออย่างแรง ส่วนก็สูงสง่ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน แล้วยังผมเพรียวดูแล้วน่าจับไปเป็นดามเมเยอร์หรือดาวโรงเรียนอะไรทำนองนั้นอีกทั้งเธอยังยิ้มแย้มตลอดเวลา ขัดกำลังความคิดและนิสัยยัยนี่น่ากลัวนางมารในคาบนางฟ้าชัดๆ
                    “นี่นายน่ะถูกคนโรงเรียนนี้รังเกียจสินะ จากที่ฟังๆ คนพวกนั้นบ่นแล้ว นายดูต่ำต้อย”
                    “ฉันไม่อยากให้คนอย่างเธอมาว่าหรอกนะ”สเวนบ่นระงมพลางเดินนำยัยผู้หญิงโหดร้ายไปอย่างเงียบๆคนที่เหลียวมาเห็นก็พูดจานินทากันไม่หยุด
                    “ฉันว่าปีนี้เราโหวตน้องเอวาเป็นดาวโรงเรียนเถอะสวยเลิศเลอสุด”
                    “แกจะบ้าหรอน้องคบกับไอ้บ้านั่นเลยนะ ชื่ออะไรนะที่น่ากลัวๆ อยู่ม.5 อ่ะ”
                    เออว่ะถ้ามันหึงน้องเขา แล้วมาสิงร่างฉันล่ะ ไม่เอาง่ะ”
                    “พวกนั้นไม่คิดว่านายเป็นคนด้วยซ้ำ”เอวายังไม่หยุดที่จะตอกย้ำ “แต่อยู่กับนายก็ดีเหมือนกันนะเพราะถ้าฉันถูกโหวตเป็นพวกดาว ดามฯ หรือถือป้ายอะไรแบบนั้นมีหวังฉันฆ่าทุกคนที่โหวตฉันแน่” แม่นี่จะโหดโฉดไปไหนเนี่ยแล้วทำไมไม่มีใครสัมผัสจิตสังหารของนางได้เลยล่ะ
                    “แล้วเมื่อไหร่นายจะพาฉันไปถึงห้องสมุดเนี่ยฉันเดินตามมานานแล้วนะ”
                    “เอ่อ...คืองี้นะเอวาฉันก็ไม่รู้ว่าห้องสมุดอยู่ไหนเหมือนกันน่ะ”
                    “นี่นายไหนบอกเรียนมาตั้ง5 ปีแล้วไงทำไมแค่นี้ไม่รู้”
                    “ก็ 5 ปีฉันก็ไม่เคยเหยียบไปห้องสมุดเลยนี่นา” สเวนพูดพลางยิ้มแหยๆ
                    “ไร้ประโยชน์สุดนอกจากจะมืดมนแล้วยังซื่อบื้อเกินเยียวยา คนแบบนายเนี่ยรกโลกขั้นรุนแรงเลยนะ”
                    “ครับ...”ตอบรับอย่างไม่มีบิดพลิ้ว
                    “ไปนั่นกันตรงนั้นคนเยอะ คงจะพอถามอะไรพวกนั้นได้บ้าง” สเวนวิ่งตามเอวาไปอย่างจำใจก็โดนด่าตั้งแต่ต้นจนจะจบตอนอยู่แล้ว ไม่มีแรงจะบิดพลิ้วอะไรแล้วล่ะจ้า
                     

                    “นี่พวกนายน่ะรู้ไหมว่าห้องสมุดไปทางไหน” เอวาถามเสียงกร้าวเมื่อมาถึงจุดหมายมันเป็นซอกตึกที่มีกลุ่มรุ่นพี่มาสุมรวมกันกว่ายี่สิบคนสเวนเงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้าก็แทบเป็นลมจับตรงหน้าเขาเป็นรุ่นพี่นักเลงที่มีเรื่องตลอดเวลาเข้าออกห้องปกครองบ่อยกว่าห้องเรียน ทั้งสเวนยังเคยโดนพวกนี้รีดไถเงินตั้งแต่ม.ต้น แต่พอขึ้นม.ปลายสเวนก็พยายามหลบเลี่ยงที่จะมาใกล้ๆ ไอ้พวกนี้
                   “เฮ้ยๆ นี่ไง เด็กใหม่ที่เข้ามาวันนี้ ที่ฉันบอกว่าแจ่มๆ อ่ะ”หนึ่งในพวกมันพูดขึ้น สเวนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และการหนีจากกลุ่มคน 20 คนนี่ก็ยากลำบากเช่นกัน
                    “แหม...มากับเพื่อนเก่าเราด้วยว่ะ ว่าไงสเวนน้องรักไม่เจอกันนานเลยนะ”
                    “หวัดดีครับพี่”สเวนยกมือไหว้สั่นงกๆ เป็นเจ้าเข้า
                    “เหอะมาเจอนักเลงกากๆ เข้าจนได้ ก็เห็นอยู่กันเยอะๆ นึกว่าตั้งวงเล่นหมากเก็บ” เอวา
                    “ว้าว...สวยเด็ดเผ็ดดุนี่หว่า~วี้ด หวีว” เสียงแซวดังกระหึ่มอย่างกับประท้วงแยกราชประสงค์ แต่ทว่าเอวากลับเอาแต่ยืนนิ่งไม่แสดงความโกรธออกไปเหมือนทุกทีนั่นก็ทำให้สเวนแปลกใจอีกครั้ง ทั้งที่ปกติไม่ชอบโดนรังแกซ้ำยังเกลียดผู้ชายอีกด้วย
