เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แล้วชีวิตปกติสุขของผมก็หายไปuryd1999
2 What happening?

  •  
                    ณห้องประชุมขนาดเล็กในคฤหาสน์โบราณ
                    ทุกคนถูกเรียกให้มารวมตัวที่ห้องประชุมตั้งแต่เช้าก่อนที่จะได้ทานมื้อเช้าเสียอีก ที่แห่งนี้เป็นห้องขนาดเล็กเล็กกว่าห้องนอนของทั้งสี่คนอย่างมาก แต่ถ้าเทียบกับห้องตามบ้านปกติแล้วนี่ก็ยังคงเป็นห้องที่ใหญ่อยู่ดี ห้องนี้มีโต๊ะจัดเรียงเหมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ โดยมีเวทีตั้งอยู่ด้านหน้าและพื้นที่สำหรับผู้ฟังก็จะเป็นที่นั่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นขั้นบันไดเพื่อให้คนด้านหลังสามารถมองเห็นเวทีได้ ดูแล้วเหมือนห้องบรรยายมากกว่าห้องประชุมตรงเวทีมีเครื่องโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายข้อความสั้นๆ
                    ‘Hello!’
                    “ฉันดีใจมากที่ได้เจอทุกคนแบบนี้”เซนเดฟที่กำลังยืนอยู่ที่โพเดียมพร้อมกับโน๊ตบุ๊คที่ควบคุมโปรเจคเตอร์เหมือนกันอาจารย์มหาวิทยาลัย(สติเฟื่อง)เนื่องจากเซนเดฟยังคงแต่งกายด้วยชุดยมทูตสีดำรุงรังเหมือนเดิมถ้าให้บอกลักษณะเด่นของเขา นอกจากแต่งกายด้วยแฟชั่นประหลาดแล้วล่ะก็ เขาก็เป็นผู้ชายตัวสูงเอาการเป็นผู้ชายที่หุ่นดี ไม่ผอม ไม่อ้วนใบหน้าของเขาเหมือนใบหน้าผู้หญิงเสียมากกว่าผู้ชาย เรียกหน้าหวานก็ได้อีกทั้งเขายังมีผมสีบลอนด์เป็นประกายที่ไว้ยาวจนถึงระดับหน้าอกผมของเขาสลวยเหมือนพรีเซนเตอร์ยาสระผมเลยทีเดียว
                    “ตอนนี้ทุกคนคงกำลังงงและอึดอัดใช่ไหมล่ะ แต่ต่อไปนี้ทุกคนจะได้รู้ทุกอย่างที่อยากรู้ก่อนอื่นฉันขออธิบายทุกเรื่องที่ต้องบอก และถ้าเกิดข้อสงสัยก็ค่อยยกมือถามนะ”เซนเดฟมองหน้าแต่ละคน ตอนนี้มีผู้ฟังทั้งหมดห้าคน สเวน โจชัว ไบรอัน ฮันท์ซึ่งพวกเขาได้คุยกันแล้วเมื่อคืนนี้ และอีกคนที่เพิ่งเคยเห็นหน้าค่าตาเธอเป็นหญิงงามนางเดียวในห้องแห่งนี้
                    “อ่อ...งั้นฉันขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการนะฉัน เซน เดวิด หรือเรียกสั้นๆ ว่าเซนเดฟก็ได้ สาวงามคนเดียวของที่แห่งนี้ขอแนะนำเธอชื่อว่า เอวา ส่วนฝูงชายพวกนี้ คือ สเวน โจชัว ไบรอันและฮันท์ เรียงจากซ้ายไปขวาเอาเป็นว่าตอนนี้รู้จักกันแค่นี้ก่อนละกัน”
                    “ไม่อยากรู้จักมากกว่านี้หรอกนะ”เอวาประกาศกร้าวก่อนจะปรายตามองสี่หนุ่มอย่างดูแคลนตอนนี้เอวาและสี่หนุ่มนั่งห่างกันประมาณสิบโต๊ะได้ จะรังเกียจอะไรปานนั้น
                    “โหพูดงี้คิดว่าสวยมากเลยดิ” โจชัวที่ของขึ้นลุกขึ้นชี้นิ้วไปทางเอวาอย่างหาเรื่อง แต่หล่อนก็สวยจริงๆล่ะนะ โจชัวคิดในใจ
                    “เป็นแค่ฝูงลิงก็อยู่ส่วนลิงไปซะ” เอวาถลึงตาใส่โจชัวอย่างคาดโทษแววตาที่เต็มไปด้วยความมาดร้ายและหมายปลิดชีวิต จิตสังหารของแท้...โจชัวหายใจฟึดฟัดก่อนจะนั่งกอดอกอย่างไม่พอใจ
                    “เอาล่ะทักทายกันแค่นี้พอนะ”เซนเดฟพูดปนเสียงหัวเราะก่อนจะกดเริ่มสไลด์นำเสนอเพื่อเรียกความสนใจทุกคน
                    ‘Amicitia Family’ บนสไลด์นำเสนอคำบางคำที่มีความหมายเกินจะคาดคิด
                    “นี่คือชื่อองค์กรของพวกเรา และคฤหาสน์แห่งนี้ก็เป็นฐานหลักของแฟมิลี่และแน่นอนว่าไม่ใช่ที่เดียวก่อนที่ฉันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ฉันอยากให้พวกเธอนำของที่ฉันบอกให้เตรียมมามันจะเป็นตัวแสดงว่าพวกเธอมีสิทธิที่จะรับรู้ความลับของแฟมิลี่เราหรือไม่”
                    สเวนพยายามล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้เพื่อหาสิ่งนั้นในจดหมายที่แนบมากับกล่อง บอกให้เตรียมเจ้าของสิ่งนี้มา เป็นของที่เขามีอยู่กับตัวสเวนเองก็แปลกใจเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าในบ้านตัวเองมีของสิ่งนี้อยู่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมาจากไหน
                    “ใช่แล้วไพ่ทาโรต์ที่โดนแสงอาทิตย์แล้วจะโปร่งใส”
                   สเวนหยิบไพ่ของตัวเองขึ้นมาก่อนจะพลิกไปมาอย่างไม่เข้าใจมันเป็นไพ่ทาโรต์ที่ไม่เหมือนไพ่ทาโรต์ทั่วไปเพราะรูปบนไพ่นั้นเป็นรูปพิเศษเป็นภาพวาดที่วาดอย่างเฉพาะเจาะจงซึ่งเป็นภาพการ์ตูนของใครคนหนึ่งที่สเวนเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใครและไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อนตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อว่ามันจะโปร่งใสได้ แต่เมื่อนำไปโดนแสงอาทิตย์จึงเห็นว่าไพ่ในมือโปร่งใสหายไปทั้งที่ในมือของเขายังรู้สึกถึงมันได้อยู่
                    ‘The Emperor’
                    นั่นคือชื่อไพ่ของสเวน
                    “ของนายเท่ห์ว่ะแลกกันมะสเวน” ฮันท์ที่ขี้เล่นและกวนโอ๊ยพูดขึ้นก่อนจะยื่นไพ่ตัวเองให้กับสเวนไพ่ของเขาคือไพ่ ‘The moon’ 
                    “อย่าแลกกันตามใจชอบสิ นั่นมันเป็นของสำคัญแบบที่พวกเธอคิดไม่ถึงเลยล่ะ”