                    “เอาอย่างนี้แล้วกันเราเริ่มจากเก็บเงินไอ้สเวนเป็นการทักทายก่อนแล้วค่อยมาเล่นกระหนุงกระหนิงกับน้องคนงาม แบบนี้ฟินสุดๆ หยุดไม่อยู่เลยล่ะ อ๊ากๆๆ” ไอ้หัวหน้านักเลงพูดอย่างสบายอารมณ์
                    “นั่นหัวเราะหรอนึกว่าควายเบ่งอึ”
                    “เฮ้ยอะไรวะ ปากดีไม่หยุดเลยนะ เดี๋ยวตบปากด้วยปากเลย ฮ่าๆๆๆ ”แล้วเสียงหัวเราะครืนที่ดังขึ้นเพียงเพราะลูกพี่หัวเราะ ลูกน้องก็เลยต้องทำตามนาทีนั้นความอดทนของเอวาก็ขาดผึงอย่างไม่เหลือชิ้นดี
                    “เรียกรถพยาบาลเลยสเวนพวกนี้จะเข้าโรงพยาบาล เพราะพวกมันทะเลาะกันเอง”
                    “หมายความว่าไง”สเวนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ น้ำตาคลอเบ้าอย่างหวาดกลัวก็ไอ้รุ่นพี่แต่ละคนร่างยักษ์ทั้งนั้นใครจะไปอยากสู้กับมันกันเล่าแล้วมันจะทะเลาะกันเองได้ยังไง
                    แกรกแกรก
                    เสียงโซ่และกระบองกระทบกันส่งเสียงเรียกให้ทุกคนสนใจเอวาหยิบอาวุธคู่ใจออกมาจากกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ มันเป็นกระบองสองท่อนที่มีกระบองสองท่อนแล้วคล้องด้วยโซ่หลายข้อตรงกลาง เอวาสะบัดมันไปมาอย่างชินมือท่วงทีดูงดงามราวกับนางฟ้ากำลังเริงระบำ แต่เป็นระบำส่งวิญญาณล่ะนะ
                    “ว้าว...เล่นกายกรรมได้ด้วยว่ะคนนี้เหมาะเป็นอาเจ๊ของแก๊งเราสุดๆ เลยนะเนี่ย มาเป็นนายหญิงไหมล่ะจ้ะถ้าเป็นแฟนพี่จะให้เป็นนายหญิงจนกว่าพี่จะเบื่อน้องเลยนะ”
                    “ศพที่แล้วก็พูดคล้ายๆแบบนี้แหละนะ”  วินาทีที่ประโยคจบลงสเวนสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเต็มเปี่ยมที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของหญิงสาวนี่สะกดกลั้นมาโดยตลอดงั้นหรอ เอวากระโจนเข้าไปกลางวงล้อมของพวกรุ่นพี่ร่างยักษ์ในตอนที่กระโจนเข้าไปก็ฟาดไปแล้วสามคนช่วงเวลาที่สะบัดกระบองไม่มีใครรู้ว่าเธอสะบัดอีท่าไหนบ้างแต่มันฟาดเป้าหมายจนยืนขึ้นแทนไม่ไหว ทั้งความสามารถของเธอก็เยี่ยมยอดอยู่แล้วแต่เมื่อรวมกับแรงโกรธาและความอยากจะฆ่าที่เก็บสะสมไว้นั่นอีก
                    “ท่าว่าจะต้องเรียกรถพยาบาลจริงๆ” สเวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ พวกนักเลงคงไม่เหลือชิ้นดี
                    “เฮ้ยสเวนเอาผู้หญิงมาแก้แค้นพวกฉันใช่ไหม แกน่ะหายไปนานนึกว่าจะไปเก็บเงินเก็บทองมาให้พวกฉัน ที่แท้ไปหาพวกอยู่นี่แอง”ไอ้นักเลงคนหนึ่งที่เห็นสเวนกำลังว่างก็เข้ามาหาเรื่อง
                    “เปล่านะพี่ผมก็แค่ไม่อยากโดนไถตังค์เลยไม่มาให้เจอหน้าแล้วอีกอย่างเธอคนนั้นก็สู้เพราะพวกพี่ทำให้เธอของขึ้นเองนี่นา ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”สเวนพยายามอธิบายอย่างเอาจริงเอาจัง
                    “งั้นแกก็ตายนำหน้ายัยเด็กนั่นไปแปบนึงแล้วกัน”รุ่นพี่คนนั้นง้างมือจะต่อยสเวนเข้าแต่เจ้าตัวก็ชักปืนสั้นที่พกมาขึ้นจ่อหัวรุ่นพี่คนนั้นเสียก่อนไวกว่าเพียงวินาทีก็ชนะกันได้อย่างขาดรอย สเวนยิ้มบางๆ อย่างอ่อนโยน
                    “ผมยิงแน่ถ้าผมเจ็บตัวแม้แต่นิดเดียว” สเวนพูดพลางยกหูโทรศัพท์ขึ้นพูด เพื่อเรียกรถพยาบาล
                    “นี่แกพกของแบบนี้ได้ยังไง” รุ่นพี่คนนั้นพูดเสียงสั่นอย่างกลัวตายวินาทีที่กระบอกปืนจ่อหัวเป็นใครก็ต้องหวาดกลัวกันทั้งนั้น
                    ตุบตับ ตุบ ตับ !!!