                    “พูดจาไม่รู้เรื่องอีกแล้วนะไอ้บ้านี่ของแบบนี้ฉันจะเผาให้สิ้นซากเลย” โจชัวที่อารมณ์รุนแรงและงี่เง่าที่สุดเริ่มโวยวาย
                    “ถ้าทำได้ก็ตามสบายเถอะเจ้าไพ่นี่มันทำลายยากจนน่าแปลกใจเลยล่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะทำลายไม่ได้นะปกติแล้วมีไพ่ทั้งหมด 22 ใบ นั่นคือ 22ผู้สืบทอดของแฟมิลี่จะได้รับไพ่คนละใบ แต่เนื่องจากมันถูกทำลายนั่นแหละตอนนี้ไพ่ที่เหลืออยู่จริง มีเพียงแค่ 5 ใบที่มือของพวกเธอเท่านั้น”ทุกคนมองไพ่ในมือตัวเองอย่างไม่ไว้ใจ
                    “ช่วยพูดให้เข้าใจได้หน่อยได้ไหมฉันไม่ชอบเสียเวลา” เอวายกมือขึ้นพูดอย่างมีมารยาท แต่ก็ไม่วายถูกโจชัวล้อเลียนโจชัวขมุบขมิบปากระหว่างที่เอวาพูด
                    “งั้นเริ่มกันเลยฉันเห็นหลักฐานยืนยันสิทธิของทุกคนแล้วและฉันจะพูดเรื่องที่เหลือเชื่อจนพวกเธอไม่เชื่อเลยล่ะ”
                    “เหอะ”โจชัวประชดประชันเมื่อรู้สึกไม่พอใจในตัวเซนเดฟ แต่ทำอะไรไม่ได้
                    “อมีซีเทียแฟมิลี่ถูกก่อตั้งขึ้นจากกลุ่มเด็กม.ต้นกลุ่มหนึ่งเมื่อนานมาแล้วพวกเขาสร้างกลุ่มเพื่อปกป้องผู้คนจากความอยุติธรรมในยุคมืดในยุคนั้นไม่มีผู้ผดุงความยุติธรรมให้เห็นในสังคม ไม่มีหน่วยงานใดช่วยเหลือใครได้มีเพียงแค่ผู้ถูกข่มเหง และผู้ข่มเหงคนอื่นตอนนั้นเองที่นักเรียนห้าคนผู้เป็นแกนนำหลักได้เริ่มก่อตั้งองค์กรขึ้นและนี่เป็นเรื่องเมื่อนานมากแล้วและตอนนี้อมีซีเทียได้เปลี่ยนรุ่นสืบทอดมาหลายรุ่น พวกเธอคือรุ่นที่ 5 ”
                    “พูดเรื่องตลกอะไรล่ะนั่นทำไมพวกเราต้องสืบทอดอะไรไร้สาระด้วย”ฮันท์ที่เริ่มทนความสับสนไม่ไหวเริ่มถามขึ้นมาบ้าง
                    “ไม่ไร้สาระหรอกนะองค์กรของพวกเราใหญ่โตมาก และมีมูลค่ามหาศาล มีทั้งอำนาจต่อรอง ทรัพย์สิน ข้อมูลและกำลัง มันมากเกินกว่าที่เด็กอย่างพวกเธอจะรับผิดชอบไหวแต่เพราะพวกเธอคือผู้ถูกเลือก พวกเธอถึงอยู่ที่นี่”
                    “แต่ฉันมาที่นี่เพื่อมาช่วยคนสำคัญในกล่องบอกว่าถ้ามาฉันจะได้พวกเขาคืนไม่ได้ตั้งใจจะมาร่วมทีมหรือสืบทอดอะไรทั้งนั้น”ไบรอันพูดพลางจ้องเขม็งไปที่เซนเดฟ
                    “งั้นขออธิบายต่อพวกเธออาจจะรู้หรือไม่รู้ แต่พวกเธอมีบางอย่างที่เหมือนกันคือใครบางคนรอบข้างเธอหายตัวไป พวกเขาหายไปอย่างไร้สาเหตุ หายไปอย่างกะทันหันถ้าพวกเธอคิดว่าฉันหรือแฟมิลี่จับตัวพวกเขามาล่ะก็ พวกเธอคิดผิดเราไม่ใช่ศัตรูของพวกเธอ” เซนเดฟเว้นช่วงพูดก่อนจะเริ่มกดสไลด์ต่อไปเป็นรูปสัญลักษณ์อีกแล้ว แต่ต่างไปจากสัญลักษณ์แรก คราวนี้เป็นรูปกลมๆและมีเส้นวาดล้อมรอบคล้ายรูปดาวเสาร์
                    “ตอนนี้พวกเรากำลังถูกโจมตีอมีซีเทียแฟมิลี่กำลังถึงคราววิบัติ องค์กรขนาดใหญ่กำลังตามล่าพวกเราพวกมันกำจัดทุกอย่างที่เป็นของแฟมิลี่เรา ทั้งฐานทัพ กองทุน ธุรกิจ หรือแม้แต่คนพวกมันจะล้างบางพวกเรา”
                    “แล้วไปทำอะไรให้เขาล่ะเขาถึงโกรธขนาดนั้นน่ะ” ฮันท์ถามอย่างสงสัย
                    “ธุรกิจของเรามันอาจจะไปขวางทางเขานิดหน่อย เรื่องข้อมูลนั้นเปิดเผยมากไม่ดีหรอกนะและพวกมันก็เอาจริง มันล้างบางเราแน่ ตอนนี้อยู่ในภาวะสงครามพวกมันกำลังตามหาผู้สืบทอดทุกคน พวกมันกำลังตามหาเจ้าของไพ่”
                    “ฟังดูน่ากลัวนะ”สเวนเสนอความคิดเห็นหลังจากเงียบมานาน
                    “รู้อะไรไหมคนสำคัญของพวกเธอที่หายตัวไป พวกเขาอยู่กับพวกมัน”
                    “ไม่มีเหตุผลมารองรับเลยนะเซนเดฟถ้านายบอกว่าพวกมันจับตัวคนสำคัญของพวกเราไปแสดงว่าพวกมันก็ต้องรู้สิว่าไพ่อยู่ที่พวกเรา ทำไมมันไม่จับพวกเราไปฆ่าทิ้งซะเลยล่ะแล้วอีกอย่างไอ้องค์กรอะไรนั่นมีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้ ถึงฉันจะไม่ฉลาดเท่านายแต่ฉันก็ไม่โง่นะ” ไบรอันพูดในสิ่งที่คิดออกมา
                    “นายคนนั้นพูดจามีเหตุผลแล้วอีกอย่างถ้าพวกเราทิ้งไพ่นี่ซะ องค์กรนี่จะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเราซะหน่อย”เอวาพูดเสริม  
                    “แล้วถ้าฉันบอกว่า ผู้สืบทอดรุ่นที่ 4 คือคนที่พวกมันจับตัวไปล่ะ”
                    “แต่ว่าพวกมันจับแมวฉันไป...” สเวนพูดขวางขึ้นมาขนาดที่บรรยากาศเริ่มซีเรียสฮันท์แทบหลุดขำก๊ากออกมา
                    “เอ่อ...ขอโทษนะสเวนแต่แมวนายฉันจับมาเองแหละ” เซนเดฟพูดพลางเกาหัวแกรกๆ
                    “แล้วนาย...จับคุณวิคตอเรียมาทำไม!!!” สเวนถามเสียงแข็ง บรรยากาศเย็นยะเยือกขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์สเวนลุกยืนเต็มความสูง เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นสเวนที่รู้สึกโกรธจัดขนาดนี้
                    “เพราะฉันอยากจะคุยกับนายแบบนี้ไงล่ะนั่งลงก่อนเถอะ ฉันขอร้อง” เซนเดฟพูดแต่ไม่เหลียวไปมองหน้าของสเวนแม้แต่นิดเดียวใบหน้าที่โกรธจัดของสเวนนั้น...