                    “พวกนายทำไมไปนอนจมกองเลือดแบบนั้นล่ะ” เอวาถามเสียงหวานเสแสร้งว่าสงสาร
                    “ก็เธอ...”
                    “ว่าไงนะ...”เอวาขู่เสียงแข็ง กระบองคู่ของเธอจ่อหน้าไอ้หัวหน้าแก๊งค์อย่างข่มขู่
                    “พวกเราทะเลาะกันเองจ้า~”
                    “ดีมากถ้ามีเรื่องฉันไปเกี่ยวข้องล่ะก็ เจออีกยกแน่”เอวาพูดอย่างสนุกสนานก่อนจะเช็ดเลือดที่เปื้อนตามขาและมือออกอย่างรังเกียจแต่เหมือนจะคาดการณ์ไว้แล้ว เพราะเธอไม่ยอมให้เลือดเปื้อนเสื้อผ้าแม้แต่นิดเดียวเป็นผู้หญิงที่น่ากลัวและรอบคอบสุดๆ
                    “ไปกันได้แล้วสเวนฉันจะขึ้นเรียน”
                    “เธอนี่เก่งจนน่ากลัวเลยนะไปฝึกไอ้แบบนั้นมาจากไหนน่ะ”
                    “ความลับ”
                    “สุดยอดจัดการไอ้รุ่นพี่พวกนั้นซะเรียบเลย”
                    “ฉันไม่เหมือนนายนะที่จะยอมโดนไถตังค์แบบไม่ทำอะไรเลย”
                    “ก็ฉันไม่อยากให้วุ่นวายนี่นา”
                    “ถ้าเจ๋งแบบฉันไม่เห็นว่าจะวุ่นวายตรงไหนเลย”
                    “โอเคฉันมันไม่เจ๋งเหมือนเธอ”
                    “เอวาตามหาตั้งนานนึกว่าไปอยู่ไหนซะอีก”เสียงที่อ่อนหวานดังขึ้นขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินไปทางหน้าโรงเรียนเป็นหญิงสาวร่างผอมบาง ตัวเล็กๆ ไม่สูงมากนัก แต่กลับมีเสน่ห์ในแบบของเธอใบหน้าจิ้มลิ้มที่เปื้อนยิ้มของตลอดเวลาผมสีน้ำตาลผงโกโก้ถูกถักเป็นเปียอันใหญ่ด้านหลัง ดวงตากลมโตสีเดียวกับเส้นผม เป็นผู้หญิงที่น่ารักสมวัยจริงๆชื่อของเธอก็คือ เวนดี้
                    “อ้าว...ทำไมอยู่กับพี่รหัสได้ล่ะ”เวนดี้พูดเสียงแผ่วอย่างประหลาดใจ และระหว่างที่พูดเธอก็ถอยห่างจากสเวนไปแล้วสองก้าวได้
                    “พี่รหัสหรอ”เอวาพูดขึ้นอย่างสงสัย
                    “อ่อ...พี่คนนี้เป็นพี่รหัสของฉันน่ะ”
                    “สบายดีนะเวนดี้”สเวนเอ่ยทักอย่างกล้าๆ กลัวๆเขาไม่เคยเข้าไปทักทายน้องรหัสของตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียวไม่เคยซื้อของไปเทคแคร์เหมือนรหัสคนอื่นๆ ด้วยเพราะเขากลัวว่าน้องรหัสจะอายที่มีเขาเป็นพี่รหัสแต่ก็อย่างว่าเวนดี้เองก็กลัวสเวนจนไม่กล้าเข้าใกล้เช่นกัน  
                    “ค่ะ”
                    “เออพอดีพี่เขาช่วยแนะนำโรงเรียนให้น่ะ แต่ว่าก็พาหลง ซื่อบื้อแถมโง่อีกเราไปเข้าเรียนกันเถอะเวนดี้” เอวาพูดตัดบทสองพี่น้องอย่างรำคาญใจเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูดกันสักทีเวนดี้กับเอวาเดินจากไปอย่างนั้นเหลือไว้เพียงสเวนที่ต้องเดินหงอคอตกไปเข้าห้องเรียนเพียงลำพัง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in