                    “ผู้สืบทอดรุ่นที่สี่ได้มอบไพ่ให้กับพวกเธอ เพื่อให้ไพ่ปลอดภัย และศัตรูไม่รู้เรื่องนี้ แต่อีกไม่นาน...”เซนเดฟเว้นจังหวะเพื่อให้บรรยากาศลุ้นระทึกไปอีกขึ้น“อีกไม่นานพวกมันจะตามล่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับรุ่นที่สี่เพื่อตามหาไพ่และผู้สืบทอดคนต่อไป พวกมันจะฆ่าทุกคนที่คิดว่าใช่แม้สุดท้ายมันจะไม่ใช่ก็ตาม พวกมันจะสุ่มไปเรื่อยๆ จนเจอพวกเธอ”ทั้งห้าคนในห้องตกอยู่ในภวังค์ที่ยากจะดึงออก พวกเขาอาจไม่รู้ตัว แต่ที่แน่ๆคนสำคัญของพวกเขาหายไปเหมือนกัน พวกเขาอาจไม่รู้ว่าคนข้างๆ ก็รู้สึกเหมือนกัน
                    “สิ่งที่อยากขอให้พวกเธอทำก็คือปกป้องตัวเองและปกป้องผู้สืบทอดคนอื่น คนสำคัญของพวกเธอยังปลอดภัยแฟมิลี่ของเรากำลังหาทางช่วยอย่างสุดความสามารถ นี่คือสงครามและมันยังไม่จบง่ายๆ ฉันคงไม่กล้าบอกให้เด็กๆไปสู้ แต่อยากให้รู้ว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายและอย่าตายเด็ดขาด”
                    “เรื่องแบบนี้มันอะไรวะ”โจชัวโมโหฟาดเบาะโต๊ะเสียงดังตึง ทุกคนพากันขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจการที่ต้องเสียคนสำคัญไปแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบนี้ มันพิลึกสิ้นดี
                    “อันที่จริงฉันอยากให้พวกเธออยู่ที่ฐานทัพนี้จนกว่าสงครามจะสงบ ตอนนี้ทีมข้อมูลกำลังตามหาฐานทัพศัตรูกำลังพลของเรายังอยู่เต็มฐานทัพไปหมด ฉันว่ามันปลอดภัยมาก” เซนเดฟพูดชิวๆแต่เหมือนเด็กๆ ของเขาจะไม่มีใครมีสติมากพอจะรับฟังเขาได้อีกแล้ว
                    “ฉันขอคุณวิคตอเรียคืนและฉันจะกลับบ้าน” สเวนลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปประชิดตัวเซนเดฟ สเวนจ้องตาเซนเดฟอย่างไม่เกรงกลัวใดๆทั้งที่ปกติไม่กล้าจะจ้องตาใครเพราะอายแท้ๆแต่พอรู้ว่าคนที่จับจิคตอเรียมาเป็นเขาก็โกรธแค้นขึ้นมาจนอยากจะไปต่อยหน้าสักที
                    “ได้สิถ้านั่นเป็นความต้องการจริงๆ ของเธอ แต่ฉันว่าเธออยู่ที่นี่แล้ว เธอดูสนุกนะ”
                    “ฉันขอคุณวิคตอเรียคืนและฉันจะกลับบ้าน” สเวนพูดคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวกว่าครั้งไหนๆ
                    “อื้มๆฉันจะจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้นะ” เซนเดฟตอบรับนิ่งๆ
                    “ไม่ต้อง”สเวน
                    “ฉันก็จะกลับด้วย ช่วงนี้ฉันกำลังยุ่งเรื่องย้ายบ้านไม่มีเวลามานอนปลอดภัยอยู่ที่นี่หรอกนะ”เอวาเองก็เดินสะพายกระเป๋าเป้และออกจากห้องประชุมขนาดเล็กไปทันทีไม่เรียกร้องอะไรแม้สักนิดเดียว
                    หลังจากที่สเวนได้คุณวิคตอเรียคืนเขาก็รีบไปขึ้นเครื่องบินเพื่อกลับบ้านทันทีเรียกได้ว่าสเวนไม่ใส่ใจเรื่องที่เซนเดฟพูดแม้แต่นิดเดียว เรื่องแฟมิลี่เรื่องศัตรู เรื่องคนถูกจับไปอะไรนั่นสเวนคิดว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกันเลยแม้แต่นิดเดียว ฟังยังไงก็รู้สึกว่าฟังไม่ขึ้นสักทีสเวนรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้คืนไพ่ The Emperor ให้กับเซนเดฟไปดันลืมซะได้ ก็เลยกลายเป็นว่าต้องพกไพ่น่ากลัวนี่กลับบ้านอีก 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in